[[[แฮร์รี่ พอตเตอร์ภาคพิเศษ / ตอน..A Weasley's Rule "กฏของวีสลีย์" / ตอนที่ 1]]]

    ตอนที่ 1


    อาเธอร์  วีสลีย์ล้มตัวลงนอนอย่างสบายใจหลังจากที่ต้องตรากตรำกับการทำงานหนักมาทั้งวัน  เขาโน้มตัวไปจูบภรรยาที่นอนอยู่ข้างเขา  "ราตรีสวัสดิ์จ๊ะ  มอลลี่ที่รัก"

    "รู้ไหมอาเธอร์  ฉันรู้สึกดีจริงๆที่เด็กๆกลับมาอยู่กับเราพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้งอย่างตอนนี้  คริสต์มาสปีนี้คงจะสนุกน่าดู"  นางวีสลีย์พูดกับสามี

    "อื้ม…zzzz"  นายวีสลีย์ตอบขณะที่กำลังจะเคลิ้มหลับอยู่แล้ว

    "บ้านเราน่ะเงียบเหงาจะตาย  แล้วก็ไม่มีอะไรให้ฉันทำมากนักด้วยเวลาที่พวกเขาไม่อยู่กัน"  นางวีสลีย์ยังพูดต่อไม่มีทีท่าว่าเธออยากจะหลับหรืออะไร  ซึ่งตรงกันข้ามกับสามีอย่างสิ้นเชิง  แต่เขาก็ยังตอบเธอกับไปว่า

    "แต่ตอนนี้คุณคงไม่ว่างมากเหมือนแต่ก่อนแล้ว  โดยเฉพาะในห้องของเฟร็ดกับจอร์จ  ผมว่ามีอะไรให้คุณต้องทำอีกเยอะเชียว"  พูดจบนายวีสลีย์ก็ทำท่าว่าจะหลับลงไปให้ได้แล้วตอนนั้น

    "ใช่..ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาทั้งสองคนหรอก  ฉันต้องจัดห้องให้พวกเขาวันละสองรอบเป็นอย่างน้อย  แต่อาเธอร์  มีอยู่อย่างนึงฉันเกือบลืมบอกคุณแน่ะ  ฉันยังต้องคอยจับตามองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยช่วงนี้  รอนอีกคน"

    "เฮอร์ไมโอนี่รึ?  สาวน้อยนั่นไม่เคยทำให้เราต้องยุ่งยากหรือลำบากอะไรเลยนี่นาเวลาที่เธอมาอยู่กับเราที่นี่น่ะ"  นายวีสลีย์ยังไม่ได้นอนอยู่ดีเพราะเขาต้องคอยตอบคำถามของภรรยาอยู่เรื่อย

    "ช่าย..อาเธอร์  ถ้าเพียงแต่ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะไม่ได้เดทอยู่กับลูกชายของเราอย่างตอนนี้อ่ะนะ"

    "อะไรนะ!  เฮอร์ไมโอนี่น่ะหรือเดทกับลูกชายของเรา?"  นายวีสลีย์รู้สึกตื่นขึ้นมาเต็มตาในทันทีทันใด  

    นางวีสลีย์ยิ้มให้สามีก่อนจะพูดขึ้นว่า  "แน่นอนสิ  อาเธอร์  คุณไม่เคยสังเกตบ้างเลยหรอกหรือว่าเวลาที่รอนมองเฮอร์ไมโอนี่น่ะสายตาของเขามันหวานเยิ้มสักเพียงใด  และบังเอิญว่าเมื่อค่ำนี้เองฉันเห็นรอนจูบเฮอร์ไมโอนี่ด้วยล่ะ  ที่สวนหน้าบ้านนี่เองนะ"

    "เอ่อ..มอลลี่จ๊ะ  คุณพอจะรู้ไหมว่าพวกเขาคบกันมานานเท่าไหร่แล้ว?"  นายวีสลีย์ถามขึ้นเมื่อเขาลุกขึ้นมานั่งแล้วหลังจากที่คิดว่าเขาไม่อาจจะข่มตาให้หลับได้อีกต่อไป

    "ไม่นานนักหรอก"  นางวีสลีย์หาวก่อนที่จะพูดต่อว่า  "ฉันถามแฮร์รี่น่ะ  เขาบอกว่าพวกเขาเพิ่งเริ่มคบกันเมื่อช่วงปลายฤดูร้อนนี่เอง  และอีกอย่างฉันสังเกตเห็นด้วยว่าแฮร์รี่เองก็ชักจะสนิทสนมกับจินนี่ของเรามากเป็นพิเศษด้วยนะช่วงนี้"

    "พระเจ้า..แล้วคุณพูดกับรอนเรื่องนี้หรือยัง  มอลลี่?"  นายวีสลีย์ถามด้วยความรู้สึกเป็นกังวล

    "ยัง..แต่นั่นมันหน้าที่คุณนะ  อาเธอร์  คุณก็เคยพูดกับลูกๆคนอื่นๆมาแล้วนี่ไม่ใช่เหรอ?"

    "ใช่  แต่ว่า..."

    "แต่ว่าอะไรอีกล่ะ  มันน่าจะง่ายสำหรับคุณนะ  ไม่เอาน่า..อาเธอร์ที่รัก  รอนเป็นลูกชายคนเล็กสุดของเราและเป็นคนสุดท้ายที่คุณจะต้องไปพูดกับเขาตามประสาพ่อลูกนะ"

    "จริงสิ!  เอ่อ..มอลลี่  แล้วคุณก็ควรที่จะไปพูดกับจินนี่ด้วยเหมือนกันนะ  ตามประสาแม่กับลูกสาวไง"  นายวีสลีย์พูดพร้อมกับล้มตัวลงไปนอนอีกครั้ง

    "ไม่มีปัญหา  ราตรีสวัสดิ์..อาเธอร์"  นางวีสลีย์จูบแก้มสามีเบาๆ  แล้วทั้งสองก็ผล็อยหลับไปในที่สุด


    ...........................................................


    นายวีสลีย์ยืนอยู่หน้าห้องนอนของรอนในวันต่อมา  หลังจากคิดว่าเขาเตรียมคำพูดไว้เป็นอย่างดีแล้วว่าเขาจะต้องพูดอะไรกับลูกชายบ้าง  ดังนั้นเขาจึงเคาะประตูห้องของรอนเบาๆพร้อมกับเรียก

    "รอน  อยู่หรือเปล่าลูก?"

    "ครับ!  พ่อต้องการอะไรหรือครับ?"  เสียงรอนตอบกลับมา

    "ให้พ่อเข้าไปหน่อยได้ไหม"

    "ได้ครับ  ถ้าพ่อจะไม่บ่นเรื่องผมทำห้องเละเทะหรืออะไรทำนองนั้น"

    นายวีสลีย์เข้ามายืนอยู่ในห้องสีส้มของรอน  แน่นอนว่ามันรกสิ้นดี  สิ่งของต่างๆจัดวางอย่างไร้ระเบียบ  แต่เขาก็ยังตาไวพอที่จะเห็นว่ารอนรีบเก็บรูปๆหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะเข้าลิ้นชักที่เก่าคร่ำคร่าและเอียงกระเท่เร่เกือบจะพังไม่พังแหล่นั่น  ถ้าตาเขาไม่ฝาดน่าจะเป็นรูปของเฮอร์ไมโอนี่

    "พ่อ..เอ่อ..ต้องการอะไรหรือครับ?"  รอนถามอีกครั้ง

    "คือ..พ่ออยากจะพูดกับลูกเรื่องนั้นน่ะ"  นายวีสลีย์พูดพร้อมกับชี้ไปที่ลิ้นชักที่รอนเพิ่งล็อกไปเมื่อสักครู่นี้พร้อมกับนั่งลงที่ปลายเตียงนอนของรอน

    "ผมไม่ได้เป็นคนทำมันพังนะครับพ่อ  มันเป็นอย่างนี้อยู่แล้วตอนที่ชาลียกห้องนี้ให้ผมน่ะ!"  รอนคิดว่านายวีสลีย์จะพูดเรื่องลิ้นชักพังๆของเขา

    "รอน  รอน  พ่อไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น"  นายวีสลีย์หัวเราะออกมาเบาๆ

    "ถ้างั้นเรื่องอะไรล่ะครับ?  ผมทำอะไรผิดหรือเปล่า?"  รอนถามอย่างงงๆ

    "ก็..ไม่มีอะไรหรอก..รอน..อันที่จริงพ่อหวังว่าลูกคงยังไม่ได้ทำอะไรๆที่ผิดหรอกนะ"  นายวีสลีย์มองรอนที่ยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจไปกันใหญ่ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน  แล้วนายวีสลีย์ก็พูดต่อว่า  "รู้มั๊ย..รอน  พ่ออยากจะเล่าเรื่อง..เอ่อ..เรื่อง..ปลั๊กไฟกับ..กับ..เต้าเสียบให้ลูกฟังสักหน่อย"

    "ผมรู้เรื่องพวกนี้ดีแล้วครับพ่อ  ตอนที่ผมไปพักบ้านเฮอร์ไมโอนี่เมื่อช่วงหน้าร้อนไงครับ  เธอสอนผมเรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้วก็พวกปลั๊กกับเต้าเสียบอะไรพวกนี้ก็ด้วย"  รอนบอก  และคิดไม่ออกอยู่ดีว่าพ่อของเขานึกอะไรขึ้นมาถึงได้มาพูดเรื่องนี้กับเขา

    "เดี๋ยวก่อน  รอน  ให้พ่อพูดให้จบก่อนสิ  คืองี้..ที่พ่ออยากจะพูดก็คือ..ที่พ่ออยากจะบอกก็..ติ๊งต่างว่าผู้ชายเป็นปลั๊ก  แล้วทีนี้ก็ให้ผู้หญิงเป็นเต้าเสียบ  ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการก่อให้เกิดกระแสไฟผ่าขึ้น..."

    "เอ่อ..เขาเรียกว่ากระแสไฟฟ้าครับพ่อ"  รอนแก้

    "เอ้อ..นั่นแหล่ะ..กระแสไฟฟ้าใช่ไหม  กระแสไฟฟ้าจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราเอาปลั๊กเสียบเข้าไปในเต้า เสียบแล้วเท่านั้น  และการสร้างกระแสไฟฟ้าใดๆก็ตาม  เราควรจะแน่ใจว่าทั้งปลั๊กและเต้าเสียบพร้อมที่จะใช้งานได้แล้วจริงๆ"

    "พ่อ!?"  รอนร้องและถามด้วยความตกใจอย่างแรง  "นี่พ่อคงไม่ได้กำลังพูดถึง..เอ่อ..เรื่อง..อย่างว่าหรอกใช่ไหมครับ!"

    นายวีสลีย์มองรอนแน่วนิ่ง  ท่าทางจริงจังก่อนที่จะพูดว่า  "อืม..มันแค่การเปรียบเทียบน่ะนะ  ใช่  รอน  ลูกเข้าใจถูกต้องแล้ว  พ่อกำลังพูดเรื่องนั้นอยู่"

    รอนยกสองมือขึ้นปิดหน้าที่เริ่มแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ของตัวเอง  "เอื้อก!  ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าพ่อจะพูดกับผมเรื่องนี้  แต่ว่าผมรู้เรื่องพวกนี้ดีแล้วเหมือนกันครับพ่อ  ผมหมายถึงที่ฮอกวอร์ตน่ะฮะ"

    "อะไรนะ!?"  นายวีสลีย์ถาม  ทำตาเหลือกลาน

    "ใช่  ที่ฮอกวอร์ตครับพ่อ"

    "นี่พวกเธอเคย..แบบว่า..กันแล้วหรือ..ที่ฮอกวอร์ตเนี่ยนะ?  โอ..พระเจ้า!"

    "แน่นอนสิครับพ่อ  พวกเราปีห้าต้องเรียนวิชาสุขศึกษากันทุกคน  มันเป็นวิชาบังคับด้วยนะครับ  แล้วเขาก็สอนเรื่องเพศศึกษาอะไรเหล่านี้ด้วย  ฉะนั้นผมจึงได้รู้เรื่องเหล่านี้ดีแล้วไงล่ะครับ  พ่อไม่ต้องห่วง"

    "โอ้..ใช่  ใช่  จริงสินะ..."  นายวีสลีย์รู้สึกงี่เง่าสิ้นดี  "อืม..การเรียนรู้เรื่องพวกนี้เอาไว้ก่อนเป็นเรื่องที่ดีมากเลยนะลูก  มันจะทำให้เราปลอดภัยขึ้น  เอ่อ..รอน  แล้วเฮอร์ไมโอนี่เธอสนใจวิชาพวกนี้มากน้อยแค่ไหนกันล่ะ  ลูกพอจะรู้ไหม?"

    รอนหรี่ตามองพ่อตัวเอง  แล้วถามอย่างไม่ค่อยจะไว้ใจว่า  "นี่พ่อคงไม่ได้คิดว่า..ผมกับเฮอร์ไมโอนี่..จะ..เอ่อ..กันหรอกนะครับ?"

    "ใจเย็นๆน่า..พ่อลูกชาย  อย่างไรก็ตาม  ฟังนะ  พ่อได้แต่หวังว่าลูกจะมีความอดทนและรอคอยจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมเสียก่อน  และแค่อยากจะเตือนเอาไว้เท่านั้นว่า  การสร้างกระแสไฟฟ้าที่ผิดเวลาผิดสถานที่น่ะ  ผลสุดท้ายแล้วกระแสไฟฟ้าอาจจะเกิดการลัดวงจรระเบิดตูมตามขึ้นมาได้  แล้วตอนนั้นลูกก็จะพบว่าทั้งปลั๊กไฟและเต้า เสียบมันอาจจะเสียหายจนใช้การไม่ได้อีกต่อไป  อืม..อย่างนี้เข้าใจนะลูก  แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่เราไม่อาจจะควบคุมกระแสไฟฟ้าที่วิ่งพล่านในสายไฟของตัวเราได้  และมันจำเป็นที่จะต้องปลดปล่อยกระแสแห่งความรุ่มร้อนนั้นออกมา เราก็จะต้องแน่ใจเสียก่อนว่าเจ้าของเต้าเสียบเขา..."

    "ฮ้า!  พ่อครับ..พอเถอะครับ..หยุดพูดเถอะ..ผมเข้าใจแล้วฮะ"  รอนเบิกตากว้างเมื่อคิดถึงเรื่องที่พ่อของเขากำลังจะพูดต่อไป

    "ก็ได้..เข้าใจก็ดีแล้ว  รอน"  นายวีสลีย์พูดพร้อมกับตบบ่ารอนเบาๆ  "กระแสไฟฟ้าจะแรงและทรงอานุภาพได้แค่ไหนขึ้นอยู่กับความพร้อมของปลั๊กและเต้าเสียบ  จำไว้นะลูก"  

    นายวีสลีย์พูดทิ้งไว้เป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่จะออกจากห้องของรอนไป  ในขณะที่รอนได้แต่อ้าปากค้างมองตามหลังพ่อตัวเองไปอย่างไม่อยากเชื่อว่าระหว่างพ่อกับลูกชายจำเป็นด้วยหรือที่ต้องพูดคุยถึงเรื่องแบบนี้กัน  รอนยอมรับว่าเขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ

    ส่วนนายวีสลีย์นั้น  เมื่อออกมาจากห้องของรอนแล้วเขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างรู้สึกโล่งอก  พลางคิดว่าภารกิจของตัวเองครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีทีเดียว  รอนมีทีท่าว่าเข้าใจเรื่องที่เขาต้องการจะบอกเป็นอย่างดีแม้ว่ารอนออกจะตื่นเต้นไปสักหน่อยก็เถอะ  เมื่อคราวที่เขาบอกลูกชายฝาแฝดของเขานั้น  เฟร็ดกับจอร์จเอาแต่หัวเราะขำกันจนท้องคัดท้องแข็ง  ในขณะที่เพอร์ซี่นั่งฟังเงียบๆไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว  ชาลีตั้งใจฟังและถามคำถามมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้  และบิลลูกชายคนโตสุดหล่อของเขา  เอ่อ..รู้สึกว่าตอนนั้นบิลจะมีประสบการณ์ในการผลิตกระแสไฟฟ้ามาก่อนแล้ว  เขาเลยพูดอะไรได้ไม่คอยถนัด  แต่ก็ไม่มีอะไรเสียหาย  เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว  เป็นอันว่าหน้าที่ของเขาเสร็จสิ้นลงแล้ว  ลูกชายคนเล็กสุดของเขารอนคงจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง  ตอนนี้เขาห่วงอยู่แต่จินนี่ลูกสาวคนเดียวของเขาเท่านั้น  แต่เขาก็ต้องยกหน้าที่นี้ให้มอลลี่ภรรยาของเขาไป  หวังว่ามอลลี่คงทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีเช่นกัน...


    +++ มีต่อ +++

    จากคุณ : จินดา - [ 30 ต.ค. 46 22:38:43 A:66.119.34.39 X:10.100.2.110 ]