@@...สายลับ_สืบรัก...@@ ++ตอนจบจ้า..++

    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2514548/W2514548.html  ตอนที่ 1 อ่ะค่ะ

    +++++++++++++++++++++++++++++++++
    ตอนจบ
    ....“เอ…วันนี้แปลก คุณวินกลับบ้านเร็ว อ้าว รีบจัดโต๊ะอาหารเร็วเข้า คุณวินจะได้รับประทานเลย”ป้าจันทร์เอ่ยสั่งบรรดาสาวใช้ทั้งหลาย เมื่อได้ยินเสียงรถคุ้นหูกำลังแล่นเข้ามาในรั้วบ้าน
    “ค่ะ”
    “โอ้โห กับข้าวเยอะแยะเลย นี่ทำเองหรือคุณแม่บ้านคนใหม่” นาวินเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี เมื่อนั่งประจำโต๊ะอาหารทำให้ ’คุณแม่บ้านคนใหม่’ แอบค้อนในใจว่าสงสัยคงถูกหวยบนดิน
    “เปล่าค่ะ ฉันก็แค่เป็นลูกมือ ช่วยๆคนครัวน่ะค่ะ” เอื้อตอบนายจ้างหนุ่มอย่างอ้อมแอ้ม
    “ก็ยังดี ได้ยินป้าจันทร์บอกว่าคุณทำอาหารไม่เป็น แต่นี่ก็ยังดี ผู้หญิงคนไหนทำกับข้าวไม่เป็นก็ถือว่าแย่เต็มทน” ว่าแล้วคุณวินก็รับประทานอาหารที่อย่างเอร็ดอร่อย โดยมีเอื้อยิ้มเจื่อนๆอยู่ข้างๆ
    “นี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปธุระที่ภูเก็ต คุณไปเก็บเสื้อผ้าสักสองสามชุดนะ จะต้องค้างสัก 2วัน” อยู่ๆนาวินก็เอ่ยขึ้นมาลอยๆ ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าต้องพูดกับเอื้อ
    “แล้วคุณวินจะใส่ชุดไหนบ้างคะ เดี๋ยวเอื้อจะไปเตรียมจัดไว้ให้”
    “อะไรนะ ผมหมายถึงให้คุณจัดเสื้อผ้าของคุณ เตรียมเดินทางไปกับผมด้วย”
    “อ้าว….” เอื้อเกาหัวอย่างงงๆ นี่จะเอาเราไปด้วยทำไมหว่า…
    “อ้าว อะไร เสื้อผ้าผม ผมจัดเองได้ รีบเตรียมตัวนะ รถจะออกเช้ามืด”
    ‘อะไรวะ มาถึงก็สั่งๆๆ แล้วเมื่อไหร่จะหาหลักฐานอะไรนั่นเจอล่ะ โอ้ย ปวดหัวจริงๆ กับคนๆนี้ จะไปจะมารวดเร็วอย่างกับพายุ’ เอื้อบ่นกับตัวเองอย่างฉิวๆ แต่ก็รับคำสั่งโดยดี คราวนี้บ.ก.สาวก็ได้ซึ้งถึงหัวอกของคนที่ต้องคอยทำตามคำสั่งอย่างถ่องแท้

    การไปภูเก็ตครั้งนี้มีผู้เดินทางเพียง 2 คนเท่านั้น โดยที่นาวินทำหน้าที่เป็นสารถีชั่วคราว เพราะคงไม่ยอมให้ผู้หญิงขับรถแน่ๆ
    นาวินเหลือบมองดูคนข้างๆอย่างขำๆ เพราะแม่บ้านของเขานั้นหลับไปตั้งแต่รถยังไม่ออกจากประตูรั้วดีเลยก็ว่าได้ กับท่าที่หลับนั้น ทำให้ชายหนุ่มอดสงสารไม่ได้จึงปรับเบาะรถให้เอนราบลง ร่างบางพลิกตัวนิดหน่อย แต่ไม่มีท่าทีว่าจะตื่นแต่อย่างใด หากใครรู้จักอิงนภาดีแล้วล่ะก็ คงไม่แปลกใจหรอกที่หล่อนหลับตลอดทางอย่างนี้ เพราะสิ่งเดียวในโลกที่หล่อนไม่ขี้เกียจทำคือการนอน
    “นี่ คุณ ตื่นได้แล้ว ลงมากินข้าวกินน้ำซะบ้าง นอนอยู่นั่นแหละ ไม่เมื่อยบ้างหรือไง” เสียงทุ้มๆดังอยู่ข้างหู ทำให้เอื้อตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย เมื่อมองไปยังคนข้างๆก็ยังเห็นว่าสดชื่นอยู่เลย
    “ถามพิลึก คุณตะหากที่น่าจะเมื่อย ขับรถมาทั้งวันอย่างนี้ ฉันไม่เห็นได้ทำอะไรเลย จะเมื่อยได้ยังไง”
    “ก็คุณเล่นนอนหลับอยู่ท่าเดียวอย่างงั้น ไม่เมื่อยบ้างเหรอ”
    “ฉัน…แค่พักสายตา ไม่ได้หลับสักหน่อย แล้วเบาะเนี่ยฉันก็ว่า…” หญิงสาวชะงักคำพูด เมื่อเห็นว่าเบารถปรับเอนให้นอนอย่างสบาย เอ…เราว่าเราไม่ได้ปรับนา…
    “โอเค ไม่หลับก็ไม่หลับ ลงมาทานข้าวได้แล้ว ผมหิวจะแย่” นาวินหัวเราะหึๆ ก่อนที่จะเปิดประตูลงจากรถไป ทิ้งให้เอื้อนั่งทำหน้าไม่ถูกอยู่ในรถ เมื่อรู้สึกตัวจึงรีบวิ่งลงรถตามไปที่ร้านอาหาร
    เป็นไปได้อย่างไรที่คนที่อ่อนโยน และมีน้ำใจเช่นนี้จะเป็นคนฉ้อโกงเงินเป็นล้านๆได้ แต่ก็ไม่แน่ หล่อนอาจจะมองคนแต่ภายนอกก็ได้

    รถคันหรูพาคนทั้งสองมาถึงบ้านพักแห่งหนึ่งที่ภูเก็ตเป็นเวลาค่ำมากแล้ว ภายในบ้านสะอาดสะอ้านดี เพราะมีแม่บ้านมาทำความสะอาดก่อนหน้าที่ทั้งคู่จะมาไม่นาน นาวินจึงบอกให้เอื้อไปนอนพักผ่อนก่อน ส่วนเขาก็จะเข้านอนเลยเหมือนกัน
    เมื่ออยู่ในห้องส่วนตัวแล้ว เอื้อก็โทรศัพท์ไปหาพิมุกดาทันที
    “ว่าไงนะพี่เอื้อ พี่เอื้อไปค้างกับ…กับ…กับนายนาวินสองต่อสองเหรอคะ แล้วถ้า…อึ๋ย…”
    “ไอ้บ้า ยัยมุกบ้า พี่ไม่ได้มีอะไรกับเค้าสักหน่อย พี่ไปในฐานะแม่บ้านนะยะ คิดไปโน่น แล้วอีกอย่างนะ พี่ว่าคุณวินน่ะ คงไม่ทำอะไรอย่างนั้นหรอก” เอื้อตอบด้วยเสียงที่หนักแน่น
    “พี่เอื้อ..ฟังเหมือนพี่เอื้อไว้ใจคุณนาวินจังเลยนะ ก็ไหนว่านายคนนี้เป็นคนที่ทำให้พี่เอื้อต้องมาหาหลักฐานช่วยพี่โอบไม่ใช่เหรอ”
    อิงนภาถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปชั่วครู่ เมื่อได้ยินรุ่นน้องพูดเช่นนั้น สิ่งที่หล่อนไม่อยากเชื่อว่าจริง คืนนั้นเอื้อนอนหลับไม่สนิทนัก ไม่ทราบว่าเป็นเพราะคิดเรื่องนาวิน หรือว่านอนมาแล้วทั้งวันแน่ ต่างจากคนที่อยู่ห้องอีกฟากหนึ่ง ซึ่งหลับสนิทเพราะอ่อนเพลียจากการขับรถทางไกล นาวินจึงตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยอารมณ์ที่ปลอดโปร่งยิ่งนัก
    “นี่คุณ เช้านี้มีอะไรกินบ้าง”
    “เอ่อ…ไม่มีขนมปังนะคะ คุณจะดื่มแต่กาแฟมั้ยคะ ฉันจะได้ชงให้”
    “เอ…ผมว่ามีข้าวสารอยู่นะ ทำข้าวต้มทะเลก็แล้วกัน เห็นในตู้เย็นมีกุ้ง ปลาหมึกตั้งเยอะ”
    “เอ่อ…คือ…” เอื้อยิ้มแหยๆ เมื่อชายหนุ่มหันมามอง
    “คือ” นาวินเอ่ยเสียงสูงเป็นคำถาม
    “คือ…ว่า…ฉันทำไม่เป็นค่ะ” เอื้อบอกเสียงอ่อยๆ
    “งั้นทำอะไรก็ทำเถอะ ข้าวผัดทะเล หรือ ข้าวผัดธรรมดาก็ได้”
    “ก็…ทำไม่เป็นเหมือนกันค่ะ”
    “ห๊า… เอ่อ แล้วคุณทำอะไรเป็นบ้าง” นาวินเอ่ยขึ้นในที่สุด
    “ก็มีไข่ดาวสุกๆดิบๆ ไข่เจียวไหม้ๆ ไข่ต้มเละๆ ไข่..” ยังไม่ทันที่เอื้อจะพูดต่อ ชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นขำๆ
    “เอ่อ..เดี๋ยวๆ นอกจากพวกไข่ไม่สมประกอบพวกนั้นแล้ว คุณยังทำอะไรเป็นอีกมั่ง”  
    “ก็มีค่ะ…ต้มมาม่า แล้วก็ ยำปลากระป๋อง”
    คำตอบที่ได้ทำให้นาวินถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
    “แต่คุณเคยไปช่วยป้าจันทร์ทำกับข้าวในครัวนี่นา น่าจะทำอะไรได้บ้าง”
    “ฉันก็ช่วย…ช่วยชิม แล้วก็ช่วยจัดใส่จานนะสิ” หญิงสาวตอบอย่างสะบัดๆ แหม…ก็บอกว่าคนมันทำกับข้าวไม่เป็นยังมาเซ้าซี้อีก ดีเท่าไหร่แล้วที่ไม่บอกอีกว่า มาม่าที่ต้มนั้นมันกรอบๆพิกล แล้วยำปลากระป๋องก็เหมาะสำหรับคนท้องผูกยิ่งนั้น
    สรุปแล้วเช้าวันนั้น ก็ได้พ่อครัวกิติมศักดิ์มาทำข้าวต้มทะเลร้อนๆ แสนอร่อยทำให้ต่อชีวิตอยู่ได้อีกหนึ่งมื้อ ทำให้เอื้อรู้ว่านอกจากคราบนักธุรกิจหญ่าย..แล้ว นาวินยังเป็นพ่อครัวที่เก่งและมีฝีมือยอดเยี่ยมไม่แพ้ใครเลยจริงๆ เล่นเอาหล่อนซึ่งเป็นผู้หญิงอายไม่น้อย

    หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าฝีมือพ่อครัวหัวป่าก์เรียบร้อยแล้ว นาวินจึงออกไปทำธุระ ทิ้งให้เอื้ออยู่เฝ้าบ้าน
    “เอกสารการเงินของบริษัท…” เอื้ออ่านตัวหนังสือที่ติดอยู่ซองสีน้ำตาลที่ปิดผนึกอย่างแน่นหนาเบาๆ ก่อนที่จะค่อยๆแกะซองนั้นออกด้วยมีดแกะจดหมายอย่างประณีต หัวใจที่เต้นแรงทำให้มือสั่น มีดบาดมือ เลือดที่ค่อยๆซึมออกจากบาดแผลนั้นทำให้เจ้าตัวเจ็บไม่น้อย หากน้ำตาที่ไหลออกมานั้นไม่ได้มีสาเหตุมาจากบาดแผลแต่น้อยนิด หัวใจที่เจ็บแปลกๆ เจ็บอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
    ร่างบางค่อยๆทรุดนั่งลงบนพื้น และคงนั่งอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน ก่อนที่จะโทรศัพท์ไปหาพี่ชาย เพื่อบอกให้ทราบว่าเจอหลักฐานการทุจริตแล้ว
    “อะไรนะ เอื้อหลักฐานอะไรกัน” พี่โอบตอบกลับมาด้วยสุ้มเสียงแสดงความประหลาดใจ
    “ก็หลักฐานการโกงเงินบริษัทไงล่ะ พี่โอบ เอื้อพบแล้วนะ พี่โอบไม่ต้องกังวลแล้ว”  ปลายสายอึ้งไปสักพัก ก่อนจะถามรายละเอียดของหลักฐานที่น้องสาวของเขาหามาได้
    “มันเป็นกระดาษมีตัวเลขอะไรก็ไม่รู้ เยอะแยะ เอื้อดูไม่รู้เรื่อง แต่คิดว่าใช่แน่นอน”
    เอื้ออ่านหัวข้อบางอย่างให้พี่ชายฟัง เมื่อโอบฟังจบจึงบอกกับเอื้อว่าสิ่งที่หล่อนหาพบนั้นไม่ใช่หลักฐานการทุจริตแต่อย่างใด หากเป็นเอกสารการเงินธรรมดาเท่านั้น เอื้อรู้สึกผิดหวังหน่อยๆ หากแต่โล่งใจอยู่ลึกๆ
    เมื่อวางสายจากพี่ชาย เอื้อก็หาหลักฐานต่อไป โดยหาจากคอมพิวเตอร์โน้ตบุคของนาวิน ขณะที่เอื้อกำลังจดจ่ออยู่กับคอมอยู่นั้น ประตูห้องพักก็ถูกผลักเข้ามาอย่างแรง ร่างที่นั่งอยู่โต๊ะทำงานสะดุ้งสุดตัว และยิ่งตกใจมากขึ้นอีก เมื่อเห็นว่าคนที่ผลักเข้ามาคือใคร ใบหน้าที่เคยเป็นสีชมพูด้วยเลือดฝาด บัดนี้กลับซีดขาวด้วยความกลัว
    “นั่นเธอกำลังทำอะไร” นาวินถามด้วยเสียงที่เรียบๆ หากคนฟังกลับขนลุกซู่
    “ฉันถาม ทำไมไม่ตอบ” ร่างที่ยืนจังก้าอยู่ตรงประตู เดินเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว หากเอื้อได้สติ รีบเอื้อมมือไปปิดคอม แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะเร็วกว่า คว้ามือเล็กๆนั้นไว้ได้ทัน
    เมื่อนาวินมองดูที่โน้ตบุคแล้วก็ต้องอึ้ง เพราะหน้าจอนั้นปรากฏเป็นเกมส์ที่แสนคิกขุ เขามองเกมส์รูปตัวการ์ตูนในคอม ก่อนที่จะมองหน้าของหญิงสาวตรงหน้า ซึ่งบัดนี้แก้มเป็นสีชมพูจัด นาวินไม่อาจกลั้นหัวเราะได้อีกต่อไป จึงปล่อยก๊ากออกมาอย่างสุดเสียง
    “นี่ หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้นะ” เอื้อซึ่งทนหน้าร้อนต่อไปไหวตะโกนออกมา เมื่อนาวินยังไม่หยุดหัวเราะ
    “ขอ..ขอโทษที” ชายหนุ่มพยายามหยุดหัวเราะอย่างลำบาก เมื่อถูกคนที่นั่งหน้าง้ำแหวเข้าให้
    “ไม่เคยเล่นเกมหรือไง หัวเราะอยู่ได้ ตลกอะไรนักหนา” เอื้อบ่นขมุบขมิบก่อนจะเดินออกจากห้องนั้นไป โดยไม่ลืมที่จะส่งค้อนวงใหญ่ให้นายจ้างหนุ่ม
    เมื่อเข้ามาภายในห้องพักของหล่อนแล้ว เอื้อต้องถอนหายใจยาวเหยียด ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หากหล่อนไม่เมื่อยสายตากับตัวเลขต่างๆที่เปิดพบ จึงเปลี่ยนไปเล่นเกมแทน ท่าทางระแวงของนาวินนั้น ทำให้เอื้อยิ่งมั่นใจขึ้นไปอีกว่าเขาต้องมีความลับที่ซ่อนอยู่ในโน้ตบุคนั้นเป็นแน่ เป้าหมายต่อไปของหล่อน คือเจ้าเครื่องคอมพิวเตอร์พกพาเครื่องนั้น….
    วันรุ่งขึ้นเอื้อก็ไปทำความสะอาดห้องพักตามปกติ และที่พิเศษคือหล่อนจะแวะไปดูเจ้าโน้ตบุคเครื่องนั้นเสียหน่อย
    ความหวังของหล่อนต้องพังทะลาย เพราะเจ้าของห้องที่หล่อนคิดว่าคงตื่นแต่เช้าลงไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ทะเลนั้น ยังคงอยู่ในห้อง ซ้ำยังอยู่ในสภาพไม่เรียบร้อยเท่าที่ควร
    “กริ้ดดดดด……”
    “เฮ้ย หยุดๆๆ กรี้ดอะไรนักหนา ไม่เคยเห็นคนโป๊หรือไง” ร่างสูงที่ไม่มีเสื้อผ้าอาภรณ์ติดตัวเลยนอกจากผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่พันเอวอยู่นั้นเอ่ยขึ้นอย่างตกใจปนขำๆเล็กน้อย
    “ก็ไม่เคยน่ะสิ ถ้าตาฉันเป็นกุ้งยิงคุณต้องรับผิดชอบด้วย” เอื้อใบหน้าแดงจัดหลับหูหลับตาตอบ
    “อ้าว ลืมตาได้แล้ว ผมใส่เสื้อแล้ว”
    เอื้อค่อยๆชำเลืองมองให้มั่นใจ ก่อนที่จะให้ชายหนุ่มออกไปจากห้องเพื่อเธอจะได้ทำความสะอาด  เมื่อนาวินออกจากห้องไปแล้ว เอื้อก็จัดเก็บห้องพักทั้งใจยังสั่นๆ
    เอื้อมองทะเลตรงหน้าอย่างขัดใจ เพราะเมื่อวานนั้นคลื่นยังลูกเล็กๆอยู่เลย หล่อนจึงยกยอดว่าจะมาเล่นน้ำในวันนี้ หากคลื่นลมที่ซัดพาน้ำทะเลเข้าหาฝั่งอย่างรุนแรงนั้น ทำให้เอื้อตัดสินใจไม่เล่นจะดีกว่า ร่างบางจึงเดินเรียบชายหาดไปเรื่อยๆ ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไป ซึ่งก็ไปได้ไม่ไกลนักส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นคนที่นอนเอกเขนกอยู่เปลยวนที่แขวนไว้กับต้นมะพร้าวนั้น บทกลอนบทหนึ่งที่เอื้อแทบจะลืมมันไปแล้ว กลับเด่นชัดยิ่งนักในความรู้สึกเวลานี้

    ……เราเผอิญมาพบกันผูกพันธะ
    ชั่วขณะซึ้งสนิทน้ำมิตรใส
    กำแพงกาลมิอาจต้านธารหัวใจ
    เมื่อผูกเกลียวเชี่ยวไหลเป็นใจเดียว……..

    จากคุณ : ก้านตอง - [ 10 พ.ย. 46 22:46:44 A:203.113.61.110 X: ]