บัวขาว
พ.ไทยยืนวงษ์
มีร้านกาแฟอยู่ร้านหนึ่งที่ถ้าหากมีโอกาส ผมมักชอบไปนั่งอ่านหนังสือเป็นประจำ ร้านนี้อยู่ในห้างสรรพสินค้าบรรยากาศสบายๆ ไม่พลุกพล่านเหมือนห้างที่ดังๆใหญ่ๆทั่วไป แสงไฟในร้านดูน่าอบอุ่น พื้นปูไม้ปาร์เกต์สีน้ำตาลแดงตลอดห้อง เคาน์เตอร์ไม้สีน้ำตาลเข้มด้านบนเป็นหินอ่อนสีทึมทึบ เมื่อผิวเนื้อสัมผัสก็จะรู้ถึงความเย็นเยือก เก้าอี้กลมสูงห้าหกตัวเอาไว้รองรับลูกค้านอกเหนือไปจากเคาน์เตอร์บาร์ก็ยังมีโต๊ะกลมขนาดเล็กอีกสามสี่ตัว แต่ละตัวมีเก้าอี้ที่มีพนักพิงทำด้วยไม้ล้วนแกะลายง่ายๆอีกสองตัว
ที่ร้านนี้นอกจากความอร่อยของรสชาติกาแฟแล้ว ยังมีเสียงดนตรีที่แสดงบนเวทีเล็กๆด้านนอกห่างไปเพียงไม่กี่เมตร
วงดนตรีแบบนี้เรียกว่าวงทริโอเนื่องจากเล่นกันเพียงสามชิ้นคือ ไวโอลิน เปียโนและดับเบิลเบส เพลงที่เล่นมักเป็นเพลงที่ฟังสบายๆอย่างบทเพลงสุนทราภรณ์หรือเพลงไทยเก่าๆเพราะๆ เพลงสากลก็เล่นได้หลากหลาย หน้าเวทีมีผู้ฟังไม่น้อยกว่าสิบห้าคนนั่งฟังกันอย่างตั้งอกตั้งใจ และอีกมากมายที่เพียงแค่หยุดแวะฟังและเดินผ่านไปอย่างไม่ใส่ใจมากนัก
รสขมเข้มของโอสถทิพย์นามเอสเปรสโซทำให้ผมอิ่มใจในบรรยากาศและรสดนตรีเสมอ
วันหนึ่ง เมื่อเริ่มเปิดหน้าหนังสือหลังจิบกาแฟไปพักใหญ่แล้ว พลันก็ต้องหยุดชะงักด้วยสะดุดใจกับเสียงดนตรีที่หวานพลิ้วปลิวเข้ามาในโสตประสาท
เห็นบัวขาว พราวอยู่ ในบึงใหญ่
ดอกใบบุปผชาติสะอาดตา
น้ำใสไหลกระเซ็นเห็นตัวปลา
ว่ายวนไปมาน่าเอ็นดู...
ผมมองภาพออกเลย...ดอกบัวที่พราวพรายกลางสายนที บมิมีแม้สิ่งใดมาไต่ต้อง น้ำใสหมู่มัศยาน่าเมียงมอง ว่ายวน ณ ริมคลองต้องสุรีย์...
อารมณ์นี้คืออารมณ์ที่ผมรักที่สุด..
บทเพลงบัวขาวของท่านผู้หญิงพวงร้อย อภัยวงศ์ ผมเองได้ฟังมาแต่ครั้งเยาว์วัย เมื่อตอนเด็กๆก็รู้สึกเพราะดี แต่ไม่สู้กระไรนัก ครั้นได้เติบโตมากลางสิ่งแวดล้อมสังคมเมืองกรุงที่พลุกพล่านด้วยคนและหม่นหมองด้วยมลพิษ ก็เริ่มคะนึงหาความหวานบริสุทธิ์ของต้นไม้ป่าลำธารแต่ก่อน ความประทับใจในเพลงก็ฝังแน่นกลายเป็นเพลงในดวงใจไปแล้ว
คน เมื่อรู้ว่าเริ่มใฝ่หาความสบาย ก็เริ่มเรียกร้องขอธรรมชาติกลับคืนมา...นกที่บินในกรงซึ่งแม้ใหญ่ ก็ไม่ร่าเริงใจดังปักษีที่โบยบินอย่างเสรีกลางเวหน..
บัวขาวคือบุณฑริกอันบริสุทธิ์ เป็นตัวแทนของความใสซื่อสะอาดไม่มีมลทินของธรรมชาติ บึงใหญ่เปรียบเป็นโลก คือมารดาแห่งพิภพผู้ให้กำเนิดและเป็นที่อยู่ของเหล่าสรรพสิ่ง ในที่นี้คือมาตุภูมิแห่งดิน น้ำ และดอกบัว
เมื่อครั้งยังอยู่ในช่วงหนุ่มแน่น เพื่อนรักนักจิตรกรเชื้อเชิญไปสัมผัสสายธารแห่งท้องทุ่งบ้านนา ได้นั่งลง ณ ริมตลิ่ง สูดเอากลิ่นกรุ่นความซื่อใสของบรรยากาศไว้ให้เต็มปอด ดอกบัวเบื้องหน้าสีขาว ชูก้านดอกสวยเหมือนใจผมในตอนนั้น หมู่แมลงปอคือเครื่องประดับเสริมให้บัวนั้นงามจับตายิ่งขึ้นไปอีก ฝูงปลาตะเพียนเกล็ดเงางามว่ายวนเวียนหากินอยู่แถวกอบัวอันอุดมด้วยอาหาร
สองสัปดาห์ต่อมา ผมได้เห็นภาพ บัวขาวเขียนด้วยสีน้ำมันอยู่ในกรอบไม้เรียบๆติดอยู่ที่ฝาบ้านของเพื่อนจิตรกร ส่วนผม จนถึงปัจจุบันยังไม่สามารถเขียนเกี่ยวกับบัวขาวและฝูงปลาได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราวเสียที ทั้งที่ได้ลองมาหลายครั้ง นอกจากฉันท์บทนี้
บัวขาว ณ ริมน้ำ สิริล้ำลออสวย
ผึ้งน้อยระรินรวย ตะละตนมิยอมกัน
ลมโชยผะแผ่วมา มัศยาก็ผายผัน
ว่ายวนระเรี่ยพลัน ก็จะพุ่งจะกินเหยื่อ
บัวงามสว่างแผ้ว ประดุจแก้วบ่จางเจือ
หมู่ภุมรินเอื้อ ขยับย้ายตะลอมหอม
แสงสวยสุรีย์ฉาย บุรุษหมายจะดมดอม
เอื้อมมือประคองจอม- สวาสดิ์คล้ายตระกองนาง ฯ
แก้ไขเมื่อ 16 ต.ค. 46 20:40:29
จากคุณ :
อันโตนิโอ
- [
16 ต.ค. 46 20:36:49
]