เมื่อครั้งที่ฉันแต่งงานและย้ายเข้าหอรักใหม่ๆ ทุกสิ่งดูแปลก แปลก และก็แปลก ฉันได้รับรู้ประสพการณ์ใหม่ๆในชีวิตมากโข ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องท้าทาย และน่าตื่นเต้นทั้งสิ้น
ผ่านสองสัปดาห์หมาดๆ กลางดึกสงัด ยามตีสอง ตึงๆๆๆๆๆ โวกเวก โวกเวก เปรี๊ยงๆๆๆๆ ขลุกขลัก ขลุกขลัก โฮ้ย เฮ้ย
เสียงเหล่านี้ คือเสียงที่ดังอยู่หน้าบ้าน เสียงชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่ง วิ่งไล่ยิง ชายอีกกลุ่มหนึ่งอย่างอุกอาจ ฉันตื่นขึ้นมาแอบฟังสถานการณ์ และพาลคิดว่า โอ๊ะ แม่ เจ้า
เราจะอยู่รอดไหมนี่ แถวนี้น่ากลัวมาก
หลังจากนั้น ฉัน
ผู้ซึ่งหวาดระแวงกับสิ่งแวดล้อมอยู่ล่วงหน้าแล้ว ยิ่งตื่นตระหนกหนักขึ้นไปอีก มีหลายครั้งเลย ที่ฉันและสามี อยู่ในเหตุการณ์เสี่ยงภัย และ/หรือโดนภัยล่วงละเมิดอย่างโจ่งแจ้งจริงจัง แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ตื่นเต้นมาก
คืนเดือนมืด ยามสามทุ่มเศษ ติ๊งหน่อง ติ๊งหน่อง เสียงกริ่งดังขึ้นติดๆกัน สามีกับฉันหันมามองหน้ากันว่า ใครหนอจะมาตอนนี้ได้ สามีฉันเดินลงไปเปิดประตูบ้าน ฉันแอบมองที่หน้าต่าง
สามีโผล่ศรีษะจีนๆ ชะโงกออกไปดูนอกประตูบ้าน หันซ้ายแลขวา แล้วสามีก็เดินออกไปหน้าประตู และเดินกลับเข้าประตูมาพร้อมถุงกระดาษอีกหนึ่งถุง
สามีมีท่าทีลังเลใจ ว่าแล้ว สามีก็แขวนถุงดังกล่าวไว้ที่ต้นไม้ตรงรั้วบ้าน แล้วเดินขึ้นห้องนอน
สามีแจ้งข่าวว่า ไม่มีใครที่ประตู มีแต่ถุงใบนั้น ซึ่งมีกล่องห่อของขวัญต้องสงสัยบรรจุอยู่ ฉันกับสามีวิเคราะห์สถานการณ์
ผิดบ้าน
? เป็นไปไม่ได้ เพราะรอบบ้านเราทั้งซ้าย ขวา ตรงข้าม เกลี้ยงเกลาและโกร๋นมาก เราเป็นบ้านหลังเดียวที่ตั้งตระหง่าน เพราะฉะนั้น ผิดบ้าน เป็นไปไม่ได้
ผิดซอย
? เป็นไปได้ แต่การเอามาวางแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องปกติ อารมณ์จะออกแนวติดลบเสียด้วยซ้ำ แล้วของที่บรรจุในกล่องนั้น คงไม่น่าไว้วางใจแล้ว หรือว่ามันคือ ระเบิด!!!!!
สามีรีบจิ้มโทรศัพท์เรียกตำรวจและแจ้งที่บ้านพ่อแม่ด่วนจี๋ แป๊บเดียว ตำรวจสามนาย พ่อสามี น้องชายสามี ก็มารวมตัวที่บ้านฉัน
เขาเหล่านั้นพร้อมสามี ต่างยืนจดๆ จ้องๆ ถุงน้อย โดยที่ไม่รู้จะทำอะไรดี ฉันแอบมองอยู่บนบ้านก็รู้สึกว่าตลกมาก แต่ก็กลัวด้วย
จู่ๆ ตำรวจใจห้าวหาญนายหนึ่งอาสาเปิดถุงแกะกล่อง กรุณานึกภาพ - ชายฉกรรจ์ ห้าหกคน ยืนเก้ๆกังๆ ทุกคนดูเหมือนกำลังอยู่ในช่วงลังเลชีวิต
อยากรู้ก็อยากรู้ กลัวก็กลัว เลยดูหลุกหลิกพิกล
ตอนที่ตำรวจกำลังแกะกล่องของขวัญอยู่ ทุกคนก็ชะโงกหน้าเข้ารุมดู แต่พอตำรวจทำท่าจะเปิดกล่อง ทุกคนก็แตกกระเจิง แตร๊นนนนนนนนนน!!!!!!!
ทุกคนหัวร่อร่า เมื่อเห็นของที่อยู่ในกล่อง พี่ พี่ พี่ ไปมีกุ๊กกิ๊กที่ไหนหรือเปล่านี่ ตำรวจถามสามีฉัน เมื่อพบว่า สิ่งที่อยู่ในกล่องคือ Shirt ยี่ห้อเริดหรู พร้อมการ์ด ที่เขียนด้วยลายมือผู้หญิง ถ้อยคำทำนองตัดพ้อ ว่า อย่าโกรธกัน คิดถึง อยากเห็นหน้า อะไรทำนองนี้ ในการ์ดเอ่ยถึงชื่อผู้หญิง และผู้ชายที่สาวเจ้าถวิลหา แต่ชื่อนั้นไม่ใช่ชื่อสามีฉัน
ฉันทราบเหตุการณ์แล้วก็แปลกใจว่า เธอคนนั้น ช่างป้ำเป๋อได้ขนาดนี้ ส่งของให้คนรักยังส่งผิดที่เลย ป่านนี้คงยังไม่เข้าใจกันเลยมั้ง
ตำรวจกลับโรงพักไปพร้อมเสื้อหนึ่งตัว สามีมอบให้เป็นค่าเสี่ยงภัย ทุกคนกลับบ้านตน ฉันก็อยู่ในซอยนั้นอย่างตื่นตระหนกต่อมาอีกหกปี ก็ซื้อบ้านและย้ายมาอยู่บ้านใหม่
หลังจากอยู่บ้านใหม่มาสองเดือนเต็ม ยามสามทุ่ม ฉันกับสามีกำลังนั่งทานข้าว ปัง!!!! ฉันและสามีมองหน้ากัน เสียงปืน ปืนแน่นอน เสียงแน่นๆอย่างนี้ปืนแน่นอน สามีกล่าว ไม่กี่นาทีต่อมา
.
โวกเวก จ๊อกแจ๊ก โกลาหล โกลาหล เสียงดังกล่าวดังอยู่รอบๆบ้านฉัน
ไอ้ตุ๋ยตายแล้ว
เสียงใครคนหนึ่งตะโกนขึ้น ------ ฉันและสามี
!!!
เอาอีกแล้ว นี่ฉันย้ายบ้านมาอยู่ในดงเสืออีกแล้วหรือนี่ คราวก่อนสองสัปดาห์ คราวนี้สองเดือน สงสัยย้ายบ้านคราวหน้า สองปีมียิงกันอีกแน่
จากวันนั้นจวบวันนี้ หกปี ยังไม่มีเสียงปืนอีก และฉันก็อยู่ในสภาพหวาดระแวง แต่ก็นับว่าน้อยกว่าบ้านแรกมาก
ถึงแม้ว่าย้ายมาบ้านนี้จะโดนจู่โจมแปลกๆหลายรอบ แต่นึกๆไปก็ลุ้นระทึกดี ชีวิตฉันและสามีมักมีเรื่องตื่นเต้นเกิดขึ้นตลอดเวลา ทำให้ฉันและสามีชินมากกับเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านเข้ามา
เหตุการณ์ต่างๆ เมื่อผ่านมาและผ่านไป มันทั้งหมด ก็เป็นแค่ เหตุการณ์ ที่เปรียบได้ดังลมที่พัดผ่านร่าง ลมอาจเฉื่อยหรือแรงเป็นพายุ แต่ลมก็คือลม ถึงแม้ ลมอาจจะหอบเสื้อผ้าและกางเกงในของเราไปบ้าง แต่เมื่อมันผ่านไป ทั้งหมด
ก็เป็นเพียงลมที่พัดผ่าน มีแต่เรา ที่คงยืนหยัด รอรับลม ลูกแล้วลูกเล่า ที่จะพัดผ่านชีวิตเราต่อไปในภายภาคหน้า
อย่างไม่มีปริมาณกำหนด
โชคดี
จากคุณ :
น้าสือสาว
- [
26 ต.ค. 46 20:59:10
]