แล้วผมก็เข้าใจ (จึงมาเขียนต่อ)
เข้าใจว่าเหตุใดสายตาของมุกจึงสั่นระริกอย่างนั้น
เข้าใจด้วยประโยคแนะนำตัวสั้น ๆ ที่เธออธิบายเกี่ยวกับเขาคนนั้น
คุณสุธน แฟนฉันเอง..
..
หมายความว่าอย่างไร??
ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่ายัยมุกกำลังมีแฟน
เคยรู้แต่ว่ามีคนมาก้อร่อก้อติกอยู่บ้าง
แล้วทำไมวันนี้ถึงมาบอกว่ามีแฟน??
คุณอาจสงสัยว่าผมรู้สึกอย่างไร
ผมไม่รู้สึกอะไรเลย
เพราะกำลังแปลกใจอยู่กับอาการแปลก ๆ ของตัวเอง
นั่นคืออาการเหมือนกำลังยืนอยู่ที่สูง
แล้วมองลงไปยังที่ต่ำ
อาการวูบจากท้องน้อยวิ่งจี๋ไปยังต้นคอ
แล้วย้อนมาตามแผงหลังลงไปถึงตาตุ่ม
เอ๊ะ..ผมกำลังเป็นอะไร?
..
พอดีผ่านมาเจอ..ก็เลยเข้ามาทัก งั้นตามสบายแล้วกัน..
เป็นคำพูดประโยคเดียวของผม แล้วผมก็ลาออกมา
เดี๋ยวสิ..จะรีบไปไหน? มุกถาม
ผมยิ้ม
แล้วเดินออกมาโดยไม่ตอบคำใด
ผมเริ่มเข้าใจเลา ๆ แล้วว่าความรู้สึกวูบวาบนั้นคืออะไร
มันคือความสูญเสียนั่นเอง!!
..
ผมสูญเสียอะไร?
ผมตอบไม่ได้
เพราะกำลังสนุกอยู่กับเสียงของมุกที่ก้องไปมาอยู่ในหัว
คุณสุธน แฟนฉันเอง..
ๆๆๆๆๆ
ถ้าเลยวันนี้ไปแล้ว
ก็ถือว่าสายเกินไป..
ไม้ไต่คู้ ไม้ไต่คู้ ไม้ไต่คู้ ไปยาลใหญ่
วันนี้ยังไม่หมดสักหน่อย
ผมโวยวายกับตัวเองเมื่อถึงบ้านแล้วล้มตัวบนที่นอน
เพิ่งจะทุ่มเดียวเอง ทำไมวันหนึ่งของยัยมุกถึงได้สั้นนัก
ไม่ได้ ต้องถามให้รู้ดำรู้แดง
ถลาเข้าไปที่โทรศัพท์
กด redial ทีเดียวก็ได้ยินสัญญาน
ก็เครื่องนี้ไม่เคยโทร.หาใคร
นอกจากโทร.หาเธอ
..
เสียงสัญญานดังประมาณสามครั้งครึ่ง
เธอรับ
ฮัลโหล..ว่าไง??
ผมวางหู
นั่นดิ..ว่าไง?
ที่นอนที่แม้จะไม่เคยเรียบสนิทเกินห้านาที แต่คราวนี้มันยับยุ่งเหยิงแทบดูไม่ได้
หมอนไปทาง ผ้าปูไปทาง
โทรทัศน์ถูกเปิดเสียงลั่น
วิทยุเปิดเสียงแข่ง
หูซ้ายผมฟังโทรทัศน์
หูขวาฟังวิทยุ
สายตามองหน้าคอมพ์ที่เปิดภาพบางอย่างอยู่
เป็นภาพที่มุกกับผมไปเที่ยวด้วยกัน
..
โหย
เจ็บปวดมาก
เพลงบางเพลง ภาพบางภาพ ทำให้ผมเจ็บปวดมาก
ความสูญเสียเป็นอย่างนี้เองหรือ??
ทำไมผมไม่รู้มาก่อนเลย
ว่าผมรู้สึกอย่างไรต่อมุก ยัยมุกหน้าม้าฟันหลอคนนั้น
..
ผมคลิกไปที่เมล์ของผม
ผมไม่ได้เปิดเข้ามานานหนักหนา
ปรากฎว่ามันเต็ม
นอกเสียจากมีเมล์ของเพื่อนสองสามคนแล้ว
ส่วนที่เหลือเป็นของเธอทั้งหมด
เธอ!
..
และนี่คือข้อความบางส่วน
ที่ผมอยากจะให้คุณได้อ่าน
แล้วช่วยกันลงความเห็นว่า
ผมควรจะถูกด่าว่าอย่างไร??
มีนาคม 46
จริง ๆ แล้วฉันอยากโทร.หาเธอนะ
แต่ฉันกลัวเธอเบื่อซะก่อน
เลยใช้วิธีเมล์หาดีกว่า
ไม่มีอะไรมากหรอก
แค่อยากบอกว่า
คิดถึง
.
เมษายน 46
วันนี้ฉันได้รับการแนะนำให้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่ง
เขาเป็นเพื่อนกับลูกเจ้านายของฉัน
ขอบอก หล่อมากกกกกกกกก
เขาชื่อสุธน ชื่อเชยดี
ไม่รู้เขาได้เบอร์ของฉันได้ยังไง
เมื่อตะกี้โทร.มาคุย
บอกว่าอยากจะชวนไปทานข้าว
แหวะ..เชยกว่าชื่อซ้าอีก
เธอไม่ต้องกลัวนะ ฉันไม่รับนัดเขาง่าย ๆ หรอก
..
พฤษภาคม 46
ดีจังเลย..
อย่าเพิ่งงง ที่ฉันว่าดีจังเลยก็เพราะวันนี้ฉันได้มีโอกาสได้ดูหนังกับเธอไงล่ะ
หนังสนุกดีเนาะ?
แต่ไม่เห็นเธอสนใจหนังเท่าไหร่เลย มัวแต่กินข้าวโพดคั่วอยู่นั่นแล้ว
นี่ ถามจริง เธอเคยคิดอะไรที่มากกว่าสิ่งที่เธอเห็นหรือเธอทำอยู่ตรงหน้ามั่งไหม?
ฉันรู้ ถึงแม้ฉันจะถามไป เธอก็ไม่ตอบมาหรอก
ฉันว่านะ วันไหนเธอตอบเมล์ฉัน ต่อให้วันนั้นมีเครื่องบินวิ่งชนตึกเวิล์ดเทรดอีกครั้ง
ฉันยังจะแปลกใจน้อยกว่า..
เฮ้อ
อ้อ..ลืม อีตาสุธนนี่ขี้ตื๊อชะมัด
โทร.หาฉันวันละสามรอบ ดักเจอฉันทุกเที่ยงวัน
สงสัยหมอนี่จะเอาจริงแฮะ
แล้วเธอว่าไง??
..
มิถุนายน 2546
วันนี้ฉันเหงา ฉันล้าอย่างไรพิกล
นั่งมองดาวบนฟ้าก็แล้ว มองจันทร์ก็แล้ว
ก็ไม่เห็นหายเหงา
เธอเป็นไงบ้าง?
คงสบายดีเหมือนเคยนะ
รู้ไหม ฉันมีเรื่องไม่สบายใจบางอย่าง
บางที ฉันอาจจะต้องตัดสินใจอะไรซะแล้ว
ทุกวันนี้ ฉันภาวนาตลอดเวลา ว่าอย่าให้ถึงวันนั้น
วันที่ฉันต้องเลือกระหว่างอะไรบางอย่าง กับหัวใจของตัวเอง
อย่าให้ถึงวันนั้นเลย..
.
มิถุนายน 2546 (ฉบับที่สอง)
ฉันบอกอะไรเธอไปบ้างหรือยังนะ??
คงไม่ได้บอก เพราะเธอไม่เห็นสนใจจะถามอะไรฉันเลย
ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้ต่อว่าอะไรเธอ เพียงแต่น้อยใจเฉย ๆ
ดูเธอไม่ยินดียินร้ายอะไรกับฉันเลย
ดีเหมือนกันนะ ที่ฉันยังวาดวิมานความฝันอยู่ได้
มันทำให้ฉันมีความสุข แม้จะชั่วครั้งชั่วคราวก็ตาม
ฉันแค่หวังว่า เราจะมีกันและกันตลอดไป
แค่นั้นเอง
กรกฎาคม 2546
เขาเพิ่งกลับไปเมื่อกี้นี้เอง
จะใครซะอีก อีตาสุธนนั่นแหละ
เขาบุกถึงบ้านฉันเลยนะ
คุณแม่ถึงกับตกใจ แต่ดูท่านก็ค่อนข้างจะชอบเขานะ
เขาสุภาพดี หน้าตาก็ดี พูดจาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่
นี่เธอรู้ไหม คุณแม่ถามฉันว่าแล้วฉันเอาเธอไปเก็บไว้ที่ไหน
เธอจะให้ฉันตอบว่าอะไรดี??
สิงหาคม 2546
ฉันขอถามอะไรเธออย่างหนึ่งนะ
เธอต้องตอบฉันให้ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ฉันขอถามเธอว่า เธอคิดอย่างไรกับฉัน
ตอบฉันให้ได้ให้เร็วที่สุด
เวลาของฉันเหลือน้อยลงทุกที
นะ..ตอบฉันนะ
..
กันยายน 2546
แหม..วันนี้ ฉันเหนื่อยชะมัดเลยเธอเอ๋ย..
ก็ฉันต้องไปโรงพยาบาลตั้งแต่เช้า กลับมาก็เกือบเย็นแล้วยังจะต้องมานั่งปลอบใจคุณแม่ของฉันอีก
ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย คุณแม่ก็ฟูมฟายไปได้
เวลาฉันเหลืออีกตั้งเยอะ เหลือพอที่จะทำอะไรดี ๆ อีกตั้งหลายอย่าง
จริงไหมเธอ??
.
กันยายน 2546(ฉบับที่ 2)
วันนี้วันเกิดเธอ
เธอนี่แย่ชะมัดเลยรู้ไหม วันเกิดของตัวเองยังลืมได้
นี่ถ้าฉันไม่โทรไปปลุก เธอคงไม่ลุกจากที่นอน
จริง ๆ ฉันอยากจะอวยพรเธอนะ แต่พอเธออยู่ด้วยฉันก็อวยพรไม่ออก
เหมือนกับอีกหลายสิ่งหลายอย่าง ที่ฉันอยากจะบอกเธอ อยากจะถามเธอ แต่ฉันก็ถามไม่ได้
เอาล่ะ ตั้งใจให้ดีนะ พนมมือด้วยก็ยิ่งดี
ฉันขอให้เธอมีแต่ความสุข สมหวังในความรัก ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
และที่สำคัญ ขอให้เธอมีสุขภาพที่แข็งแรง
โรคภัยไข้เจ็บใด ๆ อย่าได้มาใกล้
เพี้ยง
สาธุ
.
อ้อ..ไอ้ติมที่ซื้อให้อย่าลืมกินล่ะ มันไม่เปรี้ยวหรอก ฉันยืนยัน
และอีกอย่าง ที่ฉันถามเธอไว้ เมื่อไหร่เธอจะให้คำตอบ??
ฮึ?
.
ตุลาคม 2546 (ฉบับสุดท้าย)
เป็นฉบับที่มาถึงผมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี่เอง
เธอคงคิดว่าผมคงจะเปิดอ่าน พอเช้าวันเสาร์เธอจึงโทร.มาย้ำอีกครั้ง
ว่าวันนี้เป็นวันสุดท้าย ที่เธอจะรอคำตอบจากผม
เพราะเธอไม่มีเวลาแล้ว
..
..แม้เธอจะมีคำตอบให้ฉันว่าอย่างไร
แต่ขอให้เธอรู้ไว้ว่า
ฉันปรารถนาดีต่อเธอเสมอ
ตลอดไป
ผมหันไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา
กดเบอร์ที่บ้านเธอ ผมต้องการจะคุยกับคุณแม่ของเธอ
ผมจะต้องรู้ให้ได้ว่า เรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่???
..
มีเสียงรับจากปลายสาย
คุณแม่ของเธอพูดกับผมด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น
ท่านไม่เชื่อว่าผมไม่รู้เรื่องมาก่อนเลย
จนผมต้องยืนยันกับท่านอีกครั้ง ท่านจึงได้เล่าความจริงทั้งหมดให้ผมฟัง
..
ตั้งแต่วันอาทิตย์นี้เป็นต้นไป มุกต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการบำบัดอย่างต่อเนื่อง
เธอต้องฉายแสง เปลี่ยนถ่ายเลือด ซึ่งทุกวิธีต้องอยู่ในห้องปลอดเชื้อ
เป็นการกำจัดมะเร็งร้าย ให้ออกจากเม็ดเลือดของเธอ
หมอบอกว่า ทำหรือไม่ทำค่าแทบไม่แตกต่าง
เพียงแต่ช่วยยืดลมหายใจของเธอออกไปให้นานขึ้นเท่านั้น
เธออาจจะไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลอีกเลย หากการเปลี่ยนถ่ายเลือด มีปัญหาจากการไม่ยอมรับเซลล์เลือดใหม่อย่างที่ร่างกายของเธอเคยเป็นมา
พูดง่าย ๆ ก็คือว่า ผมอาจจะไม่ได้เห็นหน้าเธออีกแล้ว ตลอดชีวิตนี้
เธอบอกกับคุณแม่ของเธอเสมอว่า เธอต้องการเคลียร์ทุกอย่าง ไม่ให้ชีวิตของเธอติดค้างใคร
ทั้งสุธี เพื่อนชายที่พยายามจีบเธอ เธอก็บอกปฏิเสธความรักของเขาเพื่อไม่ให้เขามาเสียเวลากับเธอ
แต่คนที่เธอเคลียร์ได้ยากที่สุด ก็คือผม
เธอบอกกับคุณแม่ของเธอว่า เธอรักผม
แต่เธอไม่รู้ว่าผมคิดอย่างไรกับเธอ
เธอไม่อยากให้ผมรักเธอ
เธอไม่อยากให้ผมต้องเสียใจเมื่อเธอต้องจากไป
เธอต้องการให้แน่ใจว่าผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอจริง ๆ
เธอจึงจะวางใจ ยินยอมเข้ารับการรักษา โดยยอมรับต่อผลเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นทุกประการ
ผมเองที่ไม่ยอมเคลียร์กับเธอ
ผมเองที่ไม่เคยให้คำตอบกับเธอเลย..!!!
.
บ้าที่สุด
นอกจากจะด่าตัวเองแล้ว
คุณ ๆ คิดว่าผมควรจะทำอย่างไรดี????
..
จากคุณ :
ปุ๋งปิ๊ง
- [
21 ต.ค. 46 15:31:15
A:202.5.82.210 X:
]