...หน้าต่างของหัวใจ...(จัดรูปแบบใหม่แล้วค่ะ)

    ภายในห้องสี่เหลี่ยมเกือบจัตุรัสขนาดไม่ใหญ่นัก ฝ้าเพดานสีขาวที่ดูจะต่ำไปสักหน่อยทำให้ดูอึดอัดไม่น้อย แต่ก็ได้ข้างฝาที่ทำจากไม้ซึ่งทาด้วยสีฟ้าอ่อนๆ ทำให้ดูสบายตาขึ้นบ้าง  มีเตียงไม้ไม่เก่านักนอนได้สองคนอยู่หนึ่งเตียง ข้างๆนั้นมีโต๊ะเล็กๆตั้งขนาบอยู่ทั้งซ้ายขวา ที่ว่างตรงปลายเตียงมีเก้าอี้เก่าๆข้างบนมีพัดลมที่เก่าไม่แพ้กัน  ถัดจากโต๊ะเล็กๆก็มีชุดโต๊ะและเก้าอี้ไม้กลางเก่ากลางใหม่สำหรับอ่านหนังสือ บนโต๊ะมีโคมไฟเล็กๆ มีเอกสาร หนังสือวางปะปนกันระเกะระกะ แสดงถึงความไม่ใยดีของเจ้าของเท่าไรนัก


    “เธอ”ก้าวเข้ามาในห้องนี้ตอนกลางคืนเหมือนๆกับทุกวัน แต่ทว่าวันนี้ดูจะมีรอยยิ้มเปื้อนอยู่บนใบหน้ากลมๆของเธอ  และก็เหมือนเดิมที่เธอนั่งลงที่เก้าอี้กลางเก่ากลางใหม่เพื่อสะสางงานหรืออ่านหนังสือไปตามเรื่องตามราวก่อนที่จะล้มตัวลงนอน แต่ในคืนนี้เป็นอีกคืนหนึ่งที่เธอยังไม่ปิดไฟในทันทีที่รู้สึกง่วง เธอหยิบสมุดบันทึกเล่มเดียวที่มีขึ้นมาจากลิ้นชักด้วยความทะนุถนอมพร้อมกับภาพที่โลดแล่นไปไกลนักในห้วงความคิดคำนึงของเธอ บวกกับแววตาที่ดูเป็นประกายมากกว่าทุกวันยิ่งทำให้เธอร้อนใจอยากเล่าเรื่องราวให้เจ้าสมุดฟังเร็วๆ เธอบรรจงเปิดสมุดไปเรื่อยอย่างเบามือจนไปถึงหน้าที่ยังขาวสะอาด รอให้เธอแต่งแต้มความทรงจำลงไป  เธอเอื้อมมือหยิบดินสอคู่ใจเพื่อเริ่มถ่ายทอดเรื่องราวและความรู้สึกให้กับเพื่อนผู้ซื่อสัตย์ฟังอีกครั้ง...

    วันนี้เธอมีนัดกับเพื่อนที่สวนจตุจักร บ่ายโมงตรง หน้าตู้เอทีเอ็ม เป็นเวลาและสถานที่ที่ได้ตกลงกันไว้ เธอตั้งใจออกจากบ้านเร็วขึ้นเพื่อให้ไปถึงก่อนเวลาเล็กน้อย เพราะเธออยากให้เพื่อนรู้ว่าเธอก็ตรงต่อเวลาเป็นกับเขาเหมือนกัน  ...ตามที่ตั้งใจ เธอไปถึงก่อนใครจึงยืนรออย่างเงียบๆ เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น ปลายสายคือเพื่อนคนหนึ่งที่นัดไว้ เขาโทรมาเพื่อบอกว่ากำลังจะออกจากบ้านให้เธอรออีกหน่อยเพราะบ้านของเขาอยู่ไม่ไกลนัก


    หลังจากวางสายเธอรู้สึกเฉยๆไม่ได้โกรธที่เพื่อนไม่ตรงต่อเวลา เพราะเธอก็เป็นอย่างนี้อยู่บ่อยๆ คิดในทางดีว่าเขาอาจจะตื่นสาย นาฬิกาไม่ปลุก เธอยืนรอเงียบๆต่อไป พลางมอง - คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เธอมองไปเห็นชาวต่างชาติคนหนึ่งกำลังโบกรถแท็กซี่ซึ่งเป็นแท็กซี่ค่อนข้างเก่า เขายกข้าวของที่ดูว่าหนักไม่น้อยขึ้นรถ เธอสังเกตจากรถที่ทรุดตัวลงไปพอควร  คนช่างคิดช่างสังเกตอย่างเธอตั้งคำถามขึ้นมาในใจ ว่าทำไมเขาจึงไม่เลือกรถใหม่ๆ แอร์เย็นๆ นั่งสบายๆนะ เพราะถ้าเป็นเธอไม่มีทางแน่ที่เธอจะเรียกรถเก่าๆ แต่แล้วเธอก็กลับแย้งขึ้นมาในใจตัวเองว่า ถึงจะเก่าแต่ยังไงก็คือรถ รถที่สามารถพาเราไปถึงจุดหมายได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ ใหญ่หรือเล็ก นั่นสินะความจริง รถแท็กซี่คันนั้นเริ่มแล่นออกไป....เธอหันหน้ากลับมาอีกทางเพื่อมองหาเพื่อน


    ดวงตาของเธอไปหยุดประสานอยู่ที่ดวงตาอีกคู่หนึ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าเจ้าของดวงตาคู่นี้จะมองเธออยู่ก่อนแล้ว นั่นแสดงว่าเขาจำเธอได้ เธอรู้สึกคุ้นเคยกับดวงตาคู่นี้เหลือเกิน ชื่อๆหนึ่งพุ่งเข้ามาในหัวเธออย่างจัง เธอดีใจที่ได้เจอเขาอีกครั้ง เธอรู้สึกว่าเขากำลังจะยิ้มให้เธอ ด้วยความที่เธอไม่ใช่คนที่จัดว่าสวยจึงไม่กล้าที่จะยิ้มทักทายเขาก่อน ทั้งที่สมองอยากจะสั่งการให้เจ้าปากยิ้มกว้างออกมาเสียที  ได้แต่คิดว่าถ้าเขายิ้มให้ก่อนเธอจะรู้สึกว่ากำแพงที่น่ากลัวได้พังทลายลงแล้ว และเธอก็จะยิ้มให้เขาทันทีอย่างไม่ลังเล  


     “สวัสดีค่ะ จำเราได้ไหม” คำทักทายที่ก้องอยู่ในใจเธอ


    ไม่มีเสียงใดๆเล็ดรอดออกมาจากปากคนทั้งสอง และไม่มีรอยยิ้มจากใครทั้งนั้น เขาเดินผ่านเธอไปพร้อมกับดวงตาที่ค่อยๆมองไปทางอื่น เธอยังคงยืนอยู่ที่เดิมเพียงแต่หันหน้าไปพร้อมกับดวงตาที่ยังมองไปที่เขา เธอเห็นเขาเดินเข้าไปหาเพื่อน เขาก็นัดเพื่อนไว้ไม่ต่างจากเธอ เพื่อนของเขาเดินมากดเงินที่ตู้เอทีเอ็มซึ่งอยู่ไม่ห่างจากเธอนัก  เขาเดินตามมา เป็นโอกาสอีกครั้งที่ดวงตาของคนทั้งคู่จะสบประสานกันอีก แต่แล้วเธอก็ทำได้แค่แอบมองด้วยแววตาเหงาๆอย่างเงียบเชียบ


    ความเสียดายเริ่มคืบเข้ามาเกาะกุมหัวใจดวงน้อยของเธอ  คำว่า “ถ้า”เป็นร้อยถ้าเริ่มเข้ามาในสมอง  คำถามหลายคำถามถูกตั้งขึ้นด้วยตัวเธอเองแต่เธอไม่มีคำตอบ ไม่รู้ว่าทำไม? ทำไมไม่ยิ้มให้เขาก่อน ทำไมไม่เข้าไปทักเขา ทำไมเขาไม่ยิ้ม แล้วทำไมเขาต้องมองเธอด้วย คงเป็นเพราะเขาจำเธอได้บ้างล่ะมั้ง คำถามสุดท้ายเป็นคำถามเดียวที่เธอพอจะมีคำตอบ คำตอบที่ออกจะเข้าข้างตัวเองไปสักหน่อย เขาและเพื่อนเดินเข้าไปในสวนจตุจักร เธอยังคงไม่ละสายตาจากเขา และเขาเองก็คงจะรู้อยู่เหมือนกันว่ามีใครบางคนลอบมองเขาอยู่


    เธอยังคงยืนรอเพื่อนต่อไป แต่ในหัวใจตอนนี้กลับเต้นไม่เป็นจังหวะเสียแล้ว ภายในหัวก็คิดถึงแต่เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไป เป็นเรื่องจริงที่ใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาที ไม่มีเวลามากมายให้เธอตัดสินใจได้ว่า จะยิ้มหรือไม่ยิ้ม จะทักหรือไม่ทัก แน่นอน...เวลาเดินต่อไปโดยไม่หยุด ไม่หยุดรอการตัดสินใจของเธอ โหดร้ายเหลือเกินสำหรับตัวเธอ แต่เธอไม่โทษเวลาหรอก ไม่มีใครผิดทั้งนั้น


    เธอรู้สึกขอบคุณอะไรบางอย่างที่ได้ทำให้เธอเจอกับเขาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเป็น ความบังเอิญ หรือความประหลาดกันแน่ที่ให้โอกาสแก่เธอ ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีอะไรเพิ่มเติมจากเดิม ยังคงไม่มีคำพูด มีเพียงดวงตาที่สอดประสานกันอย่างเงียบงัน แต่สิ่งหนึ่งที่เพิ่มขึ้นคือความรู้สึกดีดีของเธอที่มีต่อเขา เธอรู้ดีว่าความรู้สึกนี้ไม่ใช่ความรัก เพราะคำว่ารักสำหรับเธอนั้นมีพื้นฐานมากจากความเข้าใจซึ่งกันและกัน นั่นหมายถึงคนสองคนต้องรู้จักกันก่อนและเรียนรู้กันไปเรื่อยๆจนเข้าใจกันและยอมรับในแบบที่แต่ละคนเป็น


    ระหว่างเธอกับเขาไม่อาจจะเรียกได้ว่ารู้จักกัน เธอไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้เรียกว่าอะไร อาจเป็นเพราะยังไม่มีพจนานุกรมเล่มไหนๆให้คำนิยามได้ แต่เธอแน่ใจว่าความรู้สึกหนึ่งที่เธอมีต่อเขา เป็นความรู้สึกที่ดี ไม่ได้รู้สึกอยากครอบครอง ไม่ใช่ความใคร่


    ใคร่
    ถ้าเป็นไปได้เธอเพียงอยากจะขอแค่พบเจอเขาบ้างนานๆครั้งก็พอ ไม่จำเป็นต้องสบตาก็ได้ ขอเพียงได้พบ ไม่ต้องมีคำพูดคุย ขอเพียงได้เห็นว่าเขายังคงเดินไปบนเส้นทางชีวิตของเขา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นคนละเส้นทางกับเธอ และดูเหมือนว่าเส้นทางชีวิตของเขาและเธอจะเป็นเหมือนเส้นทางคู่ขนานก็ตาม แต่เธอก็ยอมรับมันได้และจะไม่พยายามทำให้คู่ขนานคู่นี้กลายมาเป็นเส้นตรงเส้นเดียวกันเป็นแน่ เพราะในความเป็นจริงเส้นขนานไม่มีวันมาบรรจบกันได้ เป็นความจริงที่สุด  


    ที่สุด  เธอไม่อาจรู้ได้ว่าเขาจะจำเธอได้บ้างรึเปล่าแต่เธอแน่ใจว่าเธอจำเขาได้ไม่มีวันลืม  เธอไม่อาจรู้ได้ว่าเขาจะเคยคิดถึงเธอบ้างรึเปล่าแต่เธอแน่ใจว่าเธอคิดถึงเขาอยู่เสมอ  เธอไม่อาจรู้ได้ว่าเขารู้สึกอย่างไรกับดวงตาของเธอแต่เธอแน่ใจว่าดวงตาของเขาทำให้เธอมีพลังไม่น้อย  เธอไม่อาจรู้ได้ว่าเขาคิดอย่างไรกับเธอและเธอก็ไม่แน่ใจเช่นกันว่าเธอคิดอย่างไรกับเขากันแน่  ไม่แน่ใจเลยจริงๆ  เธอคิดเพียงว่าไม่จำเป็นหรอกที่จะต้องรู้ว่าเรารู้สึกอย่างไร หรือคิดอย่างไรกับคนๆหนึ่ง ขอให้เรารู้เพียงว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดีและเป็นความรู้สึกที่มีความสุขเท่านั้นก็เพียงพอแล้วกับคนสองคน


    วันนี้เพื่อนของเธอยังคงตั้งใจฟังเธอเล่าและยังคงเก็บเรื่องราวเหล่านี้ไว้ เก็บไว้อย่างซื่อสัตย์ รอให้เธอหวนกลับมาอ่านเพื่อย้ำเตือนหัวใจว่ายังคงมีความทรงจำดีดีอยู่ในนั้นด้วย เพราะทั้งชีวิตของคนๆหนึ่งหัวใจต้องทำงานหนักไม่น้อย อาจหลงลืมบางสิ่งไปก็เป็นได้  เธอวางดินสอคู่ใจลงและให้เพื่อนผู้ซื่อสัตย์ได้พักผ่อน เธอเองก็เช่นกัน  


    ห้องจัตุรัสสีฟ้ากลับกลายเป็นห้องสีดำ มีเพียงแสงไฟทางที่ลอดผ่านหน้าต่างมุ้งลวดเข้ามาสลัวๆ เธอเอนกายลงนอนเคียงข้างแม่ที่แสนรัก ในขณะที่ดวงตาของเธอปิดลงเธอกลับคิดถึงดวงตาคู่นั้นขึ้นมา  คิดถึงคิ้วคมเข้มของเขา  คิดถึงเขา  เธอไม่อาจหลับลงได้ในคืนนี้ ขอคิดถึงเขาอีกสักหน่อย




    จากคุณ : โปรปิติ - [ 15 ต.ค. 46 23:23:39 A:203.113.39.13 X: ]