กุญแจ
กองทัพอิรัก มีชัยเหนือกรุงคอรรามชาฮร์(khorramshahr) อาวุธพวกเขาทันสมัย ขณะที่พวกอิรักเน้นคุณภาพ พวกเรามีแต่จำนวน เปรียบกับอิรัก อิหร่านฐานกำลังทหารมีอานุภาพที่มโหฬาร จำนวนวีรบุรุษผู้พลีชีพเพื่อสงครามต่างหากที่ เป็นตัวบ่งชึ้ถึงความแตกต่าง
"ลูกช่วยเป่าผมให้แม่หน่อยสิจ๊ะ" คุณแม่สวมเสื้อคลุมเข้ามาให้ฉันช่วย แล้วยื่นเครื่องเป่าผมให้ฉันซึ่งกำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
"แม่เห็นข่าวการตายของทหารพวกนี้หรือยังคะ?"
"ทำไมแม่จะไม่เห็น พวกเค้าพยายามอวดว่ามีทหารตายมากมายแค่ไหน ถนนหนทางมีแต่เรือนหอร้างเต็มไปหมด"
"ตามธรรมเนียมshite เมื่อทหารโสดตายลง ต้องสร้างเรือนหอให้เค้า ผู้ตายจะรู้สัมผัสได้โดยนัย"
เห็นกันชัดว่า นักสู้ผู้กล้าหลายต่อหลายนายตายทั้งยังโสดอยู่
"แม่คะ คนตาย ๆ กันไป นี่มีความหมายกับแม่บ้างไหมคะ" ฉันถาม แล้วหยุดเป่าผมให้คุณแม่
"แน่ล่ะพวกเค้ามีความหมายต่อแม่สิจ๊ะ ! แต่เรายังมีชีวิตอยู่นะ" คุณแม่ว่ามองฉันยังไม่ค่อยพอใจนิด ๆ " ประเทศเราขึ้นชื่อเรื่องสงครามและวีรบุรุษ เหมือนกับคุณพ่อของแม่เคยว่าไว้ 'ยามเมื่อคลื่นระลอกใหญ่ซัดมา จงค้อมศีรษะแล้วปล่อยให้มันผ่านไป'"
ช่างสมกับเป็นคนเปอร์เชียจริง ๆ ปรัชญาของราชาผู้สละราชบังลังก์
888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888
ฉันคล้อยตามคุณแม่ ฉันเหนื่อยหน่ายต่อการขบคิดเรื่องชีวิตแต่อย่างเดียว แต่มันไม่ง่ายเลย ที่โรงเรียนมีการเข้าแถววันละสองครั้งเพื่อแสดงความโศกเศร้าต่อผู้ที่ตายไป พวกเขาจัดขบวนสวนสนามงานศพ และเราต้องตบหน้าอกของเรา
ฉันจำได้ถึงครั้งแรก วันแรกที่เปิดเรียนหลฃังปิดภาคฤดูร้อน
"สวัสดี สาวน้อยอิหร่าน สงครามได้ปล้นความเยาว์แห่งดอกไม้ของชาติเราไป" คุณครูโพกศีรษะในชุดออมครอม ประกาศผ่านเครื่องโทรโข่ง
แล้วลำโพงก็ริ่มมีเสียงร้องเพลงออกมาว่า
"บา ๆ ๆ ๆ ๆ เฮ้ย กองทหาร . . . เตรียม ๆ ให้พร้อม"
"เอาล่ะเด็ก ๆ เริ่มที่ใจ" คุณครูกล่าวจบก็ใช้มือตบที่หน้าอกซ้ายของท่านเสียงดังเผียะ !ๆ
ด้วยความพร้อมเพรียงกัน พวกเราเริ่มกระทำ
มันไม่แย่อย่างที่ใคร ๆ คิด เราเคยเห็นกันมาก่อน
ตีอกชกใจตัวเองเป็นพิธีกรรมของประเทศ ในระหว่างพิธีกรรมทางศาสนาสำคัญ บางคนก็เฆี่ยนตีตัวเองอย่างทารุณ
บางครั้ง ถึงกับใช้โซ่
มันก็เลยเถิดไปได้
บางครั้งถึงกับถือว่าเป็นสิ่งที่แสดงความเป็นชาย
เมื่อเวลาผ่านไปชั่วขณะ ก็ไม่มีใครถือการทรมานร่างกายเป็นเรื่องจริงจังอีกต่อไป สำหรับฉันเองนั่นเอามาล้อได้ในทันที
"วีระบุรุษ ๆ !" ฉันทำไม้ทำมือ ร้องส่งเสียงดัง
"ฆ่าฉันสิ!"ฉันลงไปนอนดิ้นบนพื้น
"สาตราปิ! นั่นเธอกำลังทำอะไรของเธอบนพื้น" คุณครูเข้ามาถาม
"หนูกำลังทรมานไม่เห็นหรือคะ"
888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888
ทุกสถานการณ์ย่อมเอื้อโอกาสแก่การหัวเราะ อย่างเช่นเมื่อเราเราต้องถักนิตติ้งหมวกคลุมศีรษะ
"หยุดทำอย่างนั้นนะ! ไม่งั้นครูจะไปฟ้องครูใหญ่" คุณครูดุเมื่อเห็นคนเอาหมวกมาล้อเล่นเป็นเรื่องตลก
. . .หรือเมื่อเราต้องตกแต่งห้องเรียนเพื่อฉลองวันครบรอบการปฏิวัติ
"นี่น่ะหรือเป็นสายรุ้ง? กระดาษชำระเนี่ยนะ"คุณครูถามเมื่อเห็นว่าเราใช้อะไรทำสายรุ้งประดับห้อง
"พวกเธอมันไร้ค่าเหมือนของตกแต่งของพวกเธอ! เธอมันไร้ค่า! ได้ยินไม๊ พวกเธอน่ะมันไร้ค่า!!! . . ."
"โห่ ๆ "
"ใครร้องนั่น ? ใครเป็นคนทำ? เค้าคนนั้นต้องกล้าหาญหน่อยสิ? ถ้าไม่มีล่ะก็ พวกเธอต้องถูกทำโทษทุกคน? ใครกัน?" คุณครูตีหน้ายักษ์ชักสีหน้าใส่พวกเราอย่างโกรธเกรี้ยว
พวกเราสมัครสมานสามัคคีกลมเกลียวกันดี
"พวกเธอทั้งหมดถูกพักการเรียนหนึ่งสัแดาห์" คุณครูว่าแล้วหันหลังจากไป มีพวกเราทำท่าล้อเลียนอยู่ข้างหลัง
888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888
ฉันคิดว่าเหตุผลที่เราช่างมีหัวกบฎ ก็เพราะคนรุ่นเรารู้เช่นเห็นชาติโรงเรียนกึ่งสอนศาสนาชัดเจนดี พวกเขาเรียกคุณพ่อคุณแม่พวกเรามาพบ
"ลูกพวกคุณไม่ยำเกรงอะไรเลย ไม่มีการยับยั้งชั่งใจ! พื้นฐานการศึกษาน่ะมาจากครอบครัวนะคะ" คุณครูใหญ่เริ่มกล่าวหา
"หยุดตรงนั้นเลย! คุณกำลังจะบอกว่าเราสั่งสอนลูกไม่เป็นงั้นหรือ?" คุณแม่โต้
"ฟังนะคะ เรากำลังอยู่ในช่วงสงครามเด็กจำนสนมาหไม่มีโรงเรียนในเวลานี้ พวกคุณมีโอกาสอันหาได้ยาก ดังนั้นคุณ ๆ จึงสมควรทำให้แน่ใจว่าพวกเค๊า จะประพฤติดี ประพฤติงามนะคะ!"
"ประพฤติดีหรือ? หมายความว่าพวกเค้าต้องตีอกชกตัวเองวันละสองเวลางั้นนะหรือ?"
"หมายความว่าพวกแกต้องคลุมตั้งแต่หัวจรดถึงเท้างั้นสิ"
"พวกเค้าต้องอดเล่นอย่างเด็กอื่นๆ ด้วยใช่ไม๊?"
"ไงก็ตาม มันค้องเป็นอย่างงั้น จะเชื่อฟังกฏหรือจะให้ถูกไล่ออก!!" คุณครูใหญ่เสียงแข็ง
"แล้วอย่าลืมให้พวกเค้าใส่ผ้าคลุมให้ถูกต้องด้วยนะคะ" ครูใหญ่กำชับไล่หลังมา
"ถ้าเส้นผมมันเร้าอารมณ์นัก ทำไมไม่โกนหนวดคุณเสียด้วยล่ะ" คุณพ่อสวนกลับไป
คุณพ่อฉันพูดอย่างนั้นจริง ๆ นะคะ
888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888
เด็กหญิงต้องทำหมวกกันหนาวให้พวกทหาร แต่เด็กชายต้องเตรียมตัวเป็นทหาร
"สวัสดีค่ะ คุณนายนาสรีน หน้าตาคุณไม่สบายเลยนะคะ" คุณแม่ทักขึ้น
คุณนายนาสรีนเป็นแม่บ้านของเรา
"บอกชั้นได้ไม๊คะว่าเกิดอไรขึ้น"
"คุณสบายดีไม๊คะ" ฉันถาม
"ไม่ค่ะคุณหนู อิชั้นไม่สบาย"
เธอบอกแล้ว ยื่นมือส่งอะไรให้คุณแม่ดู
"คุณเห็นนี่ไหมคะ"
"ก็กุญแจพลาสติกทาสีทอง" คุณแม่ตอบ
"พวกเขาให้กับลูกชายอิชั้นที่โรงเรียน แล้วบอกพวกเด็กผู้ชายว่า ถ้าพวกเขาไปรบ และโชคดีที่ได้สละชีพตาย กุญแจนี่จะนำพวกเขาไปสู่สรวงสวรรค์"
"พระเจ้า" คุณแม่อุทานแล้วกอดปลอบประโลมเธอ " ไม่เป็นไรนะจ๊ะ ร้องไห้เถอะ ร้องไห้พอนะ"
"หนูชงชาให้นะคะ"
888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888
"อิชั้นทุกข์ใจมาก ๆ อิชั้นเลี้ยงลูกมาห้าคนด้วยหยาดน้ำตา ตอนนี้ พวกเขาอยากจะแลกกุญแจนี่กับลูกชายคนโตของชั้น" คุณนายนาสรีนปรับทุกข์กับเรา
"ชั่วชีวิตอิชั้น อิชั้นก็จงรักภักดีกับศาสนา ถ้าเป็นยังงี้เสียแล้ว . . . อิชั้นก็คงไม่เชื่ออะไรอีกแล้ว ไม่เอาแล้ว" ว่าแล้วเธอก็ก้มลงซบหรน้ากับมือแล้วร้องไห้
"พวกเขาบอกว่าบนสวรรค์ มีอาหารมากมาย ผู้หญิงกับบ้านเรือนต่างทำด้วยเพชรด้วยทอง" เธอเล่า
"ผู้หญิงหรือคะ?"
"ค่ะ เขาเพิ่งสิบสี่เอง มันเลยดูน่าตื่นเต้น"
"พาเขามาที่นี่สิจ๊ะแล้วฉันจะคุยกับเขาให้เอง"
"เออ หนูต้องไปโรงเรียนแล้วล่ะค่ะ"
888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888
ระหว่างทาง ฉันนึกถึงเพย์มานญาติของฉัน เขาเพิ่งอายุสิบสี่
เมื่อฉันกลับจากโรงเรียน . . .
"สวัสดีค่ะ" ฉันทัก คุณแม่กับคุณนายนาสรีนและลูกชายที่นั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะ
"ฟังนะหนู เรื่องนั้นมันกุขึ้นทั้งเพ ! นรกที่ไหน? สวรรค์ที่ไหนกันเล่า?"
"หยุดเอาแต่กินได้แล้ว"คุณนายนาสรีนดุลูกชาย
"คิดดูนะเมื่อเธอโต เธอจะได้ไปเรียนมหาวิทยาลัย เธอจะได้เป็นบุคคลสำคัญ" คุณแม่เกลี้ยกล่อม
"ผมจะแต่งกะเธอ" เด็กคนนั้นโพล่งออกมา
"อ้ายบ้าเอ้ย!"คุณนายนาสรีนว่าแล้วตบศีรษะเด็กนั่น
"หยุดเถอะค่ะ อย่าใส่ใจเลย"
"หนูกลับห้องล่ะนะคะ"
888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888
เมื่อมาถึงห้องนอน ฉันโทรศัพท์หาญาติฉัน
"เฮ้ย เพย์มานหรือเปล่า?. . . อะไรนะ? . . . อาทิตย์หน้าเธอจะมีงานเลี้ยงเหรอ? . . . ชั้นจะลองถามคุณแม่ดูก่อน"
ฉันถามเขาว่า "บอกชั้นหน่อยสิว่าที่โรงเรียนเธอ พวกเขาให้กุญแจไปสวรรค์?"
"กุญแจไปไหนนะ?"
888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888
"แม่คะเพย์มานชวนหนูไปงานเลี่ยงค่ะ หนูไปได้ใชาไหมคะ?"
. . .นิ๊ง หน่อง . . .
"โอ้ ! ชาฮับ!"คุณแม่ทัก
"สวัสดีค่ะ"
"สวัสดีครับ" เขาทักตอบ
ชาฮับเป็นญาติอีกคน เขาโชคไม่ใคร่ดี สงครามเกิดตอนที่เขาเพิ่งเข้ารับราชการทหารใหม่ ๆ พวกเขาเลยส่งให้ไปอยู่แนวหน้าในทันที
"น้าเพิ่งคุยกับแม่บ้าน เธอบอกว่าพวกเขาเกณฑ์เด็ก ๆ ไปแนวหน้า จริงหรือจ๊ะ?"
เขา ไม่ตอบในทันที นั่งครุ่นคิดก่อนจะบอกว่า
" มันแย่จัง ทุกวันผมเห็นรถโดยสารมีเด็ก ๆ เต็มคัน จนเพื่อนผมถึงกับต้องสบถออกมา พวกเค้ามาจากพื้นที่ ซึ่งยากจน เห็นปุ๊ปก็รู้ปั๊ป ... ทีแรกพวกเขาก็กล่อมเด็ก ๆ ว่าชีวิตหลังความตายน่ะดีกว่าดิสนีย์แลนด์เสียอีก พวกเขาล้างสมองเด็กด้วยเพลง... "
มันบ้านะ พวกเขาสะกดจิต เด็กเพื่อจะโยนไปในสนามรบ สังหารหมู่แท้ ๆ เลย
กุญแจไปสรวงสวรรค์ สำหรับคนยากจน เด็กหนุ่มนับพัน ๆ ที่มีคนให้สัญาว่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้น ถูกระเบิดตายในสนามระเบิด ทั้งที่มีกุญแจคล้องอยู่รอบคอ
ลูกชายคุณนายนาสรีนถูกบังคับให้เลี่ยงจากชะตากรรมนั้น แต่เด็กอื่นอีกมากจากแถวบ้านฉันนั้นไม่
ขณะเดียวกัน ฉันได้ไปงานเลี้ยงแรก ไม่เพียงแต่คุณแม่จะยอมให้ฉันไป แต่ท่านยังถักเสื้อสเว็ตเตอร์มีรูโบ๋ทั่วตัว และร้อยสายสร้อยด้วยโซ่และตะปูให้ พั๊งร๊อคมาเต็ม ๆ
ฉันดูเจํงมาก
แก้ไขเมื่อ 28 ต.ค. 46 23:57:15
จากคุณ :
ส.ค.ศ. ๔๙๑๔
- [
28 ต.ค. 46 23:47:40
]