ตะวันใกล้ลาลับเหลี่ยมเขา ปีกแห่งรัตติกาลเริ่มสยายออกปกคลุมท้องฟ้า ความมืดอันสิ้นหวังแผ่ขยายปกคลุมจนสิ้น โลกหล้าคล้ายเป็นเช่นนี้มาตลอดโดยมิมีวันเปลี่ยนแปลง เมื่อมีสว่าง ย่อมมีมืด เมื่อมีกลางวัน ย่อมมีกลางคืน
มือเรียวยาวเต็มไปด้วยพลังคู่หนึ่งจุดชุดไฟเข้ากับตะเกียง ทันทีที่ไส้ตะเกียงลุกติดไฟ มันก็ส่งกลิ่นไหม้ตลบอบอวลออกมา กลิ่นไหม้ที่ปรากฏขึ้นพร้อมกับความสว่างไสว
ความสว่างไสวแม้จะเพียงริบหรี่เล็กน้อย แต่ยังสามารถขับไล่ความมืดมิด
จื่ออิงจ้องมองดวงไฟน้อยที่ริบหรี่ของตะเกียง มันเริ่มทอแสงแรงกล้าขึ้นเรื่อยๆ พร้อมๆ กับเผาไหม้ไส้ตะเกียงและน้ำมันไปด้วย มันทราบว่าในชั่วเวลาไม่นานตะเกียงน้อยจะดับลงพร้อมๆ กับไส้ตะเกียงที่ถูกเผาจนมอดไหม้ และน้ำมันสนที่เหือดแห้งลง
ผู้คนกับตะเกียงไยมิใช่เฉกเช่นเดียวกัน คือมีช่วงเวลาเพียงช่วงหนึ่ง เปลวไฟก็เปรียบได้กับชื่อเสียงเกียรติยศของผู้คน คือย่อมมีช่วงที่รุ่งโรจน์และริบหรี่ เวลานี้ตะเกียงชีวิตของมันใช่ลุกไหม้จนโชติช่วงหรือไม่?
ในที่สุดจื่ออิงถอนหายใจออกมา นี่นับเป็นช่วงเวลาที่มันเตรียมจะลุกไหม้และโชติช่วงที่สุด ทว่าสิ่งเหล่านี้กลับมิใช่ได้มาเปล่าๆ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีค่าตอบแทนทั้งสิ้น!!!
มันค้นพบสุดยอดวิชาของสำนัก ที่เพียงถ่ายทอดต่อเจ้าสำนักโดยเจ้าสำนักคนก่อน ที่ผิดแผกแตกต่างคือ
มันกลับลอบฝึกเองโดยพละการ มันขัดขืนต่อข้อห้ามสำคัญในคัมภีร์ นั่นคือ
ห้ามฝึกวิชานี้โดยเด็ดขาด นอกจากเจ้าสำนักจะเป็นผู้ถ่ายทอดให้
มันโทษว่า เหล่านี้ล้วนเป็นความผิดของ เตียหงี ผู้เป็นอาจารย์ที่รีบมาด่วนจากไป โดยมิได้ถ่ายทอดวิชานี้ต่อตน และนึกชมเชยวาสนาของตนเองที่ค้นพบคัมภีร์วิเศษโดยบังเอิญ?
คัมภีร์วิเศษเยี่ยงนี้เหตุใดจึงเพียงถ่ายทอดแก่เจ้าสำนัก มันนึกถึงตอนฝึกฝนเพลงกระบี่และวิชาฝีมือ อาจารย์มักสอนให้ตนสงบจิตใจเป็นสมาธิ จึงเริ่มฝึกฝน หากฟุ้งซ่านจะมิสามารถฝึกฝนอันใดจนก้าวหน้าได้
ทว่าเพลงกระบี่นี้กลับแตกต่างออกไป
ไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะใดล้วนแล้วแต่ฝึกเพลงกระบี่นี้ได้ทั้งสิ้น ทั้งยังได้ผลที่แตกต่างกันด้วย ยามจิตใจสงบ เพลงกระบี่ที่ร่ายรำออกไปก็เป็นอย่างหนึ่ง ยามจิตใจร้อนรุ่ม เพลงกระบี่ก็แปรเปลี่ยนตาม ยามบันดาลโทสะ เพลงกระบี่ก็เปลี่ยนไปอีก ไม่ว่าผู้ฝึกอยู่ในสภาวะใดล้วนแล้วแต่สามารถใช้เพลงกระบี่นี้ได้อย่างมีประสิทธภาพ เพียงสำแดงอานุภาพที่แตกต่างกัน!!!
จื่ออิงถอนหายใจออกมาอีกครา ยังมีบางสิ่งที่ยังรบกวนจิตใจของมันอยู่ จนทำให้มันมิสามารถที่จะยินดีกับความสำเร็จที่จะมาถึง และเป็นสาเหตุที่มันต้องมานั่งอมทุกข์เช่นนี้ หนึ่งในนั้นคือ คำเตือนต่อผู้ฝ่าฝืนลอบฝึกฝน กระบี่สัณฐานที่สาม ที่กล่าวว่า
ผู้ฝ่าฝืนจะประสบเภทภัย
แต่เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องปลีกย่อย มันใส่ใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะถูกความรู้สึกยินดีในการที่จะได้มีชื่อเสียง มีอำนาจยิ่งใหญ่เหนือผู้คนเข้าครอบงำจนสิ้น
ยามเมื่อถูก กิเลสเข้าครอบงำจิตใจ ย่อมทำให้ผู้คนขาดสติ ยั้งคิด พิจารณาสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริงเสมอ
ถ้าอย่างนั้นเรื่องอันใดที่ทำให้มันต้องกังวลใจเช่นนี้
กลับเป็นเรื่องของเหวินเหม่ยชิงที่ทำให้มันทุกข์ตรมเช่นนี้ วันนี้มันสำแดงอานุภาพคุกคาม ตั๋วล่ายสุกจนถอยร่น แสดงตัวเป็นผู้มีคุณธรรมต่อหน้าชาวยุทธทั้งหลาย ด้านบุคลิกภาพ และฝีมือล้วนแต่ได้รับการยกย่อง เพียงแต่ยามที่มันจ้องมองเข้าไปในดวงตาของ เหวินเหม่ยชิง มันกลับพบเพียงความว่างเปล่า มิยินดียินร้าย
นางกลับมิได้ใส่ใจในตัวเขาแม้ซักน้อยนิด
เมื่อคิดถึงตรงนี้มันขบกรามจนเป็นสัน มันมิได้แค้นเคืองต่อหญิงสาวที่เฉยเมยต่อมัน ที่มันแค้นคือ หลังจากการประลองของ หวงอี้เฟย กับ ต้วนเล้ง มันเห็นหญิงสาวเข้าไปสอบถามอาการของหวงอี้เฟย ด้วยอาการห่วงใย
หวงอี้เฟย
เจ้ามีอันใดเหนือกว่าข้า! มันคำรามลั่นจากนั้น กระบี่ในมือถูกชักออกจากฝัก เงากระบี่ที่ดุดันและหนักหน่วง ถูกร่ายรำออกมาจนถี่ยิบ ความรุนแรงของกระบวนท่านับว่าน่าแตกตื่นจนสะท้านโลก ตะเกียงน้อยภายในห้องถูกลมกรรโชกจนดับไป
ตะเกียงแม้เปรียบได้กับชีวิตผู้คน แต่อย่างไรก็มีที่แตกต่าง ตะเกียงสามารถโดนลมกรรโชกจนดับลง
. ผู้คนกลับมิใช่ ดังนั้นหากคิดใช้ลมกระบี่กรรโชกชีวิตผู้คนจนสิ้น น่ากลัวต้องเพิ่มความรุนแรงเข้าไปอีกสี่ร้อยแปดหมื่นเท่า! ทว่าจื่ออิงมิคิดเพิ่มความรุนแรงของลมกระบี่ เนื่องด้วยมันสำนึกตน เพลงกระบี่มันยังไม่สูงเยี่ยมถึงเพียงนั้น ดังนั้นมันจึงตั้งใจว่าจะเพิ่มกระบี่เล่มหนึ่งเข้าไปแทน กระบี่ที่รวดเร็ว และแม่นยำ ดุดันหาที่เปรียบ!!!
ยามนี้มันสามารถดับตะเกียง ภายภาคหน้ามันยังหวังว่าสามารถดับชีวิตของผู้คน!!! เป็นของผู้ใด?
แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 46 23:02:14
จากคุณ :
ทีมแต่งนิยาย
- [
14 พ.ย. 46 22:48:56
]