ตะวันตกทุ่งนา…เรื่องรักอนาถาแห่งบ้านนาโดด

    ‘ตะวันตกทุ่งนา’ เนิ่นนานแล้วที่ ‘ไอ้เคียว’ ได้ยินคำนี้ ทั้งๆที่มันน่าจะลืม เพราะคนพูดเองก็คงจำไม่ได้แล้ว โถ…ข่าวจากบ้านยายส้มเช้าแท้ๆเจียวที่สะกิดให้มันนึกถึงอีกจนได้ ข่าวอะไรรึ…ก็ข่าวงานแต่งของกระถินหลานสาวคนสวยของยายส้มเช้าน่ะซิ เลยทำให้มันต้องมาทอดอารมณ์เศร้ารำพันกับดวงจันทร์อยู่คนเดียว ทั้งๆที่หนุ่มสาวในหมู่บ้านต่างแห่กันไปเที่ยวงานวัดเป็นที่ครื้นเครง

    ( มองดูเดือน…เหมือนเตือนให้ใจคิดถึง ที่รักจ้าหนุ่มนารำพึง  คิดถึงนงคราญบ้านนา )

    เคียว ชื่อนี้เมื่อได้ยินอย่าคิดอื่นไกล ไอ้เคียวมันไม่ใช่ญี่ปุ่นยุ่นปี่ หรือหนุ่มหน้าใสหัวใจยามาฮ่ามาจากไหน แต่มันคือไอ้เคียว หรือนายคมเคียว เดือนเสี้ยว หนุ่มบ้านนาลูกทุ่งยุคสองพันขนานแท้ หน้าตาคมคายยิ่งกว่าคมเคียวเกี่ยวข้าว สาวไหนเห็นเป็นต้องเจ็บจี๊ดๆที่หัวใจราวถูกไอ้เคียวเกี่ยวที่ส่วนนั้นด้วยความ หล่อ ล่ำ ดำ และ ถึกเถื่อนของมัน ไอ้เคียวนี่แหละ ‘หนุ่มหน้าไม่ใสแต่มีหัวใจเหมือนคูโบต้า’ แห่งบ้านนาโดดตัวจริง

    แม้จะมีอีสาวใหญ่น้อยทั้งในบ้านนาโดดเองและหมู่บ้านใกล้เคียงชม้ายชายตาให้ท่าสารพัด แต่ก็หามีนางใดพิชิตหัวใจรักของมันไปได้ ยกเว้นนังถิน หรือ กระถิน หรือชื่อใหม่ที่เจ้าตัวเพิ่งเปลี่ยนเองเมื่อตอนเรียนปริญญา คือ แคที่ หรือ นางสาวแคทลียา บุญอุ้มชู  สาวงามหมายเลขหนึ่ง แห่งบ้านนาโดดเท่านั้น

    ทั้งมันและนังถินสนิทสนมกันมาตั้งแต่สมัยแก้ผ้าโท่งๆวิ่งไล่จับปูจับปลา ไอ้ด่างอีด่างเลียตูดถึง จนโตพอที่จะไล่เตะลูกไอ้ด่างอีด่างได้ (เพราะพ่อแม่มันตายไปหมดเลยต้องเตะลูกเตะหลานมันแทน) ทั้งคู่จึงเริ่มสมัครรักใคร่ที่จะเปลี่ยนความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนเป็นความรักแบบหนุ่มสาว

    ไอ้เคียวยืนยันด้วยหัวใจทนด้านยิ่งกว่าควายเหล็กของมันว่ามันรักนังถิน นังถินคนเดียวเท่านั้น  แม้นังถินจะต้องไปเรียนมัธยมปลายในเมืองสามปี ต่อด้วยอะไรพัดๆอีกสี่ปีมันก็จะรอ และมันก็ทำได้อย่างที่พูดจริงๆด้วย ไม่เคยมีอีสาวงามบ้านไหนได้แตะไอ้เคียวแม้แต่ปลายเล็บ แต่ดูสิ่งที่นังกระถินทำกับมันซิ นังถินกำลังจะแต่งงานกับไอ้หนุ่มคนไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าแต่งแล้วก็จะอยู่กรุงเทพฯไม่กลับมาอยู่บ้านนาโดดอีกแล้ว  

    ‘โธ่…นังถินไม่น่าลืมความรักความหลังของเราเลย’ ไอ้เคียวรำพันตัดพ้อกับแสงจันทร์

    ( พอไกลลืมกัน สาบานก็ลืมสัญญา ปล่อยให้หลงคอยท่า ลับลาไม่กลับแม้เงา )

    ระยะห่างของสองหนุ่มสาวก็เริ่มขึ้นเมื่อจบมัธยมสามจากโรงเรียนวัดข้างบ้าน  เมื่อพ่อไอ้เคียวตายมันจึงไม่ได้เรียนต่อเพราะต้องออกมาช่วยแม่ทำนาเลี้ยงน้องอีกสามคน ส่วนนังถินสอบเข้าเรียนต่อม.ปลายที่โรงเรียนประจำจังหวัดได้

    ถึงจะไม่ได้เห็นหน้ากันตลอดวันเหมือนที่ผ่านๆมา ไอ้เคียวมันก็ยังมีมานะถีบจักรยานรับ-ส่งนังถินที่ท่ารถทุกวัน ถึงจะต้องแหกขี้ตาตื่นก่อนไก่ ถีบจักรยานจนน่องโป่งก็ไม่เกี่ยง

    “ เคียว เห็นนั่นไหม ตะวันมันกำลังจะตกทุ่งนา สวยจังเลยเนอะ ” ครั้งหนึ่งในขณะที่ไอ้เคียวถีบจักรยานพานังถินกลับบ้าน อยู่ๆนังถินมันก็พูดแปลกแบบนี้ออกมา  

    “ ติ๊งต๊องว่ะถิน มีแต่เขาบอกว่าตะวันตกดิน ไปเอามาจากไหนตะวันตกทุ่งนา ครูที่โรงเรียนเขาสอนแบบนี้เหรอ ” เมื่อสะดุดหู ไอ้เคียวก็อดถามที่มาจากสาวคนรักไม่ได้ ถึงมันจะไม่ได้เรียนต่อ แต่มันก็พอรู้หรอกว่าเวลาคนเขาพูดถึงตะวันตอนค่ำๆน่ะ ไม่ตกดินก็ตกน้ำ

    “ ก็มันตกทุ่งนาจริงๆนี่ บ้านเราดินดีจะตายปลูกอะไรก็งามมีดินว่างๆที่ไหนล่ะ …เฮ้อ…ฉันชอบจังเลยเคียว ข้าวมันกำลังออกรวงเขียวไปทั้งทุ่งเลย เห็นไหมตะวันสีส้มตัดกับทุ่งนาสีเขียวสวยออก”

    คราวนี้ไอ้เคียวหยุดรถ เพื่อจะได้มอง ‘ตะวันตกทุ่งนา’ ของนังถินมันจะๆ ความจริงจะขี่ไปมองไปก็ได้ แต่คันนาที่เป็นทางไม่ค่อยกว้างเสี่ยงต่อการพานังถินตกคันนายิ่งนัก เสื้อนักเรียนมันเปื้อนโคลนที่ไรนังถินเป็นต้องโวยวายงอนตุบปัดตุบป่องให้ไอ้เคียวตามง้อหลายทุ่มโมงทุกที

    ( เคยเคลียคลอ  พะนอเดินเล่นกับน้อง เมื่อครั้นงานเพ็ญเดือนสิบสอง เมื่อตอนลมล่องข้าวเบา )

    จริงของนังถินมัน ช่วงปลายเดือนสิบเอ็ดต้นเดือนสิบสองข้าวกำลังอุ้มท้องออกรวงเป็นสีเขียวเข้มเจือเหลืองทองตรงปลายไปทั้งทุ่ง เวลาลมพัดผ่าน ต้นข้าวก็จะพากับไหวเอนเป็นระลอกคลื่นราวกับเต้นระบำข้าวล้อลมแรกหนาว ตะวันสีส้มสดเหมือนไข่แดงลอยนิ่งบนยอดข้าวก็สะสวยเด่นดวงยิ่งนัก ช่างตัดกันได้เหมาะเจาะกับสีเขียวอมเหลืองเวิ้งว้างสุดลูกตา ยิ่งดูไอ้เคียวก็ยิ่งรื่นตา ซ้ำได้ดูกับนังกระถินสาวคนรักสองต่อสองยิ่งรื่นใจ

    “ ไปกลับเข้าบ้านกันเถอะ เย็นมากแล้ว เดี๋ยวถินเรียนจบกลับมาอยู่บ้านก็จะได้มองทุ่งนาเขียวๆทั้งวันเองแหละ วันนี้ที่วัดมีงานด้วยจะได้ไปอาบน้ำอาบท่าแล้วไปเที่ยวกัน”

    ( เพื่อนฮาเราเฮ  สรวญเสรักกันหนุ่มสาว อุ่นไอรักรวงข้าว  โธ่! เจ้าไม่น่าหน่ายหนี )

    ครั้งสุดท้ายที่ไอ้เคียวได้เที่ยวงานวัดกับนังถินดูจะเป็นเดือนสิบสองแบบนี้ นู้นห้าปีได้แล้วมั้ง ก่อนที่นังถินจะไปเรียนอะไรพัดๆที่อยู่ในกรุงเทพฯ ก่อนที่นังถินจะไปพบเห็นหนุ่มหล่อกว่ามันในเมืองหลวง ควายเหล็กอย่างไอ้เคียวดีแต่วิ่งเป็นจ้าวอยู่ในทุ่งนาไหนเลยจะมีปัญญาไปวิ่งบนรางรถไฟฟ้า บนทางด่วน โทล์เวย์ ทูเวย์ ได้ ที่นี้นังกระถินเลยชักจะเลอะเลือนควายเหล็กอย่างไอ้เคียว จักรยานห้างที่เคยซ้อนท้าย หลงลืมความสวยงามของตะวันตกทุ่งนา เพราะมั่วเพลินตากับตะวันตกยอดตึก

    ( พอเดือนแรม รักก็แรมร้างเลื่อน  โถ..ดาวขาดเดือน  ฉันก็เพื่อนไม่มี  แต่เดือนยังมาให้ดาวเห็นหน้าทุกที  แต่คนรักข้าสิ  เป็นปีไม่เคยเห็นหน้า )

    บางทีไอ้เคียวก็นึกอยากจะเห็นหน้าค่าตาว่าที่เจ้าบ่าวของนังถินมันอยู่เหมือนกัน ดูซิว่าไอ้หมอนั่นมันมีดีกว่าไอ้เคียวตรงไหน จะมีใครไหมที่จริงใจกับนางกระถินเท่ามัน อุตส่าห์ถีบจักรยานรับส่งเวลากลับบ้านตั้งเจ็ดปี จะมีใครไหมที่ซื่อสัตย์ต่อนังกระถินเท่ามันไม่เคยวอกแว่กไปกับอีสาวหน้าไหน จะมีไครไหมที่ไถนาเก่งเป็นแนวตรงและทนทายาดเท่าไอ้เคียว ที่สามารถจะทำนาหาเลี้ยงนังถินให้อยู่บ้านสบายๆไปจนตาย

    ( คงมีใครเขาคอยเอาใจเก่งนัก  เจ้าจึงหลงลืมชายที่รัก  ให้คอยเหงาหงอยอยู่นา )

    วันนี้ที่ใครๆในหมู่บ้านกำลังสนุกสนานดูหนังดูลิเกกันที่วัด ไอ้เคียวเลยไม่มีกระจิตกระใจ ก็มันยังจำมือนิ่มของนังถินว่าที่เจ้าสาวของคนอื่นที่เคยจูงเดินเที่ยวงานเมื่อห้าปีก่อน แก้มเนียนเปื้อนโคลนที่มันเคยแอบหอมใต้แสงเดือน สมัยพานังถินจักรยานล้มเมื่อกลับมาจากงานวัด แล้วงานวัดปีนี้เล่าไอ้เคียวมันจะจูงมือใคร มันจะแอบจุ๊บใคร

    โธ่! ยังถินเอ๋ย…ถึงข้าเป็นเคียวแต่ก็ไม่เคยคิดจะเกี่ยวเอ็งมากินเฉพาะยอดอ่อนๆ ข้าเฝ้าทะนุทนอมฟูมฟักความรักของเรายาวนานมาถึงยี่สิบสามฝนเท่าอายุเองกับข้าตอนนี้ ข้าเฝ้าเก็บหอมรอมริบเงินที่ขายข้าวในแต่ละปีเพื่อจะสู่ขอเอ็ง เอ็งจะได้ไม่น้อยหน้าใคร

    ( ยิ่งมองดูเดือน  เหมือนเตือนให้ใจผวา  ยิ่งคืนนี้เดือนจ้าฉันมาร้องไห้กับเดือน )

    แล้วทำไม…เอ็งไปหลงอะไรกับไอ้กรุงเทพฯ กับไอ้หนุ่มที่เพิ่งรู้จักคนนั้น  แค่เพราะข้าไม่มีการศึกษาหรือ เอาไหมล่ะให้ไอ้นั่นกับข้าทำนาแข่งกันดูซิว่าใครมันจะได้ข้าวมากกว่ากัน  แล้วไอ้ที่เอ็งกินอยู่ทุกวันเนี๊ยมันไม่ใช่มาจากมือเปื้อนโคลนปนสาปควายและเหงื่อเค็มๆของชาวนาอย่างข้าเหรอ? เอ็งไม่น่าลืมข้าลืมตะวันตกทุ่งนาที่นี่เลย ตะวันตกที่ไหนก็ไม่สวยเท่าที่นี่หรอกนังถินเอ๋ย

    แม้ไอ้เคียวจะคิดว่าตะวันตกทุ่งนาที่บ้านนาโดดของมันสวยงามที่สุด แต่ก็คงไม่หรูเลิศอลังการเท่ากับตะวันตกบนยอดตึกที่กรุงเทพฯเป็นแน่ ไม่งั้นนังกระถินคงไม่ทิ้งต้นลืมรากแบบไม่มีวันหวนกลับ

    ตำนานรัก ตะวันตกทุ่งนา ของไอ้เคียวแห่งบ้านนาโดดจำต้องสิ้นสุดลงด้วยประการละฉะนี้แล

    ……………………………………พบกันใหม่เมื่อชาติต้องการ


    แฮะๆ กราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้อง กระผมเพิ่งลองเขียนเป็นเรื่องแรก หลังจากที่ด่อมๆ มองๆ อ่านของคนอื่นมานาน น้อมรับคำติชมนะครับ ว่างๆ จะเขียนเรื่องรักแบบ บ้านนอกๆ มาให้อ่านเล่นอีก หรือจะปวดหัวหว่า

    อ้อ...ลืมบอกไป เพลงที่เอามาประกอบชื่อ ร้องไห้กับเดือน  ครับ ใครแต่งไม่รู้ ใครร้องจำไม่ได้ รู้แต่ว่าผมมักหลาย...

    ขอบคุณหลายๆครับ

    จากคุณ : ทอดยอด - [ 1 พ.ย. 46 03:38:59 A:161.200.255.161 X: ]