เช้าวันธรรมดาวันหนึ่ง กิจวัตรประจำถูกปฏิบัติเป็นปกติ เหมือนอย่างเคย มาเรียนไปเรื่อยๆ( แต่ตั้งใจเรียนนะ ) สนุกกับเพื่อน เฮฮา เสมออยู่แล้ว แต่มันแปลกไปก็ไอตรงที่วันนี้เพื่อนขอร้องให้ไปส่งที่ป้ายรถเมล์นะสิ
" นี่อย่าพึ่งกลับบ้านนะอยู่รอรถเป็นเพื่อนเราเลย "
" อะไร.. วันนี้เราต้องรีบกลับบ้าน "
" ไม่ต้องเลย... บ้านเธออยู่แค่นี้เอง ข้ามคลองไปก็ถึง แล้วนี่ "
" เออน่า ฉันแค่ล้อเล่นเอง "
" แหม เธอนี่ก็ "
ฉันก็นั่งรอเป็นเพื่อนเราสองคนคุยกันอย่างสนุกสนาน วันนั้นมีเรื่องมากมายที่คุยกัน แม้กระทั่งแซวกันเอง ทำให้เรามีเรื่องชวนหัว ได้ตลอดเวลา
ก็แค่คุยกันที่ป้ายรถเมล์ไม่เห็นมีอะไรที่น่าสนใจตรงไหนเลย มันก็ใช่ แต่เรื่องที่มันเกิดก็เป็นเพราะที่บุคลิกของฉันเองที่ชอบนั่งเท้าคางนั่นแหละ ก็ไม่เห็นมันจะแปลกที่นั่งเท้าคาง รู้แล้วละน่าฟังให้จบก่อนสิจ๊ะแม่คุณ
เธอรู้จักสัญลักษณ์ของคนพิการทางหูไหมละ ที่แปลว่าความรัก รู้ใช่ไหมที่เมื่อแบมือแล้วพับนิ้วนิ้วกลางกับนิ้วนางลง นั่นละใช่เลยความรัก
วันนั้นมือที่ฉันนั่งเท้าคางอยู่มันแปลกที่เป็นไปอย่างสัญลักษณ์นั้นซะด้วยสิ มันไม่รู้ตัวจริงๆนะ..............นี่เล่าต่อสิกำลังฟังอยู่นะ นั่นแน่อยากฟังละสิ เล่าต่อเถอะน่านะ
ก็ได้ๆ ตั้งใจฟังละกัน
และบังเอิญวันนั้นรถติดมาก และ
" นี่เมื่อไรรถจะมาซะทีละ "
" รอเดี๋ยวสิ ก็รถสายนี้นานๆจะมานี่นา "
แต่เราก็ยังสนุกสนานกับการคุยกันตลอดเวลา ฉันนั่งเท้าคางอย่างนั้น หัวเราะอย่างจริงใจและเปิดเผย และตาของฉันก็หันไปสบตากับคนคนนึงที่กำลังนั่งรอสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนสีเพื่อปลดปล่อยรถจากความแออัดบนท้องถนนอยู่ แต่เขากลับไม่ได้นั่งอยู่เฉยๆ แต่สายตากับรอยยิ้มอย่างอ่อนโยนกำลังส่งมายังที่ที่ฉันนั่งอยู่ ถึงแม้ว่าเราจะอยู่คนละฝากถนนก็ตาม แต่เราก็สังเกตเห็นกันได้ชัดเจน ฉันมองเค้าไม่นานนักก็หลบสายตาคู่นั้นซะก่อน อ้าวทำไมละ
ถามมากจริง ฉันเป็นผู้หญิงนะ และอีกอย่าง...ฉันก็เขินด้วยนี่นา สักครู่หนึ่งฉันกลับไปมองเค้าอีก เค้าก็หันไปซะแล้ว การที่หลบสายตาคู่นั้นทำให้เรารู้สึกตัวว่ามือที่เราเท้าคางอยู่เป็นยังไง ตอนนั้นฉันอายมากแต่ก็ต้องข่มความอายเอาไว้ใครแถวนั้นรู้เห็นเข้าจะทำยังไง มิน่าละ ยิ้มซะอย่างนั้นเลยนะ ต่อจากสถานการณ์นั้นไม่กี่นาที มีรุ่นน้องมาที่ป้ายรถเมล์นั้นเป็นคนที่เพื่ออนฉันรู้จักพอดี ฉันก็เลยขอตัวกลับบ้านก่อน และหลังจากวันนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เมื่อสองอาทิตย์ก่อนสิ ไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าออกมา
รู้สึกเหมือนว่ามี่ใครมามองเราอยู่นาหันไปหน้าใสขาวหุ่นดีหน้าตาคุ้นๆนะเนี่ยนั่งยิ้มไม่หุบเลยแปลบนึงสายตาคู๋นั้นหลบเราแต่เค้ายังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน ฉันก็เดินกลับบ้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันไปซื้อของอีกตรงนั้นไมมีเค้า แต่ขากลับบ้านสิเนี่ยใครหนอหน้าค้ลายเดิมทำมือเท้าคางแบบนั้นนั่งหน้ารถยิ้มมองมาอีกแล้วแต่วันนีเขาไม่ได้ขับรถ ในสัปดาห์ต่อๆมาฉันก็ไปซื้อของข้างนอกมากขึ้นเอวันนี้เขาหายไปไหนนะ รถยนต์สีน้ำเงินคันนั้นจะใช่รถของเขารึเปล่านะ คนนั้น รูปร่างแบบนั้นใช่เขารึเปล่า ใครกำลังกินข้าวอยู่หน้าปากซอยหน้าบ้านฉันเนี่ยหน้าคุ้นจังเลย แต่ไม่เห็นมองมาแล้วยิ้มเหมือนแต่ก่อน ฉันกลับเข้าบ้านไปอย่างที่ไม่ได้ทำอะไรเหมือนอย่างที่เคยทำ มองเขาอยู่นานรอว่าเขาจะหันมารึเปล่าปลอบใจตัวเองด้วยการที่คิดว่าคงไม่ใช่เขาหรอกมั้งเขาไม่หันมาฉันนอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงดึกแล้วนอนไม่หลับซะทีหน้าของเขาวนเวียนอยู่ในหัวหน้าของเขาลอยเด่นอยู่บนเพดาน รอยยิ้มนั้นหายไปไหนตาคู่นั้นทำไมไม่มองเราละ เป็นอะไรไปทำไมตาเศร้าอย่างนั้นกินข้าวอย่างไม่พูดไม่จา ยิ้มให้ฉันบ้างสิคนอะไรใจดำชะมัดเลย เช้าวันรุ่งขึ้นขอบตาของฉันบวมและคล้ำฉันส่องกระจกด้วยความแค้นเคือง ฉันร้องไห้ตลอดคืน ฉันออกไปหน้าบ้านแม่นี่เสื้อใครนี่ตัวใหญ่จังแต่สีหวานแหวจังนะ ของผู้ชายเหรอนี่ เขาเอามาซ่อมเหรอคะแม่ เสื้อตัวขนาดนี้เข้าใสคงพอดี ดูอีกทีคุ้นจัง เค้าเคยใส่นี่นา
" นี่มี่คนมาหาบอกว่าเอาเสื้อตัวนี้มาให้หนูบอกว่าเป็นของขวัญเกิดจ๊ะ "
" ตัวใหญ่อย่างนี้เนี่ยนะคะ "
" แม่ก็ว่านั้น "
" เออ...แล้วแม่คะใครเอามาให้เหรอคะ "
" แม....ก็ไม่รู้เหมือนกันจ๊ะ "
"อ้าว... แล้วแม่ว่าใช่เพื่อนของหนูรึเปล่าละ "
" แม่ จำไม่ได้แล้ว ก็เพื่อนของหนูเยอะเหลือเกิน "
" ช่างเถอะค่ะ แม่อย่าลืมซ่อมเสื้อตัวนี้ให้หนูใส่ก็แล้วกัน "
" จ๊ะ แม่ลูกบังเกิดเล้า "
" โธ่! แม่ก็ หนูออกไปซื้อหนังสือดีกว่า สวัสดีคะแม่ "
ร้านหนังสือคนน้อยมากในวันนั้น ยืนอ่านหนังสืออยู่ดีๆใครน๊าคุ้นๆแฮะเค้าเอง ฮึคราวนี้อย่าหวังว่าจะได้เห็นเราหันไปมองอีก หลบเร็วเค้ากำลังหันมาเค้าไม่ได้หันมาหาเรา นั่นผู้หญิงคนนั้นยืนเอียงคอถ่ายรูปคู่กันเขาอยู่ เอ้ายืนใกล้กันเข้าไปเอียงคอเข้าไปสิ กอดกันเลยเป็นไง สาวสวยกับหนุ่มหล่อสมกันดีนี่นากลับบ้านดีกว่าเรา คนคนนั้นไม่ใชเราหรอกเค้าสูงส่งกว่าเราเค้าเป็นเดือนดาราแต่เรามันเป็นแค่คนธรรมดา แรงยุของสื่อบันเทิงที่ให้ดาราเป็นแฟนกันยุกันไปยุกันมาเดี๋ยวก็เป็นเรื่องจริงซักวันจากนี้ไปไม่มีอีกแล้วคนคนนี้
นั่นกองถ่ายละคร พักงานกันอยู่เค้านอนหลับอยูที่ใต้ต้นไม้อันร่มรื่น ลมพัดเย็น ผมของเขาปลิวสลวย ใบหน้าอันสงง่างาม ของเขา ที่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป แต่ตรงนี้ไม่มีใครมารบกวนเวลาที่เขานอนพัก ขอสักครั้งหนึ่งที่จะคุยกับเธอ ฉันเดินตรงไปยังที่ที่เขานอนอิงกายกับต้นไม้ต้นนั้นอยู่ เขาช่างงามเหลือเกิน ฉันนั่งคุกเข่าข้างๆเขาแล้วกระซิบ ข้างๆหูของของเบา
" ขอให้โชคดีนะคะสุดที่รัก มีความสุขมากๆ ความรักของฉันถึงไม่เคยเปิดเผย และรอยยิ้มนั้นของคุณ เสื้อตัวนั้นที่ลายเดียวกัน วันนี้ฉันใส่มาถึงแม้ว่าคุณจะไม่เห็น สิ่งที่ผ่านมามันทำให้ฉันรักคุณซะแล้ว ลาก่อนนะคะสุดที่รักของฉัน
เราคงไม่ได้เจอกันอีก "
ฉันเดินจากมาพร้อมกับคราบน้ำตา ถึงแม้ฉันยังไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของรอยยิ้มนั้น การที่เห็นเขาอยู่ทุกที่ที่ฉันอยู่ แต่ฉันก็ได้บอกคำว่ารักของฉันไปแล้วฉันไม่เสียใจเลยและถ้าฉันจะเสียใจก็คงจะเป็นฉันจากเขาไปโดยที่ฉันยังไม่บอกรักต่างหากจริงมั้ย นี่จบแล้วเหรอทำไมเป็นแบบนี้ละยังไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลยพอแล้วน่า ขอถามก็แล้วกันตอนนั้นเธอจะไปไหนเหรอ ตอนนั้นฉันได้ทุนไปเรียนต่อ แล้วอีกอย่างฉันดังเด็กเกินไปไม่เหมาะที่จะมีคนรู้ใจหรอก แล้วตอนนี้มีรึเปล่าละ ไม่รู้เหมือนกันแต่เวลานอนทีไรจะมีคนคนนึงมากระซิบข้างหูทุกคืนว่า
" ผมรักคุณสุดที่รักของผม "
อ้าวไหนเป็นแบบนี้ละ ไม่บอกแล้วไปถามเค้าเองไป๊
จากคุณ :
tue54@hotmail.com
- [
13 พ.ย. 46 18:44:16
A:202.28.62.67 X:unknown, unknown
]