=[+] ฉิกจับอิด [+]= นิยายจีนร่วมแต่งแนวทดลอง : ตอนที่ 22/3 "เพลงกระบี่สัณฐานที่สาม"

    และแล้ว วันที่เจ็ดเดือนสิบเอ็ดก็มาถึง

    ชาวยุทธนับพันต่างเข้าชุมนุมกันที่เขาบู๊ตึ้งอย่างคับคั่ง ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ไม่ได้ร่วมประลอง เพียงหวังจะมาชมการประมือของสุดยอดฝีมือ บางส่วนก็เพียงหวังชื่นชมต่อบารมีของเจ้าสำนักทั้งห้าแห่ง “หอห้ากระบี่” แต่มีไม่น้อยที่เป็นเหล่าบุรุษ ล้วนหวังชื่นชมความงดงามของเจ้าสำนักหันซานคนปัจจุบัน….เหวินเหม่ยชิง

    การประลองคราวนี้นับเป็นงานใหญ่ที่สุดของบู๊ลิ้มถัดจากการประลองเมื่อเก้าปีที่แล้ว ถ้าจะพูดให้ถูก เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่เหนือกว่าที่เคยมีมาทุกครั้งก็ว่าได้ เพราะครั้งนี้มิเพียงไม่จำกัดผู้เข้าร่วมประลองอยู่เพียงสำนักใหญ่ และสำนักในหอห้ากระบี่แล้ว แม่งานยังเป็นถึงขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ทางการก็ช่วยเหลือด้านทุนทรัพย์ในการจัดงาน นับว่าเป็นการร่วมแรงร่วมใจของทุกค่ายสำนักฝ่ายธรรมมะและทางการ ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ของบู๊ลิ้ม!!!

    ผู้เข้าร่วมประลองประกอบด้วย เหล่าเจ้าสำนักที่ประกอบเป็นหอห้ากระบี่คือ หลวงจีนหัวหลิน เหวินเหม่ยชิง หลิวหยงเคอ และตั๋วล่ายสุก โดยจื่ออิงยังคงเก็บตัวเงียบ

    ส่วนยอดฝีมืออีกสิบคนที่ผ่านจากรอบคัดเลือกประกอบด้วย
    ๑. เติ้งเสี่ยวเทา ประมุขพรรค 'กระยาจก'
    ๒. เจียงเจ๋อตุง ประมุขพรรค 'จวักธรณี'
    ๓. โจวเอินผิง ศิษย์เอกพรรค 'หมัดฆาตกร'
    ๔. เหมาเจ๋อหมิน ศิษย์เอกพรรค 'สองทิศ'
    ๕. ซุนยัดไหล ยอดฝีมือชุดดำปิดหน้า
    ๖. เจียงไคเซน ยอดฝีมือคุณชายกรุ้มกริ่ม
    ๗. หูจิ่นเชค ยอดฝีมือลามะจากธิเบต ฉายา ‘ลามะเสือขาว’
    ๘. หวงอี้เฟย ศิษย์เอกสำนักคุนหลุนซึ่งเข้าร่วมการประลองและผ่านเข้ามาถึงรอบสุดท้ายได้
    ๙. หยางซีเหมิน หัวหน้าพรรค 'ดาวตก' ฉายา 'ห่วงคู่ดาวตก' ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งเสฉวน
    ๑๐. ต้วนเล้ง หัวหน้าพรรค 'ลมหวน' ฉายา 'มังกรวายุ' จากเกาะไหหลำ

    "การประลองจะจัดแบ่งเป็นเจ็ดคู่" ตุลาการเที่ยงธรรมประกาศ "ตัดสินกันด้วยพลังฝีมือ ผู้ที่พ่ายแพ้จักต้องยอมรับโดยดุษฎี ห้ามมิให้บ่ายเบี่ยง ผลการประลองจะปรากฏก็ต่อเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมแพ้ หรือมีทีท่าว่าพ่ายแพ้ หรือมิสามารถสู้ต่อไปได้ ผู้ชนะผ่านเข้ารอบมาเรื่อยๆ ผู้ที่เหลืออยู่เป็นคนสุดท้ายจะได้รับตำแหน่ง...ผู้นำคนใหม่ของ…หอห้ากระบี่!!!"

    ตั๋วล่ายสุกโบกมือกล่าวว่า "ช้าก่อน"

    "เจ้าสำนักคุนหลุน มีอันใดชี้แนะ?" ตุลาการเที่ยงธรรมถาม

    "ก่อนที่จะประลองกัน ขอให้มีการทดสอบฝีมือของผู้เข้าร่วมประลองทั้งสิบดูเสียก่อน ว่าคู่ควรให้เราเจ้าสำนักลงมือหรือไม่?" ตั๋วล่ายสุกกล่าวราวกับว่า นอกจากสำนักที่ประกอบกันเป็น "หอห้ากระบี่" แล้ว อื่นๆ ล้วนไม่อยู่ในสายตา

    คำพูดนี้สร้างความเดือดดาลให้แก่พวกยอดฝีมือทั้งสิบ จะยกเว้นก็เพียงหวงอี้เฟยเท่านั้น…

    เหมาเจ๋อหมินที่นิ่งอยู่กล่าวว่า "พรรคสองทิศของเราก่อตั้งมานานถึงสามร้อยสามสิบปี ด้านพลังฝีมือก็ไม่ถึงกับอ่อนด้อยนัก หากประมุขตั๋วข้องใจก็ขอเชิญมาประลองกับข้าได้เลย!"

    ตั๋วล่ายสุกหัวเราะในลำคอ กล่าวว่า "พรรคสองทิศหรือ? ข้ากลับมิเคยได้ยิน? แสดงว่าในสามร้อยสามสิบปีนี้ล้วนซุกหัวหลุบหาง จนบัดนี้ค่อยสามารถโงหัวขึ้นมา ข้าว่าพรรคเช่นนี้อยู่มาได้สามร้อยสามสิบปีก็นับว่านานเกินไปแล้ว!  หากเจียมตัวก็จงถอยไปซะ  มิเช่นนั้น ต่อไปประวัติศาสตร์ของบู๊ลิ้มก็จะต้องจารึกว่า พรรคสองทิศอยู่มาได้สามร้อยสามสิบปี และล่มสลายลงด้วยน้ำมือของข้า…ตั๋วล่ายสุก!!!"

    เหมาเจ๋อหมินได้ฟังดังนั้นก็โกรธจัด แขนเสื้อทั้งสองข้างเบ่งพองราวกับถุงลม แสดงว่ามันตระเตรียมใช้กระบวนท่า ซึ่งเป็นไม้ตายสร้างชื่อประจำพรรคสองทิศออกมา ชาวยุทธนับพันที่ชมดูอยู่ด้านข้างถึงกับแตกตื่นจนอุทานออกมา

    จากนั้นปรากฏประกายระยิบของวัตถุสิ่งหนึ่งพุ่งออกจากชายแขนเสื้อของเหมาเจ๋อหมิน กระสวยทองดอกหนึ่งถูกซัดเข้าใส่ตั๋วล่ายสุกอย่างดุดัน  กระสวยทองเพียงอันเดียวกลับเป็นไม้ตายประจำพรรคสองทิศ!?? หรือพรรคสองทิศที่อยู่มาได้จนถึงบัดนี้ล้วนเกิดจากการที่ซุกซ่อนกาย มิกล้ามีเรื่องกับผู้ใด อย่างที่ตั๋วล่ายสุกว่าจริงๆ? ฉับพลันนั้นเอง กระสวยทองอันนั้นพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงจากดอกเดียวกระจายออกเป็นสิบดอก เป็นร้อยดอก พันดอก ประกายระยิบระยับกระจายรอบบริเวณ ประดุจดวงดาวสาดแสงประชันกันบนท้องนภา กระสวยทั้งหมดล้วนมุ่งเป้าหมายไปบนร่างของเจ้าสำนักคุนหลุน ดูท่าตั๋วล่ายสุกคงต้องกลับกลายเป็นเม่นตัวหนึ่ง หรือไม่ก็แปรเปลี่ยนเป็นรังผึ้งรวงหนึ่ง!!!

    "ลองรับกระบวนท่า "หมื่นดาราประชันโฉม" ของพรรคสองทิศเรา!!!"  มันกลับจู่โจมก่อนค่อยร้องบอก นับว่าเป็นการกระทำที่ไร้ยางอายยิ่งนัก ทุกผู้คนล้วนด่าประณามมันในใจ แต่กับกระบวนท่าไม้ตายของมันกลับมิมีผู้ใดกล้าดูถูก ครานี้เห็นทีตั๋วล่ายสุกคงต้องสิ้นชื่อเสียเอง

    มีบางส่วนรำพึงออกมา

    "ยังมิทันที่จะได้รับชมความสนุกสนาน ผู้นำของหอห้ากระบี่กลับต้องสิ้นชีพไปคนหนึ่ง น่าเสียดายๆ" พวกมันกลับเห็นตั๋วล่ายสุกเป็นคนตายไปเสียแล้ว!!!

    คาดไม่ถึงตั๋วล่ายสุกกลับยิ้มแย้มอย่างใจเย็น กางแขนเสื้อของตนออกจากนั้นควงเป็นวงจรวงหนึ่งบังเกิดเป็นพยุหะม้วนวนดูดกลืนเอาอาวุธลับเข้าไว้จนสิ้น

    เหมาเจ๋อหมินตกใจจนปากอ้าตาค้าง อาวุธลับประจำพรรคสองทิศกลับสิ้นชื่อโดยง่าย ตั๋วล่ายสุกหัวเราะพลางกล่าว "คราวนี้ลองดูของข้าบ้าง!" ฝ่ามือซ้ายซัดออกมาด้วย กระบวนท่าแรกแห่งเคล็ดวิชาสิบเจ็ดฝ่ามือใจเปลี่ยนแปลงของสำนักคุนหลุน นาม "ทะเลสงบ" ซึ่งเป็นกระบวนท่าหยั่งฝีมือของคู่ต่อสู้ และเป็นกระบวนท่าที่เคยใช้ประมือกับหลี่ซังซังในคราบของหนุ่มน้อย หลี่ซังฮู้

    เพียงครานี้มีที่แตกต่างอยู่บ้างคือ…พลังฝ่ามือมีอานุภาพรุนแรงร้ายกาจกว่าเมื่อครั้งใช้กับหลี่ซังซังยิ่ง และไม่เพียงใช้เพื่อหยั่งฝีมือคู่ต่อสู้ยังสามารถย้อนกลับทำร้ายได้อีกด้วย

    เหมาเจ๋อหมินรู้สึกดังมีลมปราณกล้าแข็งหนักหน่วง สุดท้ายอึดอัดประดุจเดียวกับเผชิญกลับคลื่นกระหน่ำกลางห้วงทะเลลึก ลมปราณตีกลับ ต้องกระอักเลือดออกมาคำหนึ่งค่อยฝืนทรงกายอยู่ได้

    เหวินเหม่ยชิงจับจ้องตั๋วล่ายสุกด้วยดวงตาเป็นประกาย หญิงสาวคล้ายพบเห็นความเปลี่ยนแปลงอันใด? ในกระบวนท่าของเจ้าสำนักคุนหลุนผู้นี้

    ขณะที่ตั๋วล่ายสุกหัวเราะ หูจิ่นเชคซึ่งเป็นคนรู้จักกับเหมาเจ๋อหมิน เมื่อเห็นเพื่อนเสียท่าก็โกรธจัดจึงประกาศว่า "เราลามะหู ฉายาลามะเสือขาว วันนี้มีอาวุธใหม่คืออภิมหาจักรทองคำ ก็อยากรับทราบฝีมือของประมุขตั๋วเช่นกัน!!" ว่าแล้วเขาก็กวัดแกว่งจักรทองซึ่งเป็นอาวุธนอกสารบบ มีความพิเศษตรงที่สามารถรับมือกับดาบกระบี่ได้ทุกชนิด พุ่งเข้าใส่ตั๋วล่ายสุก

    แต่ก่อนที่หูจิ่นเชคจะบรรลุถึงตัวประมุขคุนหลุนเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังสองสายแผ่พุ่งมาจากด้านหลัง
    เป็นพลังที่แข็งแกร่ง ดุร้าย รัดรึง ดั่งต้องการกดดันไม่ให้เหยื่อดิ้นหลุดไปได้
    เมื่อเขาหันไปมองจึงเห็นหวงอี้เฟยใช้ออกด้วยกระบวนที่สามในสิบเจ็ดฝ่ามือชื่อ 'อารมณ์พิศวาส'

    "ล่วงเกินแล้ว!" หวงอี้เฟยกล่าว พร้อมกับมีเสียงดังพลั่ก ตามติดด้วยสียงราวกับกิ่งไม้แตกหักดังถี่ยิบ ติดตามมาไม่หยุด
    ปรากฏว่าฝ่ามือของมันได้ฟาดลงบนร่างของลามะเฒ่าจนโครงกระดูกเจ็ดแปดท่อนของหูจิ่นเชคเลื่อนลั่นไปมาทำให้เจ็บปวดจนแทบสิ้นสติ!!

    เติ้งเสี่ยวเทา เจียงเจ๋อตุง โจวเอินผิง ซุนยัดไหล เจียงไคเซน เห็นความพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถของทั้งสองยอดฝีมือก็ตกประหม่าเริ่มตระหนักถึงความต่างชั้นระหว่างพวกตนกับพวกสำนักใหญ่ พากันเหงื่อแตกพลั่กๆ เนื่องด้วยทั้งหมดล้วนรับทราบพลังฝีมือของทั้งสองเป็นอย่างดี และพลังฝีมือของพวกมันก็หาได้เหลื่อมล้ำต่ำสูงไปกว่าทั้งสองมากนัก!

    "หวังว่าเราคงสามารถมีชีวิตรอดไปเด็ดดอมบุปผาได้เช่นเดิม" เจียงไคเซนคราง

    "สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรของพรรคกระยาจกเรา แม้เข้มแข็งหนักหน่วง ทว่ายังคงไม่มีความมั่นใจว่าจะเหนือกว่าสองศิษย์อาจารย์คู่นี้" เติ้งเสี่ยวเทาลอบตรึกตรองในใจ

    "..." ซุนยัดไหลยอดฝีมือปิดหน้าเงียบงัน แต่ขานั้นสั่นจนแทบมิสามารถประคองร่างอยู่ได้

    "พวกเจ้ากล้ามาประลองกับข้า ตอนนี้แม้คิดถอนตัวตอนนี้ก็สายไปแล้ว" ตั๋วล่ายสุกกลับสามารถคาดเดาความในใจของทั้งหมด ย่างสามขุมเข้าใกล้หูจิ่นเชคซึ่งถูกหวงอี้เฟยคร่ากุมไว้ พลางยกฝ่ามือขึ้นทำท่าหมายสังหาร

    ทว่าก่อนที่เขาจะลงมือ หลิวหยงเคอก็ใช้ท่าร่างอันรวดเร็วพุ่งเข้าขวางตั๋วล่ายสุกไว้ประกาศดังๆ ว่า "ประมุขตั๋วพอได้แล้ว! งานประลองนี้ฝ่ายราชสำนักโดยท่านตุลาการเป็นตัวแทนจัดขึ้น หากจะแข่งขันต้องอยู่ในระเบียบ มิใช่ต่อยตีกันเยี่ยงอันธพาลข้างถนน อีกอย่างท่านเอาชนะได้แล้วเหตุใดจึงยังราวีคนแพ้เป็นเหตุให้ฝ่ายธรรมะเราแตกสามัคคีกันอีก"

    คนทั้งปวงฟังหลิวหยงเคอพูดดีมีเหตุผลก็นึกชื่นชมในใจ หากตั๋วล่ายสุกคำรามว่า "กฏะเบียบอันใด? เราเจ้าสำนักกลับมิเคยยึดถือ!!" พลางฉวยโอกาสลงมือหวังสังหารหูจิ่นเชคให้จงได้

    หลิวหยงเคอคิดไม่ถึงว่าตั๋วล่ายสุกจะอำมหิตโดยไม่ยอมฟังเหตุผล ดื้อด้านจะลงมือให้ได้ ขณะคิดจะขัดขวางก็พบว่าสายไปเสียแล้ว!!!

    ตั๋วล่ายสุกฮึกเหิมลำพองใจ มั่นใจว่าต้องสังหารหูจิ่นเช็คลงได้อย่างแน่นอน ขณะที่ฝ่ามือของมันจะกระทบลงบนศรีษะของลามะเฒ่า พลันปรากฏรุ้งยาวสายหนึ่งพาดผ่านฟ้าสวนทางเข้าสู่คลองจักษุของทั้งหมด ชั่วพริบตาปรากฏเงาคนถลันวูบเข้าหาตั๋วล่ายสุก!!!

    รุ้งยาวดังกล่าวแปรเปลี่ยนเป็นเงากระบี่สี่สายจี้เข้าที่ดวงตา คอหอย หัวใจ และอัณฑะ ของตั๋วล่ายสุก แต่เพียงแค่จ่อแล้วดึงกลับโดยมิได้ทิ่มแทงทำร้าย กระทั่งเสื้อผ้าก็มิได้รับความเสียหายแต่อย่างไร แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้สามารถควบคุมกระแสพลังได้ถึงขั้นปล่อยออกและรั้งกลับได้ตามใจปรารถนา  

    ตั๋วล่ายสุกโดนเช่นนี้ถึงกับเดือดดาลจนตัวสั่น ทว่ากลับมิกล้าเคลื่อนไหวโดยพละการ เนื่องจากมันมิสามารถคำนวณความลึกล้ำของกระบวนเพลงเหล่านั้นได้ ต้องลอบตื่นตระหนกอยู่ภายใน ทว่าสีหน้ายังคงเรียบเฉย มิได้แสดงความอ่อนด้อยออกมา นับว่ามีบุคลิกของเจ้าสำนักสำนักหนึ่งจริงๆ

    แต่ถึงกระนั้นมันก็ต้องรู้สึกเสื่อมเสียหน้าอยู่ไม่น้อยที่มิอาจลงมือสังหารหูจิ่นเช็คได้ดังที่ตั้งใจ  ในที่สุดจำต้องสลายกระบวนท่าสังหารลง จากนั้นเมื่อมองดูพบว่าผู้ที่ลงมือขัดขวางคือเจ้าสำนักคนปัจจุบันของบู๊ตึ๊ง…เด็กน้อยจื่ออิงนั่นเอง!

    จื่ออิงอยู่ในชุดนักพรตเต็มยศ ชุดเดียวกับเตียหงีซึ่งเคยชนะการประลองในครั้งก่อน

    "ขออภัยทุกท่านที่ทำให้ต้องรอนาน ข้าเก็บตัวฝึกฝนฝีมือจนเนิ่นนาน กลับแทบลืมเลือนว่ามีการประลองคัดเลือกผู้นำ "หอห้ากระบี่” การประลองครั้งนี้เมื่อจัดขึ้นที่บู๊ตึ๊งเท่ากับทางเรามีส่วนร่วมเป็นเจ้าภาพ หากมีผู้ใดคิดลงมือโดยพละการต้องถามกระบี่ในมือข้าพเจ้าก่อน!!! เขากล่าวอย่างนุ่มนวล ทว่าแฝงไปด้วยความทรนงองอาจ หันไปทางตั๋วล่ายสุก

    "ประมุขตั๋ว ขออภัย!!!"

    ตั๋วล่ายสุกแค่นเสียง แล้วสั่งให้หวงอี้เฟยปล่อยตัวหูจิ่นเชคเสีย ลามะธิเบตรอดตายรีบขอบคุณเจ้าสำนักบู้ตึ๊งไม่หยุดยั้ง
    ผู้คนต่างรู้สึกจื่ออิงหายไปไม่นานกลับมีฝีมือสูงขึ้นมาก บุคลิกเปลี่ยนเป็นห้าวหาญองอาจ สมกับเป็นเจ้าสำนักของบู๊ตึ๊ง บวกกับคุณธรรมที่ช่วยชีวิตหูจิ่นเชคเอาไว้ ต่างโห่ร้องชื่นชม เติ้งเสี่ยวเทา เจียงเจ๋อตุง โจวเอินผิง ซุนยัดไหล เจียงไคเซน พร้อมกับ เหมาเจ๋อหมิน หูจิ่นเชค ประจักษ์ว่าตนมีฝีมืออ่อนด้อยรีบพากันออกมาคารวะซ้ำแล้วซ้ำอีก ขอฝากเนื้อฝากตัวกล่าววาจาประจบประแจง

    "ประมุขจื่อยอดเยี่ยมจริงๆ" เจียงเจ๋อตุงกล่าว

    "ประมุขจื่อฝีมือร้ายกาจซ้ำยังหล่อเหลาสง่างาม เป็นที่นับถือยิ่ง" อันนี้โจวเอินผิงพูด

    "พวกข้าน้อยเห็นการประลองเมื่อครู่จึงทราบดีว่าตนไม่คู่ควร ดังนั้นพวกเราขอถอนตัวจากการประลอง พระคุณที่ช่วยชีวิต เราลามะเฒ่าจะขอจดจำไปชั่วชีวิต หากแม้นเจ้าสำนักจื่อมีสิ่งใดคิดช่วงใช้ พวกเราหากสามารถทดแทนพระคุณท่าน จะบุกน้ำลุยไฟ พวกเราจะขอกระทำโดยไม่ขมวดคิ้วนิ่วหน้า!!!" หูจิ่นเช็คกล่าวพลางประสานมือคารวะ จากนั้นถอยกายกลับไปโดยมีเจียงเจ๋อตุงและเติ้งเสี่ยวเทาประคับประคอง

    จื่ออิงแย้มยิ้มเล็กน้อย แล้วสอดกระบี่คืนฝัก จากนั้นเดินไปนั่งยังที่ของผู้นำหอห้ากระบี่

    แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 46 21:31:09

    แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 46 17:18:24

    จากคุณ : ทีมแต่งนิยาย - [ 30 ต.ค. 46 17:09:24 ]