สนิม(Rust)

    ทุกวันนี้เราหยุดนิ่งกันไม่ได้เสียแล้ว…

    ผมตกใจสุดขีดเมื่อพบสุขถามว่าผมว่างสำหรับการไปกินมื้อค่ำด้วยกันที่ร้านอาหารริมน้ำไหม ถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทกันผมคงหลุดปากด่าว่าเขาเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ ถ้าเขามีเวลาว่างขนาดไปกินอาหารชมวิวละก็ อีกไม่นานก็คงจะต้องตายแบบคนพวกนั้น

    “แกไม่สบายรึเปล่า” ผมถามด้วยความเป็นห่วง แต่สายตาและนิ้วมือยังคงจับจ้องทำงานที่ค้างอยู่ข้างหน้าต่อไปตามปกติ

    “เปล่า… แค่เบื่อ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงหรือสีหน้าเป็นอย่างไรผมไม่สามารถบอกได้ (ก็เพราะผมใส่ใจอยู่กับงานนะสิ แถมหลังจากจบคำถามผมแทบลืมไปด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ในห้อง)

    ให้มันได้อย่างนี้เถอะน่า… ผมเห็นมานักต่อนักแล้วว่าสุดท้ายผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรถ้าคุณหยุดนิ่ง
    “หาอะไรทำแก้เบื่อไปสิ”
    “อือ ไม่ว่างก็ไม่เป็นไร” เขาตอบมาแค่นั้น

    ผมคิดว่าเขาคงออกจากห้องไปทำงานของเขาต่อ… แน่ละ ทุกวันนี้เราต่างอยู่กันด้วยความเบื่อและเหนื่อยล้า แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่อยากตายก็จงอย่าหยุดนิ่ง ยุคสมัยของเราทุกคนต่างถือคติแบบนี้ ไม่ใช่สิ… มันไม่ใช่แค่คติ แต่เป็นกฎหรือข้อเท็จจริงเลยทีเดียว ว่าหยุดนิ่งเมื่อไหร่ คุณก็ตาย!

    ใจจริงผมก็เป็นห่วงพบสุขอยู่เหมือนกัน เขาเป็นเพื่อนที่เหลืออยู่แค่ไม่กี่คนของผม ก็โลกมันอยากหมุนไวนักนี่ ไม่มีใครมีเวลาหาเพื่อนกันแล้ว(ถ้ายังหาได้นะ) แต่ก็มีบางทีผมคิดว่าไม่ใช่โลกที่หมุนไวหรอก เผลอๆเดี๋ยวนี้โลกหยุดหมุนไปแล้วด้วยซ้ำ ให้ตายสิ… พวกเรากันเองนี่แหละที่พากันวิ่งไปข้างหน้าเพื่อหนีเพื่อนๆให้ไกลที่สุด(เท่าที่ยังมีแรงนะ) แต่เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจที่เขาอุตสาห์มาชวน เย็นนี้ผมจะให้คนขนเอกสารไปวางที่โต๊ะเขา พร้อมกับสั่งข้าวไข่เจียวหมูสับมานั่งกินด้วยกันระหว่างที่เราทำงานตอนกลางคืน

    พบสุขพูดว่า’เบื่อ’… ใช่… คำว่าเบื่อนี่เองที่พรากเพื่อนสนิทของผมอีกคนหนึ่งไปเมื่อเดือนที่แล้ว(ผมคงหาโอกาสนึกถึงเขาอีกไม่ได้แน่นอนถ้าไม่เป็นเพราะพบสุขมาคุยกับผมวันนี้) เมื่อก่อนเขาจะทำงานที่ห้องติดกันนี่เอง และมันเป็นห้องที่ไม่เคยเงียบสงบเลย นั่นคือสิ่งที่ผมนึกออกเป็นอันดับแรก จะต้องมีเสียงซึ่งเขาเรียกว่าดนตรีหรือเพลงดังอยู่ตลอดเวลาที่เขาอยู่ในนั้น ‘ถ้าแกอยากสมองแล่นเอานี่ไปฟัง…’ เขาเคยพูดพร้อมกับยื่นแผ่นซีดีให้ผมครั้งหนึ่ง มันเป็นชุด Water Music ของ Handel (นอกจากจะไม่เคยเปิดฟังแล้วยังนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าตอนนี้ผมเก็บมันไว้ที่ไหน) บางทีผมอาจจะขอให้ใครสักคนหามันมาเปิดระหว่างกินมื้อค่ำกับพบสุขคืนนี้ก็ได้…

    เมื่อจัดการกับงานส่วนหนึ่งเสร็จแล้ว ขณะที่ผมกำลังจะลุกไปเข้าห้องน้ำ (แน่นอนว่าพร้อมเอกสารเต็มมือสำหรับงานส่วนต่อไป) หัวใจผมแทบหยุดเต้นเมื่อเห็นพบสุขนั่งอยู่ตรงนั้น เขาหันมายิ้ม บางทีเขาอาจขบขันสีหน้าตกใจจนซีดของผมก็ได้ แต่สีหน้าและท่าทางเขาก็ชวนให้ใครก็ตามซีดเผือดได้จริงๆ เพราะมันไม่ต่างไปจากสีหน้าและท่าทางของเพื่อนข้างห้องทำงานที่ตายไปเมื่อเดือนก่อนเลย…

    ครั้งนั้นเขาบอกว่า ตลอดหลายสิบปีที่เขาเปิดเพลงฟัง เขาใฝ่ฝันที่จะฟังมันจริงๆสักครั้ง และวันนั้นก็เขาทำตามที่เขาใฝ่ฝัน เขาเปิด Requiem ของ Mozart และนั่งลงตั้งใจฟัง… ผมมาช้าเกินไป ผมได้ทันเห็นวินาทีสุดท้ายที่เขาเพ้อว่า ‘มันเพราะจริงๆ มันไพเราะจริงๆ….’ ไม่ขาดปากระหว่างที่ผื่นสนิมแดงกำลังกัดกินร่าง แม้เลือดจะไหลออกมามาก แต่ไม่นานก็แห้งกรังตกเป็นสะเก็ดฝุ่นเพราะเชื้อสนิม แล้วเขาก็ตาย

    จากคุณ : ศล - [ 30 ต.ค. 46 10:56:49 ]