ร้านหนังสือ ณ สวรรค์

    เรื่องเเปลเรื่องที่2คะ
    เรื่องเเรก My Current Girlfriend เคยลงที่love-stories.net
    ตอนที่1
    http://www.nitc.go.th/database/xi/withlove/storiesboard/showstories.php?qNo=75
    ตอนที่2
    http://www.nitc.go.th/database/xi/withlove/storiesboard/showstories.php?qNo=80
    ตอนที่3
    http://www.nitc.go.th/database/xi/withlove/storiesboard/showstories.php?qNo=84

    เรื่องที่2นี้อาจจะค่อนข้างงงๆ เพราะเป็นเรื่องเเบบกึ่งความฝันกึ่งความจริงเเละไม่ใช่เรื่องรักหวือหวา
    เเต่หวังว่าเมื่อทุกคนได้อ่านจบเเล้วจะรู้สึกอบอุ่นเหมือนอย่างที่อนินต์รู้สึกนะคะ

    ****************************************************************

    บทนำ

    “จะปิดร้านเเล้วหรือคะ”
    “อ้อ ยังไม่เป็นไรครับ ให้ช่วยอะไรมั้ยครับ”
    “คือ กำลังหาหนังสือเรื่อง....อยู่นะคะ”
    “นี่ครับ เรื่องนี้ใช่มั้ยครับ”
    “อุ๊ย เร็วจังคะ อย่างกับเตรียมเอาใว้...”
    “ก็ ผมเตรียมใว้นี่ครับ”
    “อ้าว เเต่ฉันพึ่ง....”
    “ผมรู้...ว่าคุณต้องมาซื้อหนังสือเล่มนี้”
    “รู้ได้ยังไงคะ เเถมเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น้องชายฉันชอบมากๆเลยคะ”
    “ถ้ายังงั้น ผมอ่านให้ฟังมั้ยครับ”
    “อะไรนะคะ”
    “นี่ก็ได้เวลาปิดร้านเเล้ว เดี๋ยวผมจะอ่านหนังสือเล่มนั้นให้ฟัง”
    “เออ...ก็ดีคะ ช่วยอ่านให้ฟังหน่อยก็เเล้วกันคะ”

    ****************************************************************

    กลางดึกในร้านเซเว่น ซาโทชิถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
    ที่เชื่อได้เลยว่าต้องติดอันดับ1ในทั้งหมดของ22ปีที่ผ่านมาเเน่ๆ

    “เฮ้อ.....”
    ถึงขนาดคนขายผมเป็นสีน้ำตาลที่กำลังคิดบัญชีหลังเครื่องคิดเงินนั้น เงยหน้าขึ้นมามองอย่างตกใจ
    ส่วนซาโทชิกำลังยืนอยู่หน้าชั้นวางนิตยสารโดยไม่ได้สนใจคนขาย เเถมถอนหายใจออกมาอีกรอบ
    ....ซึ่งครั้งนี้ก็คงจะได้อันดับ2เช่นกัน

    อีกไม่กี่เดือนก็จะเรียนจบเเล้วเเต่ชายหนุ่มยังหางานไม่ได้ซักที
    มหาลัยที่อยู่ถึงเเม้จะไม่ใช่อันดับต้นๆในประเทศ เเต่ก็ไม่ได้เกรดต่ำอะไรนักหนา
    ที่ที่ไปสมัครมีบ้างที่ “ถ้าได้ก็โชคดี” เเต่ซาโทชิก็เลือกที่ที่คิดว่าเหมาะกับตัวเองใว้หลายที่เหมือนกัน
    เเต่นี่สมัครไปตั้งเกือบ20บริษัท ยังไม่มีวี่เเววว่าจะได้โทรศัพย์ตอบรับซักครั้ง

    ...พวกคนสัมภาษณ์ก็คงรู้มั้งว่าเราขี้เกียจ...

    ชายหนุ่มรู้ตัวดีว่าทำอารมณ์เย็นคิดรอบคอบตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร เเต่...ก็ยังอดคิดไม่ได้อยู่ดี

    ใช่ว่ามีงานที่อยากทำหลังเรียนจบ  
    พูดตรงๆตอนเข้ามหาลัยก็เหมือนกัน เ
    หตุผลเรียนต่อของชายหนุ่มก็คือ “คนส่วนใหญ่เรียนมหาลัยกันทั้งนั้น”
    เเละตอนนั้นก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าคงจะหาสิ่งที่อยากทำได้ภายใน4ปี
    เเต่ระหว่างที่คิดอย่างนั้น ดูเหมือนว่าเวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน รู้ตัวอีกที ไอ้4ปีในมหาลัยนี้ก็จะหมดเเล้ว
    เเละสังคมปัจจุบันนี้ก็ไม่มีใครใจดีถึงขนาดที่จะยื่นมือมาช่วยเด็กจบใหม่ที่ไม่รู้ว่าตัวเองอยากทำอะไรอย่างชายหนุ่มเเน่ๆ

    ซาโทชิมองท้องฟ้ามืดข้างนอกผ่านกระจกใสของร้าน
    หลังเเสงสว่างจากร้าน กลุ่มดวงดาวดูจะอยู่ห่างไกลกว่าวันอื่น

    คราวนี้ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆที่คนขายไม่ได้ยิน พลางยื่นมือหยิบหนังสือเพลย์บอยที่วางเรียงอยู่บนชั้นข้างหน้า

    “เป็นคนไม่มีอะไรเด่นเหมือนอย่างที่เขาพูดถึงกันจริงๆเลยนะ”

    เสียงที่อยู่ๆก็ดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มตกใจ ก่อนหันไปมองอย่างสงสัย

    ภาพที่เห็นคือ ชายชราใส่เสื้อเชิ้ตฮาวายสีฉูดฉาดกำลังมองมาที่ซาโทชิอยู่

    ...ว้า ทำไงดีว่ะเนี่ย...

    ผู้ชายที่ใส่เสื้อเชิ้ตฮาวายเเขนสั้น กางเกงยาวเเค่หัวเข่า
    สวมรองเท้าเเตะ เเถมใว้เคราสีขาวยาวเเละใส่หมวกสานนั้น ไม่ต้องให้พูดอะไรออกมา ใครมองก็ดูออกว่าไม่ใช่คนปกติ
    ชายชราในเสื้อเชิ้ตฮาวายยังมองมาที่ชายหนุ่มอยู่โดยไม่หันไปทางอื่น

    ...เอาไงดีวะ ขืนยุ่งต้องมีเรื่องเเน่ๆ เเล้วไอ้ที่บอกว่า “พูดถึงกัน” มันหมายความว่าอะไร
    ทำไมเราต้องเป็นหัวข้อให้ตาเเก่นี่พูดถึงด้วย
    เอ๊ะ อีกอย่าง พึ่งเจอกันครั้งเเรก เเล้วมาเที่ยวกล่าวหาคนอื่นว่า “คนไม่มีอะไรเด่น” นี่มันออกจะมากไปนะ
    โธ่เว้ย ยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ เดี๋ยวก็....

    ...หือ อย่าๆ ใจเย็นเข้าใว้ ลองคิดดูอีกทีซิ ตาเเก่นี่ท่าทางประหลาดอยู่เเล้ว
    เเละถ้าเกิดทำโมโหใส่เข้า บางทีอาจจะ..
    ....จริงซินะ ขืนอยู่ๆทำอะไรไม่ดีขึ้นมาจะทำยังไง อย่างที่เขาบอกกันว่าอย่าถึอคนบ้าอย่าว่าคนเมา
    อย่าหันไปมองตรงๆนั่นเเหละดีที่สุด...

    ซาโทชิหดมือที่จะหยิบหนังสือนั้นกลับมา ก่อนที่จะหันหลังเดินไปทางตรงข้าม
    เเต่เเล้วชายชรากลับเป็นฝ่ายดึงเเขนซาโทชิใว้

    “นี่นี่ อุตส่าห์มาเชิญ จะไปโดยไม่ทักกันก่อนหรือไง”

    ...ซวยของเเท้เเล้วซิเรา รีบไปบอกคนขายให้โทรเรียกตำรวจเร็ว...

    เเต่ตอนนี้ในร้านคนน้อยกว่าปกติ พนักงานก็หายไปหลังร้าน มีเเต่กลิ่นอุ่นๆของโอเด้งโชยไปทั่ว
    ทั้งๆที่กลัวเเต่ชายหนุ่มก็พยายามไม่เเสดงออกทางสีหน้าเเละสะบัดมือ
    เเต่เเปลกที่ทั้งๆไม่ได้ถูกบีบจับเเรงๆ เเต่มือของชายชราไม่ขยับเขยื้อนซักนิด

    “ทำอะไรนะ เอามือนั้น...”พูดพลางมองด้วยสายตาดุๆ เเต่ก่อนที่จะเค้นเสียงพูดให้จบ ชายชรากลับบอกด้วยเสียงปกติเหมือนไม่ได้ยิน

    “คิดเหมือนกันว่าต้องทำให้ตกใจ เเต่ไม่นึกใว้นะว่าจะถูกทำหน้ารังเกียจขนาดนี้”
    ชายหนุ่มได้เเต่อ้าปากข้างมองชายชราข้างหน้า

    ...ตั้งเเต่เมื่อกี้ พูดอะไรของเขาวะ...

    “ถ้าจะมาชักชวนเข้าลัทธิอะไรหล่ะก็ ไปหาคนอื่นเถอะ
    ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์จะเชื่อเรื่องพระเจ้าหรือผีหรอก
    ยังไงพูดอะไรออกมาฉันก็ไม่เชื่อหรอกนะ ถ้าเข้าใจเเล้วก็ช่วยเอามือนี้...”

    คราวนี้ก็เช่นกัน ชายหนุ่มพยายามดึงมือกลับอีกรอบ
    เเต่ก็เหมือนเดิม มือของชายชราไม่ขยับซักนิด

    “อือ งั้นไม่ต้องเชื่อเรื่องพระเจ้าหรือผีก็ได้” บอกพลางทำหน้าเห็นใจ เเละตามด้วยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ให้กับชายหนุ่ม
    ซาโทชิรู้สึกเหมือนกับว่าเเรงที่อยู่ในตัวค่อยๆหดหายไปทีละนิด

    ...หือ?นี่เราจะเป็นลมหรือไงเนี่ย...คือความคิดสุดท้ายของชายหนุ่มก่อนที่ทุกอย่างจะดับลง

    ****************************************************************
    (มีต่อคะ)

    จากคุณ : อนินต์(สมาชิกใหม่ของที่นี่คะ) - [ 17 พ.ย. 46 14:10:24 A:219.98.151.228 X: ]