รอยยิ้มใสที่รอพบ

    วันเกิดพ่อ  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2298254/W2298254.html

    ดอกปอบาน  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2463254/W2463254.html


    กาลเริ่มมิตรภาพ  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2500749/W2500749.html


    ตราบสิ้นแสงตะวันทอ  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2504518/W2504518.html

    ** รอยยิ้มใสที่รอพบ  **


             รถกะบะสีเขียว คลุกฝุ่นมาพร้อม ๆ กับหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ในรถอีกร่วมสิบคน
    ที่ราบระหว่างหุบเขาสองลูก ถูกจัดให้เป็นสถานที่รับรองและศูนย์กลางของกลุ่ม
    ชาวเขาที่มีหน้าที่ควบคุมและดูแลประชากรชาวเขา ร่วมกับองค์กรต่าง ๆ หลายองค์กร
    ทั้งไทย และต่างประเทศที่ให้การสนับสนุนให้ชาวเขาปลูกพืชผักจำหน่ายมากกว่าจะ
    ปลูกฝิ่น ค้ายาบ้า บริเวณนี้มีพื้นที่ราว ๆ 5 ไร่  มีบ้านพักเจ้าหน้าที่กระจายกันไปใน
    มุมต่าง ๆ มี สวนดอกไม้เรียบเลาะตามทางเดินเข้าบ้านแต่ละหลัง  มีแปลงเกษตร
    ปลูกผักพันธ์ต่าง ๆ  เพื่อทดลองและนำพันธ์พืชผักนั้น ๆ ไปให้ชาวเขาต่อไป  นอกจาก
    นั้นก็มีร้านขายของที่ระลึก ชื่อร้านฝีมือคนเมืองมีสินค้าขายให้ผู้มาเยือน  เป็นสินค้า
    หัตถกรรมจากชาวเขาหมู่บ้านต่าง ๆ ที่ให้ทางศูนย์มาจัดจำหน่าย เพื่อให้รายได้นั้น
    เป็นค่าขนมให้เด็ก ๆ ที่มาช่วยงาน เจ้าหน้าที่ ทุกคนล้วนทำงานโดยสมัครใจทั้งนั้น
    ไม่มีเงินเดือนสูง ๆ เป็นค่าจ้าง นอกจากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงาน
    ฉะนั้นเจ้าหน้าที่ ที่นี่จะผลัดเปลี่ยนกันไป บ้างเป็นนักศึกษาฝึกงาน บ้างเป็นคนกรุง
    ที่ต้องการหนีกรุงเทพฯ มาอยู่ชนบท หรือนักอุดมการณ์ที่มีกิจการส่วนตัว แล้วนำ
    เวลาว่างที่พอจะมีเจียดมาแบ่งปันให้เพื่อนมนุษย์ ฉะนั้นพูดได้เลยว่าที่นี่เป็นอีกแหล่งหนึ่ง
    ที่รวมคนมีกำลังสมองไว้มากมาย คนที่อยู่ที่นี่คือคนที่เติมแล้ว และมีเหลือที่จะแบ่งปัน
    ไม่ใช่คนที่ขาด แล้วต้องการตักตวงด้านทรัพย์สิน  หากทุกคนอยากตักตวง ทุกคน
    อยากตักตวงในส่วนของความสุขจากการให้มากกว่า
    โรงอาหาร ที่แม่ครัวไม่เคย
    ซ้ำหน้าในแต่ละมื้อ ยังเป็นสวนรวมผู้คนได้อย่างดี และเป็นที่เริ่มต้นมิตรภาพได้ไม่เลว
    เหมือนกัน เรนและเพื่อน ๆ ลงจากรถกะบะ พี่น้ำกับเพื่อนผู้ชายรับหน้าที่ขนสัมภาระ
    ไปรวมกับคนอื่น ๆ ที่ร้านของที่ระลึก ซึ่งใช้เป็นห้องประชุมใหญ่ของที่นี่  คนอื่น ๆ
    กระจายตัวกันออกไปตามแต่ใครจะสนใจมุมไหนของศูนย์แห่งนี้

    "สวัสดีค่ะ.. "     เรนทักแม่ครัวที่อายุไม่เกินสิบห้า ที่กำลังขมักเขม้นกับการปรุงอาหาร
    ตรงหน้า  เธอหันมายิ้มอาย ๆ รอยยิ้มนั้นพิมพ์ใจนักหนา.. นานเหลือเกินที่ไม่เจอ
    รอยยิ้มบริสุทธิ์เช่นนี้

    "มีอะไรให้ช่วยไหมคะ"     เธอเอาแต่ส่ายศรีษะไม่พูดไม่จา  เรนจึงได้แต่เมียง ๆ
    มอง ๆ ไม่กล้าจะช่วย กลัวจะยุ่งไปใหญ่ ฉากออกมานอกครัว หลายคนกำลังทาน
    ข้าวต้ม คงจะแม่ครัวตัวน้อยที่ช่วยเตรียมการไว้ให้ น่ารักจริง เธอเดินออกมา
    รถกะบะคันเดิม ตอนนี้เติมไปด้วยเด็ก ๆ และสัมภาระของอีกหลายคนที่ยังขนของ
    กันไม่เสร็จ รอยยิ้มยังเป็นสิ่งเดียวที่เรนใช้มันผูกมิตรยามนี้

    "ว่าไงเด็ก ๆ ชื่ออะไรกันบ้างจ้ะ"    เด็กผู้ชาย 3 คน อายุราว ๆ 7 ขวบ  อีก 2 คน
    โตหน่อยน่าจะซัก 10-12 และเด็กผู้หญิง 2 คน เล่นกันเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว ลั่นบริเวณ  
    เจ้าหน้าที่ศูนย์คนหนึ่งที่ช่วยขนกระเป๋า บอกเด็ก ๆ ว่า

    "บอกคุณครูสิ ว่าชื่ออะไรกันบ้าง"     คนที่มาเป็นครูอาสาที่นี่ คงถูกเรียกว่าครูทุกคน
    ดีจัง ได้เป็นครูโดยไม่ต้องไปสอบให้ยุ่งยาก  เด็ก ๆ หยุดเล่น และหัวโจกก็ชี้ที่เด็กชาย
    คนหนึ่ง

    "เขาชื่อโสศักดิ์คะ"     สำเนียงที่เอ่ยเป็นภาษาเหนือ ที่พูดไทยกลางไม่ชัด ฟัง ๆ
    แล้วก็น่ารักดีเหมือนเด็กผู้ชายพูดคะ..

    "แล้วคนนี้ล่ะ"    เรนชี้

    "โสหมายคับ"    อีกคนช่วย  เธอชี้คนต่อไป

    "โสชายคับ"     ชี้คนต่อไป

    "สมชาติคับ"    ตระกูลสมล่ะท่านผู้ช้ม เรนนึกในใจ

    "ณรงค์ศักดิ์คับ"    อื่อคนนี้ค่อยต่างหน่อย

    "กระแตค่ะ"    และน้องเล็กสุด ก้มหน้าตอบอาย ๆ

    "สมหญิงค่ะ"    อืม.. รู้จักกันแล้วถึงคราวเธอล่ะ

    "ครูชื่อเรนค่ะ"    ทุกคนพยักหน้า คนโตกว่าใครเพื่อนยกมือสะกิด และไหว้นำ
    ทุกคนเลยไหว้ทำความเคารพครูเรน

    "เลน"    เสียงเด็ก ๆ ทวนคำเธอยิ้ม.. จากสายรุ้งกลายเป็นดินเขรอะ ๆ ซะแล้ว

    "ค่ะ ครูเรน ยินดีที่รู้จักทุกคนนะคะ  เล่นกันต่อเถอะ เดี๋ยวครูจะลองไปทางโน้นดู...  
    เด็ก ๆ หมดความสนใจกับเธอ หันไปเล่นกันต่อ เรนเดินเลาะไปตามทางเดินเล็ก ๆ
    ที่มีแผ่นหินวางห่าง ๆ กันบนสนามหญ้าขนาดพอก้าวเท้าถึง บ้านหลังที่เธอเข้าไป
    น่าจะเป็นบ้านของหัวหน้าศูนย์หรือไม่ก็ผู้ใหญ่ที่มีอายุคนหนึ่ง  สังเกตจากหนังสือที่
    เรียงรายอยู่บนชั้นมันบอกว่าเป็นหนังสือที่สะสมมานาน ชื่อเรื่องหนังสือแต่ละเล่ม
    บ่งบอกอย่างนั้น ทุกเล่มอยู่ในสภาพดี น่าอ่านมาก  เสียดายคืนนี้ตามโปรแกรม
    แล้วจะไม่ได้ค้างที่นี่  ต้องเดินไปนอนกับชาวเขาที่บนดอย ไม่งั้นคงมีโอกาสได้มา
    ขอยืมเล่มที่สนใจอ่านบ้าง

    "สวัสดีครับ"    ชายหนุ่มอายุราว ๆ สี่สิบต้น ๆ  สูงราว 170 กว่า หน้าตาดี  
    หุ่นสมาร์ท ถูกตาต้องใจยิ่งนัก  

    "สวัสดีค่ะ พี่ขออนุญาตบุกรุกบ้านนะคะ"     เรนยกมือ
    ไหว้ เขารับไหว้ได้
    สวยมาก ท่าทางจะเป็นผู้ใหญ่ที่ใจดี

    "เชิญครับ.. ที่นี่เป็นยังไงบ้าง"    เขายิ้ม

    "น่าอยู่ค่ะ  ไม่ค่อยได้เจอธรรมชาติและขุนเขามากนัก ส่วนใหญ่ถ้าเที่ยวจะนึกถึง
    ทะเลซะมากกว่า"

    "ครับ ตามสบายเดี๋ยวผมขอตัวไปดูน้อง ๆ ก่อนนะครับ เขาทำกรอบรูปไม้ไผ่
    ทางโน้นแน่ะ"

    "เรนไปด้วยค่ะ"

    "ครับ เชิญทางนี้"    เขาเดินนำพาลัดเลาะบ่อปลาขนาดไม่ใหญ่เท่าไหร่ ที่ขุดไว้ใกล้ ๆ
    บ้าน มีศาลากลางน้ำโดดเด่น มองไปที่ศาลามีคนนอนเล่นอยู่ที่นั่นสองสามคน

    "น้อง ๆ เค้าทำกรอบรูปไม้ไผ่  ใส่รูปชาวเขาครับ  คนไหนที่เลิกยาเสพติดได้ และมีอาชีพ
    ใหม่ที่มั่นคง เราจะถ่ายรูปให้แล้วเอาไปติดที่บ้านให้ หลังจากที่ตรวจสอบทุก ๆ 1 เดือน
    ตรวจจากปัสสาวะน่ะครับ ครบ 6 เดือนเราก็จะออกใบรับรองให้ เขาสามารถใช้ใบ
    รับรองนี้ไปขอทำบัตรประชาชนได้  เราได้รับความร่วมมือจากทางราชการน่ะครับ
    เราสัญญากับชาวเขาไว้ว่า ถ้าเขาเลิกค้า เลิกเสพ เราจะช่วยให้เขาได้เป็นคนไทย
    อย่างสมบูรณ์แบบ"

    "ดีจังนะคะ  แล้วอย่างนี้ที่นี่อยู่กันยังไงคะ มีรายได้จากไหน"

    "ก็อาศัยขายของฝากจากร้านฝีมือคนเมือง ที่อยู่ตรงโน้น"  เขาชี้ไปทางศูนย์ประชุม
    หรือร้านค้าที่ตอนนี้คึกคักไปด้วยผู้คนหลายชีวิต

    "ค่ะ"    เธอชี้ที่หนุ่ม-สาว หลายคนซึ่งกำลังช่วยกันทำป้ายสีบนตัวอักษรบนผ้าขาวผืนใหญ่

    "นั่นเค้าทำป้ายอะไรกันคะ"

    "ป้ายประกาศ สำหรับต้อนรับครูอาสารุ่นนี้ไงครับ เตรียมไว้สำหรับงานที่จะจัดขึ้นใน
    วันปีใหม่ที่จะถึง"

    "อืม.. วันนี้ 31 แล้วนะสิคะ  เรนมาเย็นวันที่ 30 งั้นก็คืนนี้เลยสิ"   เธอหันไปมอง
    หนุ่มผมยาวมาดศิลปิน

    "ครับ ตรงโน้นที่คนมุงกันอยู่นั่นก็เป็นศูนย์ตรวจปัสสาวะ  แล้วก็ข้างหลังเป็นแปลง
    เกษตรของนักเรียน"

    "แล้วบ้านไม้ที่ยกสูง ๆ ทึม ๆ นั่นล่ะคะ"

    "ห้องสมุดครับ ยังสร้างไม่เสร็จ ยังขาดหนังสืออีกมาก.. หนังสือจึงยังอยู่ที่บ้าน
    ผมเป็นส่วนใหญ่"

    "อ๋อ ค่ะ"   เขายกนาฬิกาข้อมือมามองนาฬิกา

    "เชิญที่ศูนย์ประชุมดีกว่าไหมครับ เดี๋ยวเราจะมาคุยกัน
    แนะนำตัวกัน จะได้รู้ว่า
    ทริบนี้มีทั้งหมดกี่คน และวัตถุประสงค์ของศูนย์ที่นี่มี
    อะไรบ้าง"

    "ค่ะพี่.."  

    ************************************************

    "สวัสดีครับ..ทุกคน เชิญทางนี้เลยครับครูใหม่ทุก ๆ ท่าน เลยเจ้าหน้าที่ด้วยนะ"      
    พี่เสริม  ป่าวประกาศด้วยเสียงล้วน ๆ ไม่ต้องผ่านไมโครโฟน เสียงเขามีพลัง
    มากพอที่จะทำให้ทุกคนเริ่มทยอยกันเข้ามานั่งเติมพื้นที่  

    "เชิญครับ.. ๆ ผมว่าเรานั่งกันเป็นวงกลมดีกว่าจะได้เห็นหน้า เห็นตากันครบทุกคน"    
    เสียงผู้คนจ๊อกแจ..จอแจ สลับกับเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ที่มายืนหน้าสลอนอยู่ข้าง
    หน้าต่าง

    "ผมชื่อเสริมครับ..ยินดีที่รู้จักทุกคน  เรามาแนะนำตัวเองดีกว่า  แต่ไม่ใช่ชื่อตัวเองนะ
    ให้ทุกคนนึกสรรพนามที่จะใช้แทนตัวเองคนละ 1 ชื่อ แล้วก็ไปทำความรู้จักเพื่อนข้าง ๆ
    แล้วเดี๋ยวเราจะให้เพื่อนข้าง ๆ นั่นแหละแนะนำตัวคุณขอความกรุณานะครับ ที่มากันเป็น
    กลุ่มก็แยกกันก่อนนะครับ เราจะมาทำความรู้จักกัน เพื่อความสะดวกจะยืนขึ้นแล้วลุก
    ไปแนะนำตัวกับเพื่อนใหม่ก็ได้นะครับ เชิญครับ"  ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส
    เสียงอึงอล สลับไปกับเสียงหัวเราะ มิตรภาพกำลังก่อตัวอย่างงดงาม
    ในวันที่อากาศหนาวเย็น ที่เชียงราย  เมื่อเวลาผ่านไปพอสมควร พี่เสริมได้เรียก
    รวมพลอีกครั้งหนึ่ง การนั่งประชุมแบบขัดสมาธิบนพื้นหินปูน ที่ปูเสื่อด้วยเสื่อน้ำมัน
    ลายไม้เริ่มต้นขึ้น

    "ครับ เริ่มจากด้านขวามือของผม เชิญครับ ใครรู้จักเพื่อนคนนี้บ้าง"  

    "ชายหนุ่มรูปร่างอ้อนแอ้น เหมือนผู้หญิง.. สูงราว 170 เซ็นติเมตร หนักประมาณ
    53 กิโลกรัมคนนี้ ชื่อเล่นจริง ๆ ว่า พฤกษ์  ส่วนคำจำกัดความตัวเอง ให้ชื่อว่าแก้วครับ
    แก้วเป็นอะไรที่ใส ๆ มองเห็นทะลุปรุโปร่ง เป็นแก้วสารพัดนึกก็ได้  จริงใจกับเพื่อน
    เสมอเรียกว่ารักใคร รักจริงครับ"    น้ำตอบ

    "หญิงสาวที่นั่งติดกับพฤกษ์  เป็นน้องสาวของเขา  ชื่อเล่นจริง ๆ ว่าอ้อน  และให้คำ
    จำกัดความตัวเองว่าอ้อน  เพราะว่าขี้อ้อนมาตั้งแต่กำเนิด  เธอว่างั้นน่ะค่ะ"    เรนตอบ

    "สาวผมยาว หน้าใส ใส่เสื้อยืดสีสด ยีนส์สีซีด ชื่อเล่น จริง ๆ ว่าเรน  ให้คำจำกัด
    ความตัวเองว่ากาละแม เพราะชอบกวน ป่วนชาวบ้านไปทั่ว"
    อ้อนตอบ

    "สาวที่นั่งถัดมาคืออ้อย  เป็นสาวโคราช  ให้คำจำกัดความตัวเองว่านกน้อยในไร่ส้ม
    เพราะ ที่บ้านทำไร่ส้ม"

    "สาวอีกเช่นกัน ขาว หมวย สวย .. น่ารักกก ชื่อจอย  บอกว่าตัวเองเป็นโมบาย
    เพราะชอบเสียงกรุ๋งกริ๋งของโมบายเวลาล้อลม"

    "น้องหนูนา  ชอบเรียกตัวเองว่าหมูนา ใช้ชื่อว่าหมูนา เพราะตัวเองค่อนข้างตัวกลมไป
    นิ๊ดเดียว"     ทุกคนหัวเราะครืนกับคำว่านิ๊ดของอ้อย ส่วนเจ้าตัวยิ้มร่ารับคำจำกัด
    ความที่ตัวเองตั้ง

    "หมูนา มากับสุดหล่อ ชื่อธารา  สองคนนี้ขับรถมาเองจากกรุงเทพฯ  ส่วนความ
    สัมพันธ์กันด้านไหนนั้น..ต้องถามเอาเองนะจ้ะ"    พฤกษ์ว่า

    "เดอะริง  แหวนแห่งคำสาป เค้าชอบหนังสือเล่มนี้เลยนำมา
    ใช้แทนชื่อครับ"

    "พี่ยุ้ย ผู้เลอโฉม  รำพันรักได้หวานมาก ถึงมากที่สุด บอกว่าฉายาเธอคือน้ำตาลเรียกพี่"

    "พี่เก่ง  เป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือของน้อง ๆ ชอบเขียนกลอนเพื่อชีวิต..เอ่อ..เพื่อชีวิต
    พี่เก่งคนเดียวนะจ้ะ คนอื่นไม่เกี่ยวประมาณนั้น"    คำบรรยายของหนุ่มหน้าใส
    คนหนึ่งเรียกเสียงฮาได้ครืนอีกรอบ

    "น้องกฤช หนุ่มน้อยนักเต้น ที่ยังไม่หายตื่นเต้นจากการไปดูคอนเสริ์ต แล้วจู่ ๆ ถูกลากมาเชียงรายแบบ งง ๆ นิดหน่อย"

    "น้องแอน จอมขมังเวทย์ตัวน้อย มีอิทธิฤทธิ์ มากมายหรือไม่ ไม่รู้  รู้แต่ว่า เขียนเรื่องสั้น
    ได้ดีทีเดียว"

    "หน้าใสดอทคอม  คนเศร้าประจำซอย  ไม่รู้เป็นอะไรชอบอกหักเป็นอาชีพ"

    "น้องพิน  คนนี้น่ารัก น่าชม ยิ้มเธอจะพิมพ์ใจทุกคนหรือไม่  ลองมองดูเองก็แล้วกันนะ"

    "ดิว  หนุ่มชาวนาที่ชอบใช้ชีวิตกับความสันโดษและธรรมชาติ"

    "น้ำ.. ผู้ชายตัวใหญ่ท่าทางใจดี ที่ให้คำจำกัดความตัวเองตามชื่อ.. น้ำ.. คือสายธารเย็น ๆ จากธรรมชาติ จะอยู่ที่ไหน ที่นั่นย่อมมีความสุขและฉ่ำเย็นเสมอ ๆ"

    จากคุณ : สีน้ำฟ้า - [ 12 พ.ย. 46 00:27:06 ]