=[+] ฉิกจับอิด [+]= นิยายจีนร่วมแต่งแนวทดลอง : ตอนที่ 22/4 "ศิษย์เอกแห่งคุนหลุน"

    หวงอี้เฟย เข้าประคอง ตั๋วล่ายสุก ไปพักยังเก้าอี้เจ้าสำนัก ท่ามกลางเสียงด่าทอ จากบรรดาชาวยุทธรอบด้าน

    "ฮา ฮา ข้าบอกแล้วธรรมะ ย่อมชนะ อธรรม"

    "ท่าน หลิว นอกจากมีคุณธรรม น่าเลื่อมใส ยังมีวิทยายุทธสูงส่ง ครั้งนี้ ตำแหน่งประมุขแห่งหอห้ากระบี่คงต้องตกเป็นของท่าน"

    ชาวยุทธทั้งหลายพากันวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการประลองที่พึ่งผ่านไปกันอย่างออกรส แทบทั้งหมดประทับใจในฝีมือ และความเป็นสุภาพบุรุษ ของหลิวหยงเคอ มีบ้างบางคนควักตั๋วเงิน ทองก้อน ออกมาชำระให้ฝ่ายตรงข้าม เนื่องจากลอบวางเดิมพันถือหางตั๋วล่ายสุก

    "ฮึ น่าแค้นใจนัก" ตั๋วล่ายสุกแค่นเสียงออกมาพร้อม โลหิตไหลเป็นทางออกมา

    "อาจารย์ ท่านพักก่อน อย่างเพิ่งกล่าววาจาใดๆ" หวงอี้เฟยรีบกล่าว ในใจรู้สึกชื่นชมต่อความเข้มแข็งของอาจารย์

    ตั๋วล่ายสุกนั้น เก็บตัวฝึกวิชาเป็นแรมเดือน ในที่สุดสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของวิชาสิบเจ็ดฝ่ามือใจเปลี่ยนแปลงไม่สิ้นสูญ สามารถสำเร็จยอดวิชาขั้นที่สิบแปด แต่มาวันนี้กลับพ่ายแพ้อย่างหมดรูป โดยยังมิทันได้มีแม้โอกาสใช้ยอดวิชาที่อุตส่าห์ลอบเก็บตัวฝึกฝน ทั้งยังถูกเยอะเย้ยถากถางนานับประการ เวลานี้มิเพียงไม่หนีหน้า ยังสามารถเก็บอาการสงบนิ่ง โดยมิพลุ่งพล่าน หากเป็นตัวมันเวลานี้ คงอับอายจนอยากจะเอาหัวโขกพื้นตายเป็นแน่

    ซึ่งความจริงบุคคลที่คิดดำเนินแนวทางของตั๋วล่ายสุก  จำเป็นต้องมีความหน้าด้านเป็นคุณสมบัติสำคัญ

    ตุลาการเที่ยงธรรมเข้ามาสอบถามอาการ หลังจากทราบว่า ไม่เป็นอะไรมาก จึงได้ดำเนินการประลองต่อไป
    ครานี้ ถึงรอบของ หวงอี้เฟย กับ ต้วนเล้ง แห่งพรรค “ลมหวน”

    "อาจารย์ข้าสัญญาจะกอบกู้ชื่อเสียงของสำนักกลับคืนมาให้จงได้" หวงอี้เฟยกล่าว

    ตั๋วล่ายสุกพยักหน้ารับคำ ศิษย์คนนี้แม้ไม่ใช่อัจฉริยะ หากอย่างน้อยยังซื่อสัตย์ต่อมัน และ สำนักคุนหลุนเป็นอย่างยิ่ง

    หวงอี้เฟยพกพาใบหน้าที่เรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ ทว่าจิตใจคุกรุ่นไปด้วยโทสะ และความกดดันยิ่ง เมื่ออาจาย์พ่ายแพ้ ภาระใหญ่หลวงย่อมตกอยู่ที่มัน ชื่อเสียงกว่าร้อยปีของสำนักล้วนขึ้นอยู่กับมือสองข้างของมันทั้งสิ้น…

    แสงแดดเริ่มแรงกล้าขึ้น  แรงกล้าจนเหล่าผู้ร่วมชมต้องพากันสวมใส่หมวกปีกกว้าง บ้างที่ไม่พกพาหมวกก็พากันยกมือขึ้นป้องเหนือศรีษะ เพื่อพยายามบดบังแสงแดดที่สาดส่องไปทั่วบริเวณสนามประลอง ซึ่งบัดนี้ มีหลุมใหญ่ ซึ่งเกิดจากพลังฝ่ามือของตั๋วล่ายสุก

    หวงอี้เฟย ก้าวออกมายืน พบว่า ฝ่ายตรงข้ามยืนรออยู่ก่อนแล้ว บุรุษหนุ่มท่าทางทะมัดทะแมง ใบหน้าหยาบกร้าน คิ้วดกเข้ม แก้มเป็นสันนูน แต่ที่โดดเด่นคือ แม้มันยังมีอายุเยาว์แต่กลับมีผมสีขาว ตัดกับกระบี่สีดำในมือ

    พรรค “ลมหวน” นั้นมีถิ่นที่ตั้งอยู่บริเวณเกาะไหหลำ มีประวัติความเป็นมากว่าร้อยปี เพลงกระบี่พายุ 36 ท่วงท่าเป้นที่เลื่องลือ ว่ามีความรวดเร็วไม่ด้อยไปกว่าเพลงกระบี่ใดใดในแดนดิน!!!

    คนผู้นี้นับเป็นเจ้าสำนักลมหวนรุ่นที่ 9 มีนามว่า…ต้วนเล้ง ฉายา "มังกรวายุ"  แซ่ต้วน นามคำเดียวว่าเล้ง(มังกร) อยู่ในวัย 30 ต้นๆ มันฝึกฝนเพลงกระบี่ตั้งแต่อายุ 3 ขวบ เมื่อแปดขวบสามารถสำเร็จกระบวนเพลงกระบี่พายุ 36 ท่า ในรอบร้อยปีของสำนักลมหวน มันนับเป็นอัจฉริยะโดดเด่นที่สุด เมื่ออายุ 15 ก็ออกผาดโผนยุทธจักร สามารถเอาชนะ ปรมาจารย์จางจิ่ง ฉายา “เทพกระบี่แดนใต้"  ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่า เป็นสุดยอดมือกระบี่ในแถบยูนาน
    นอกจากนี้มันยังเคยสร้างวีรกรรมยิ่งใหญ่ โดยบุกเดี่ยวฝ่าเข้าไปในค่ายโจรธงแดง คืนเดียวสังหารยอดฝีมือ กว่า สามร้อยคน ฟังว่าครั้งกระนั้น กระบี่สีดำมัน เปลี่ยนเป็นสีแดงฉานด้วยโลหิต

    จากนั้นเมื่ออายุ 20 ปี มันได้หายสาบสูญไปจากวงนักเลง ฟังว่ามันได้เดินทางออกนอกด่านเพื่อฝึกฝนวิชาฝีมือ ได้พบพานยอดคน เรียนรู้วิทธยายุทธทั้งกำลังภายนอกและภายใน จนเมื่อ 5 ปีก่อนมันได้หวนกลับสู่สำนักลมหวน เข้ารับตำแหน่งเจ้าสำนักรุ่นที่ 9 นับแต่นั้น

    เป็นที่ทราบกันในวงยุทธจักร ในบรรดายอดฝีมืออายุเยาว์ มีเพียง ฮั่นตง และ จื่ออิง เท่านั้นที่มีศักดิ์ศรีเหนือกว่ามัน หากแต่ตัวมันหายอมรับหรือไม่? การคัดเลือกผู้นำหอห้ากระบี่ครานี้มันสมัครเข้าร่วมเป็นบุคคลแรกๆ!!!

    นอกจากต้องการพิสูจน์ว่าเพลงกระบี่พายุของมัน หรือ กระบวนท่า "เงาพรายไร้รูป" ของฮั่นตงรวดเร็วกว่ากันแล้ว นี่นับเป็นเรื่องอีกประการที่มันต้องกระทำ! ไม่กระทำไม่ได้!!! เนื่องเพราะมันมีปณิธานให้สำนักลมหวนภายใต้การนำพาของมัน ผงาดอย่างยิ่งใหญ่ มันต้องการเป็นบุคคลที่โดดเด่นที่สุด ประวัติศาสตร์จะต้องจารึกชื่อของมันเอาไว้ ผู้คนจะต้องกล่าวขานถึงมันด้วยความชื่นชมและเกรงขาม!!

    ทั้งคู่ยืนสงบนิ่งอยู่เป็นเวลาเนิ่นนาน หวงอี้เฟยขจัดความคิดต่างๆ ออกไปจนหมดสิ้น ตอนนี้มันเพียงตั้งสมาธิแน่วแน่ พร้อมที่จะลงมืออย่างสุดกำลัง  วิชาสำนักคุนหลุนเป็นแนวทางผสมผสานระหว่าง พุทธ และ เต๋า โดยเน้นที่พื้นฐานกำลังภายในเป็นหลัก ส่วนอาวุธนั้นจะใช้กระบี่ โดยยึดหลัก ความเปลี่ยนแปลงพลิกแพลงอยู่ตลอดเวลา ร้อนเย็น หนักเบา เร็วช้า สามารถ แปรเปลี่ยนตามสถานการณ์ หากแต่ทั้งหมดอยู่บนฐานของพลังภายในอันแข็งแกร่ง

    กระบี่ในมือถูกชักออกแล้ว!

    กระบี่เป็นกระบี่สีดำสนิท มือที่ซีดขาว ผู้ลงมือก่อนถึงกับเป็นต้วนเล้ง เมื่อกระบี่ถูกชักออกร่างก็ทะยานถึงฝ่ายตรงข้าม ทิ่มแทงออกไปกว่ายี่สิบกระบี่ ท่าร่างรวดเร็ว ทั้งยังรุนแรงเต็มไปด้วยความมั่นใจ กระบี่นี้ของมันนับว่ารวดเร็วดุจพายุจริงๆ

    หวงอี้เฟย ชักกระบี่ออกปัดป่าย พลิกแพลงแปรเปลี่ยนเป็นแคล่วคล่อง ว่องไวยิ่ง หากแต่มันรู้สึกถึงความรวดเร็วของคู่ต่อสู้ ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ละท่วงท่าที่ใช้ออกล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังลมปราณอันแข็งแกร่งและเต็มเปี่ยม

    หวงอี้เฟยรู้สึกแตกตื่นแต่ไม่ลนลาน มันแม้ทราบว่า บุรุษผู้นี้เป็นคนมีชื่อเสียง มีวรยุทธสูงส่ง  แต่มันก็ไม่เชื่อว่าจะมีฝีมือแข็งแกร่งปานนี้ ดูท่า ฉายา 'มังกรวายุ' ของมันมิได้มาโดยโชคช่วย

    เพลงกระบี่ของต้วนเล้ง ยิ่งมายิ่งรวดเร็ว กระบี่มันมองดูคล้ายงูปราดเปรียว พุ่งฉวัดเฉวียนไปมา ด้านหวงอี้เฟยนั้น บัดนี้ได้แต่ตั้งรับ เห็นได้ชัดว่า ตกเป็นรองอย่างชัดเจน

    "กระบี่พายุ 36 ท่า ของต้วนเล้งนับว่ายอดเยี่ยมสมคำล่ำลือ ท่านั้นเรียกว่า "พายุโหมกระหน่ำ" ตอนนี้บุกเข้าใส่จนหวงอี้เฟย แทบตั้งตัวไม่ติด" เหล่าผู้ชมถึงกับออกปากชม

    "ลูกศิษย์จะไปมีท่าอะไร? ขนาดอาจารย์มันยังพ่ายแพ้หมดรูปอย่างนั้น" ชายอีกคนกล่าวอย่างเย้ยหยัน

    หากแต่เวลานี้ หวงอี้เฟย ไม่ได้ยินอะไรแล้ว เพราะ ตอนนี้มันเริ่มโคจรลมปราณ ใช้17 ฝ่ามือ เปลี่ยนแปลงไม่สิ้นสูญออกมาแล้ว!

    นี่นับเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายยิ่ง มือขวามันมิเพียงกุมกระบี่ต้านรับคู่ต่อสู้ มือซ้ายยังสามารถร่ายรำฝ่ามือจู่โจมเข้าใส่ ต้วนเล้งยามคับขันต้องใช้กระบวนท่า 'พายุพัดหวน' เข้าสกัดฝ่ามือของหวงอี้เฟย แล้วเเปรเปลี่ยนเป็นท่า 'พายุหมุน' สบัดกระบี่หมุนวนเข้าใส่หวงอี้เฟย อย่างรวดเร็ว

    หวงอี้เฟย ไม่ตื่นตระหนก โคจรลมปราณปลดปล่อยพลังไร้สภาพออกไป เกิดเป็นพลังรุนเเรงสามสายพวยพุ่งเข้าใส่ ต้วนเล้ง
    กระบี่วายุ ของต้วนเล้งแม้เป็นวิชากระบี่แต่ก็แฝงเร้นด้วยกำลังภายในอันลึกล้ำ ดังนั้นแผ่พุ่งพลังเข้าประทะกับพลังไร้สภาพ เสียงระเบิดดังกึกก้อง มันเร่งเร้าพลังใช้กระบวนท่า 'พายุกรรโชก' พุ่งเข้าประชิดตัวโจมตีอย่างดุเดือด

    ด้านหวงอี้เฟย ก็ตั้งรับด้วยกระบี่ ฝ่ามือ พลังลมปราณแปรเปลี่ยนหลายครั้งครา ต่อเนื่องมิสิ้นสุด สามารถสลายเพลงกระบี่คู่ต่อสู้ และใช้พลังฝ่ามือจู่โจมกลับไป

    การต่อสู้เป็นไปอย่าง สูสีก้ำกึ่ง หากแต่ ตื่นเต้นเร้าใจจนผู้ชม ชมดูตาแทบไม่กระพริบ จนเวลาล่วงเลยมากว่า สองชั่วยามแล้ว หากแต่ยังไม่มีทีท่าว่า จะมีผู้ใดจะเป็นฝ่ายกำชัยชนะ

    เหวินเหม่ยชิง ลอบชื่นชม หวงอี้เฟยในใจ นางเคยประมือกับตั๋วล่ายสุกเมื่อหลายเดือนก่อน หวงอี้เฟยตอนนี้นับได้ว่า มีพลังฝีมือระดับเดียวกับตั๋วล่ายสุกเลยทีเดียว แม้พลังภายในจะไม่ล้ำลึกเท่า หากแต่กระบี่ในมือกลับช่วยปกปิดจุดอ่อนข้อนี้ไปได้จนสิ้น ข้างฝ่าย ต้วนเล้ง ก็นับว่าไม่เสียทีที่ได้รับคัดเลือกเข้ามา เพลงกระบี่รวดเร็วว่องไว แต่แฝงไว้ด้วยพลังลมปราณที่ล้ำลึก ทำให้นางหวนคิดไปถึงคนผู้หนึ่ง...

    ยามนั้นใบหน้านางมีสีเข้มขึ้นเล็กน้อยแล้ว

    …………………………………………………………………………………………………

    แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 46 18:29:34

    แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 46 17:14:00

    จากคุณ : ทีมแต่งนิยาย - [ 7 พ.ย. 46 16:40:59 ]