..บันทึกจากสายลม..

    เสียงนาฬืกาปลุกรุ่นโบราณที่ใครต่อใครหลายคนในยุคนี้คงเลิกใช้ไปนานแล้ว ดังก้องกรีดเสียงกังวานไปทั้งห้อง  โดยสัญชาตญาณ “ผม”พลิกตัวหันไปตะปบพร้อมกับกดปุ่มปิดสวิตช์เพื่อดับเสียงชวนแสบแก้วหูนั่นทันควัน ก็ใครจะไม่ตื่นไหว ดังซะลั่นยูนิตขนาดนั้น นอกจากจะโดนเพื่อนร่วมยูนิตที่มีอยู่อีกสี่ชีวิตลุกออกจากห้องมาเตะแล้ว อาจมีสิทธิ์โดนเพื่อนบ้านปากระจกอีกต่างหาก

    ‘ตีห้าแล้วเหรอเนี่ย’ ผมนึกในใจ เวรกรรมแท้ผมพึ่งได้นอนไปตอนตีสองกว่านี่เอง แต่ไม่ลุกก็ไม่ได้แล้ว เพราะต้องรีบล้างหน้าล้างตาจับรถไฟไปสนามบินซึ่งอยู่ห่างย่านไชน่าทาวน์ กลางใจเมืองซิดนี่ย์ที่ผมพำนักอาศัยมาได้แล้วสามปี ไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมง นึกย้อนไปถึงบทสนทนาที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่ถึงยี่สิบชั่วโมงที่แล้ว

    “อ้าว..ไหนบอกว่า ไอ้ติ๊กจะมารับไงวะ” เสียงผมโวยวายไปตามสายโทรศัพท์

    “โทษทีว่ะ ติดต่อไอ้ติ๊กไม่ได้เลย ไม่รู้จู่ๆมันหายไปไหน กรูก็เหลือ:-)คนเดียวนี่ล่ะ พอจะพึ่งพาอาศัยได้” เสียงอ่อยๆของณยศจากปลายทาง

    “เออ..โอเคๆ กรูไปรับได้ไม่มีปัญหาหรอก ก็แค่งงๆว่าทำไมจู่ๆเกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน แล้วอย่างนี้จะไปพักที่ไหนละเนี่ย”

    เสียงตอบรับจากปลายสายที่อ่อยลงไปกว่าเดิม ทำเอาผมลอบถอนใจ ทำอะไรกันนะสองคนนี้ มาเรียนต่อต่างประเทศเป็นปีๆนะ ไม่ได้มาเที่ยวแค่วันสองวัน ทำไมถึงได้ไม่เตรียมการอะไรให้มันรัดกุมกว่านี้ สุดท้ายก็ต้องเป็นผมที่ไปรับเพื่อนเก่าร่วมรุ่นมัธยม ซึ่งกำลังจะมาเรียนต่อเอาปริญญาใบที่สองที่ประเทศนี้ แถมยังต้องเอื้อเฟื้อที่พักให้อีกเป็นการชั่วคราว ปัญหาน่ะไม่มีหรอก ก็แค่หงุดหงิดนิดหน่อยเท่านั้น

    ‘ไอ้ติ๊กนี่ก็แปลก รับปากรับคำกันเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วแท้ๆ จู่ๆดันมาล่องหนปล่อยเพื่อนลอยแพเฉย มันน่านัก’ อดบ่นในใจไม่ได้ จะว่าไปณยศสนิทกับไอ้ติ๊กมากกว่าผมซะอีก การมาเรียนต่อที่นี่จึงมีไอ้ติ๊กเป็นคนรับปากจะจัดหาเรื่องที่พักพร้อมกับไปรับที่สนามบิน ส่วนผมช่วยติดต่อเรื่องเรียนให้เท่านั้น

    จากคุณ : ก้านใบ - [ 25 ต.ค. 46 16:12:29 A:203.109.249.138 X:203.173.134.201 ]