. . . เปอร์เซโปลิส . . . ( Persepolis) . . . ๑๔ . . .


                                                 กุญแจ

    กองทัพอิรัก มีชัยเหนือกรุงคอรรามชาฮร์(khorramshahr) อาวุธพวกเขาทันสมัย ขณะที่พวกอิรักเน้นคุณภาพ พวกเรามีแต่จำนวน เปรียบกับอิรัก อิหร่านฐานกำลังทหารมีอานุภาพที่มโหฬาร จำนวนวีรบุรุษผู้พลีชีพเพื่อสงครามต่างหากที่ เป็นตัวบ่งชึ้ถึงความแตกต่าง

    "ลูกช่วยเป่าผมให้แม่หน่อยสิจ๊ะ" คุณแม่สวมเสื้อคลุมเข้ามาให้ฉันช่วย แล้วยื่นเครื่องเป่าผมให้ฉันซึ่งกำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่

    "แม่เห็นข่าวการตายของทหารพวกนี้หรือยังคะ?"

    "ทำไมแม่จะไม่เห็น  พวกเค้าพยายามอวดว่ามีทหารตายมากมายแค่ไหน ถนนหนทางมีแต่เรือนหอร้างเต็มไปหมด"

    "ตามธรรมเนียมshite เมื่อทหารโสดตายลง ต้องสร้างเรือนหอให้เค้า ผู้ตายจะรู้สัมผัสได้โดยนัย"

    เห็นกันชัดว่า นักสู้ผู้กล้าหลายต่อหลายนายตายทั้งยังโสดอยู่

    "แม่คะ คนตาย ๆ กันไป นี่มีความหมายกับแม่บ้างไหมคะ" ฉันถาม แล้วหยุดเป่าผมให้คุณแม่

    "แน่ล่ะพวกเค้ามีความหมายต่อแม่สิจ๊ะ ! แต่เรายังมีชีวิตอยู่นะ" คุณแม่ว่ามองฉันยังไม่ค่อยพอใจนิด ๆ " ประเทศเราขึ้นชื่อเรื่องสงครามและวีรบุรุษ เหมือนกับคุณพ่อของแม่เคยว่าไว้ 'ยามเมื่อคลื่นระลอกใหญ่ซัดมา จงค้อมศีรษะแล้วปล่อยให้มันผ่านไป'"

    ช่างสมกับเป็นคนเปอร์เชียจริง ๆ ปรัชญาของราชาผู้สละราชบังลังก์

    888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888

    ฉันคล้อยตามคุณแม่ ฉันเหนื่อยหน่ายต่อการขบคิดเรื่องชีวิตแต่อย่างเดียว แต่มันไม่ง่ายเลย  ที่โรงเรียนมีการเข้าแถววันละสองครั้งเพื่อแสดงความโศกเศร้าต่อผู้ที่ตายไป พวกเขาจัดขบวนสวนสนามงานศพ และเราต้องตบหน้าอกของเรา

    ฉันจำได้ถึงครั้งแรก วันแรกที่เปิดเรียนหลฃังปิดภาคฤดูร้อน

    "สวัสดี สาวน้อยอิหร่าน สงครามได้ปล้นความเยาว์แห่งดอกไม้ของชาติเราไป" คุณครูโพกศีรษะในชุดออมครอม ประกาศผ่านเครื่องโทรโข่ง

    แล้วลำโพงก็ริ่มมีเสียงร้องเพลงออกมาว่า

    "บา ๆ ๆ ๆ ๆ เฮ้ย กองทหาร . . . เตรียม ๆ ให้พร้อม"

    "เอาล่ะเด็ก ๆ เริ่มที่ใจ" คุณครูกล่าวจบก็ใช้มือตบที่หน้าอกซ้ายของท่านเสียงดังเผียะ !ๆ

    ด้วยความพร้อมเพรียงกัน พวกเราเริ่มกระทำ

    มันไม่แย่อย่างที่ใคร ๆ คิด เราเคยเห็นกันมาก่อน

    ตีอกชกใจตัวเองเป็นพิธีกรรมของประเทศ ในระหว่างพิธีกรรมทางศาสนาสำคัญ บางคนก็เฆี่ยนตีตัวเองอย่างทารุณ

    บางครั้ง ถึงกับใช้โซ่

    มันก็เลยเถิดไปได้

    บางครั้งถึงกับถือว่าเป็นสิ่งที่แสดงความเป็นชาย

    เมื่อเวลาผ่านไปชั่วขณะ ก็ไม่มีใครถือการทรมานร่างกายเป็นเรื่องจริงจังอีกต่อไป สำหรับฉันเองนั่นเอามาล้อได้ในทันที

    "วีระบุรุษ ๆ !" ฉันทำไม้ทำมือ ร้องส่งเสียงดัง

    "ฆ่าฉันสิ!"ฉันลงไปนอนดิ้นบนพื้น

    "สาตราปิ! นั่นเธอกำลังทำอะไรของเธอบนพื้น" คุณครูเข้ามาถาม

    "หนูกำลังทรมานไม่เห็นหรือคะ"

    888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888


    ทุกสถานการณ์ย่อมเอื้อโอกาสแก่การหัวเราะ อย่างเช่นเมื่อเราเราต้องถักนิตติ้งหมวกคลุมศีรษะ

    "หยุดทำอย่างนั้นนะ! ไม่งั้นครูจะไปฟ้องครูใหญ่" คุณครูดุเมื่อเห็นคนเอาหมวกมาล้อเล่นเป็นเรื่องตลก

    . . .หรือเมื่อเราต้องตกแต่งห้องเรียนเพื่อฉลองวันครบรอบการปฏิวัติ

    "นี่น่ะหรือเป็นสายรุ้ง? กระดาษชำระเนี่ยนะ"คุณครูถามเมื่อเห็นว่าเราใช้อะไรทำสายรุ้งประดับห้อง


    "พวกเธอมันไร้ค่าเหมือนของตกแต่งของพวกเธอ! เธอมันไร้ค่า! ได้ยินไม๊ พวกเธอน่ะมันไร้ค่า!!! . . ."

    "โห่ ๆ "

    "ใครร้องนั่น ?  ใครเป็นคนทำ? เค้าคนนั้นต้องกล้าหาญหน่อยสิ? ถ้าไม่มีล่ะก็ พวกเธอต้องถูกทำโทษทุกคน? ใครกัน?" คุณครูตีหน้ายักษ์ชักสีหน้าใส่พวกเราอย่างโกรธเกรี้ยว

    พวกเราสมัครสมานสามัคคีกลมเกลียวกันดี

    "พวกเธอทั้งหมดถูกพักการเรียนหนึ่งสัแดาห์" คุณครูว่าแล้วหันหลังจากไป มีพวกเราทำท่าล้อเลียนอยู่ข้างหลัง

    888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888

    ฉันคิดว่าเหตุผลที่เราช่างมีหัวกบฎ ก็เพราะคนรุ่นเรารู้เช่นเห็นชาติโรงเรียนกึ่งสอนศาสนาชัดเจนดี พวกเขาเรียกคุณพ่อคุณแม่พวกเรามาพบ

    "ลูกพวกคุณไม่ยำเกรงอะไรเลย ไม่มีการยับยั้งชั่งใจ! พื้นฐานการศึกษาน่ะมาจากครอบครัวนะคะ" คุณครูใหญ่เริ่มกล่าวหา

    "หยุดตรงนั้นเลย! คุณกำลังจะบอกว่าเราสั่งสอนลูกไม่เป็นงั้นหรือ?" คุณแม่โต้

    "ฟังนะคะ เรากำลังอยู่ในช่วงสงครามเด็กจำนสนมาหไม่มีโรงเรียนในเวลานี้  พวกคุณมีโอกาสอันหาได้ยาก ดังนั้นคุณ ๆ จึงสมควรทำให้แน่ใจว่าพวกเค๊า จะประพฤติดี ประพฤติงามนะคะ!"

    "ประพฤติดีหรือ?  หมายความว่าพวกเค้าต้องตีอกชกตัวเองวันละสองเวลางั้นนะหรือ?"

    "หมายความว่าพวกแกต้องคลุมตั้งแต่หัวจรดถึงเท้างั้นสิ"

    "พวกเค้าต้องอดเล่นอย่างเด็กอื่นๆ ด้วยใช่ไม๊?"

    "ไงก็ตาม มันค้องเป็นอย่างงั้น จะเชื่อฟังกฏหรือจะให้ถูกไล่ออก!!" คุณครูใหญ่เสียงแข็ง

    "แล้วอย่าลืมให้พวกเค้าใส่ผ้าคลุมให้ถูกต้องด้วยนะคะ"  ครูใหญ่กำชับไล่หลังมา

    "ถ้าเส้นผมมันเร้าอารมณ์นัก ทำไมไม่โกนหนวดคุณเสียด้วยล่ะ" คุณพ่อสวนกลับไป

    คุณพ่อฉันพูดอย่างนั้นจริง ๆ นะคะ


    888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888

    เด็กหญิงต้องทำหมวกกันหนาวให้พวกทหาร แต่เด็กชายต้องเตรียมตัวเป็นทหาร

    "สวัสดีค่ะ คุณนายนาสรีน หน้าตาคุณไม่สบายเลยนะคะ" คุณแม่ทักขึ้น

    คุณนายนาสรีนเป็นแม่บ้านของเรา

    "บอกชั้นได้ไม๊คะว่าเกิดอไรขึ้น"

    "คุณสบายดีไม๊คะ" ฉันถาม

    "ไม่ค่ะคุณหนู อิชั้นไม่สบาย"

    เธอบอกแล้ว ยื่นมือส่งอะไรให้คุณแม่ดู

    "คุณเห็นนี่ไหมคะ"

    "ก็กุญแจพลาสติกทาสีทอง" คุณแม่ตอบ

    "พวกเขาให้กับลูกชายอิชั้นที่โรงเรียน แล้วบอกพวกเด็กผู้ชายว่า ถ้าพวกเขาไปรบ และโชคดีที่ได้สละชีพตาย กุญแจนี่จะนำพวกเขาไปสู่สรวงสวรรค์"

    "พระเจ้า" คุณแม่อุทานแล้วกอดปลอบประโลมเธอ " ไม่เป็นไรนะจ๊ะ ร้องไห้เถอะ ร้องไห้พอนะ"

    "หนูชงชาให้นะคะ"

    888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888

    "อิชั้นทุกข์ใจมาก ๆ อิชั้นเลี้ยงลูกมาห้าคนด้วยหยาดน้ำตา ตอนนี้ พวกเขาอยากจะแลกกุญแจนี่กับลูกชายคนโตของชั้น" คุณนายนาสรีนปรับทุกข์กับเรา

    "ชั่วชีวิตอิชั้น อิชั้นก็จงรักภักดีกับศาสนา ถ้าเป็นยังงี้เสียแล้ว . . . อิชั้นก็คงไม่เชื่ออะไรอีกแล้ว ไม่เอาแล้ว" ว่าแล้วเธอก็ก้มลงซบหรน้ากับมือแล้วร้องไห้

    "พวกเขาบอกว่าบนสวรรค์ มีอาหารมากมาย ผู้หญิงกับบ้านเรือนต่างทำด้วยเพชรด้วยทอง" เธอเล่า

    "ผู้หญิงหรือคะ?"

    "ค่ะ เขาเพิ่งสิบสี่เอง มันเลยดูน่าตื่นเต้น"

    "พาเขามาที่นี่สิจ๊ะแล้วฉันจะคุยกับเขาให้เอง"

    "เออ หนูต้องไปโรงเรียนแล้วล่ะค่ะ"

    888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888

    ระหว่างทาง ฉันนึกถึงเพย์มานญาติของฉัน เขาเพิ่งอายุสิบสี่

    เมื่อฉันกลับจากโรงเรียน . . .

    "สวัสดีค่ะ" ฉันทัก คุณแม่กับคุณนายนาสรีนและลูกชายที่นั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะ

    "ฟังนะหนู เรื่องนั้นมันกุขึ้นทั้งเพ !  นรกที่ไหน? สวรรค์ที่ไหนกันเล่า?"

    "หยุดเอาแต่กินได้แล้ว"คุณนายนาสรีนดุลูกชาย

    "คิดดูนะเมื่อเธอโต เธอจะได้ไปเรียนมหาวิทยาลัย เธอจะได้เป็นบุคคลสำคัญ" คุณแม่เกลี้ยกล่อม

    "ผมจะแต่งกะเธอ" เด็กคนนั้นโพล่งออกมา

    "อ้ายบ้าเอ้ย!"คุณนายนาสรีนว่าแล้วตบศีรษะเด็กนั่น

    "หยุดเถอะค่ะ อย่าใส่ใจเลย"

    "หนูกลับห้องล่ะนะคะ"

    888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888

    เมื่อมาถึงห้องนอน ฉันโทรศัพท์หาญาติฉัน

    "เฮ้ย เพย์มานหรือเปล่า?. . . อะไรนะ? . . .  อาทิตย์หน้าเธอจะมีงานเลี้ยงเหรอ? . . . ชั้นจะลองถามคุณแม่ดูก่อน"

    ฉันถามเขาว่า "บอกชั้นหน่อยสิว่าที่โรงเรียนเธอ พวกเขาให้กุญแจไปสวรรค์?"

    "กุญแจไปไหนนะ?"

    888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888

    "แม่คะเพย์มานชวนหนูไปงานเลี่ยงค่ะ หนูไปได้ใชาไหมคะ?"

    . . .นิ๊ง หน่อง . . .

    "โอ้ ! ชาฮับ!"คุณแม่ทัก

    "สวัสดีค่ะ"

    "สวัสดีครับ" เขาทักตอบ

    ชาฮับเป็นญาติอีกคน เขาโชคไม่ใคร่ดี สงครามเกิดตอนที่เขาเพิ่งเข้ารับราชการทหารใหม่ ๆ พวกเขาเลยส่งให้ไปอยู่แนวหน้าในทันที

    "น้าเพิ่งคุยกับแม่บ้าน เธอบอกว่าพวกเขาเกณฑ์เด็ก ๆ ไปแนวหน้า จริงหรือจ๊ะ?"

    เขา ไม่ตอบในทันที นั่งครุ่นคิดก่อนจะบอกว่า

    " มันแย่จัง ทุกวันผมเห็นรถโดยสารมีเด็ก ๆ เต็มคัน   จนเพื่อนผมถึงกับต้องสบถออกมา พวกเค้ามาจากพื้นที่ ซึ่งยากจน เห็นปุ๊ปก็รู้ปั๊ป ... ทีแรกพวกเขาก็กล่อมเด็ก ๆ ว่าชีวิตหลังความตายน่ะดีกว่าดิสนีย์แลนด์เสียอีก  พวกเขาล้างสมองเด็กด้วยเพลง... "

    มันบ้านะ พวกเขาสะกดจิต เด็กเพื่อจะโยนไปในสนามรบ สังหารหมู่แท้ ๆ เลย

    กุญแจไปสรวงสวรรค์ สำหรับคนยากจน  เด็กหนุ่มนับพัน ๆ ที่มีคนให้สัญาว่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้น ถูกระเบิดตายในสนามระเบิด ทั้งที่มีกุญแจคล้องอยู่รอบคอ


    ลูกชายคุณนายนาสรีนถูกบังคับให้เลี่ยงจากชะตากรรมนั้น  แต่เด็กอื่นอีกมากจากแถวบ้านฉันนั้นไม่

    ขณะเดียวกัน ฉันได้ไปงานเลี้ยงแรก ไม่เพียงแต่คุณแม่จะยอมให้ฉันไป แต่ท่านยังถักเสื้อสเว็ตเตอร์มีรูโบ๋ทั่วตัว  และร้อยสายสร้อยด้วยโซ่และตะปูให้  พั๊งร๊อคมาเต็ม ๆ

    ฉันดูเจํงมาก

    แก้ไขเมื่อ 28 ต.ค. 46 23:57:15

    จากคุณ : ส.ค.ศ. ๔๙๑๔ - [ 28 ต.ค. 46 23:47:40 ]