จากกระทู้ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2549541/W2549541.html#17
มันทำให้ซีได้คิดหลายอย่าง ... จนเกิดเรื่องนี้ขึ้นมา
คุณเคยฝันถึงเจ้าชายในฝันบ้างไหมคะ? เขาเป็นเจ้าชายที่อยู่เพียงในความฝัน ไม่อาจมีตัวตนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงได้ ในบางครั้งมันก็ยากแสนยากที่จะรับรู้ว่าฉันไม่อาจมีเขาคนนั้นได้อีก
นี่เป็นบทเริ่มต้นของนิทานเล็กๆ เรื่องหนึ่งที่มีแรงบันดาลใจมาจากความรักอันยิ่งใหญ่ของผู้เป็นพ่อ
มีหลายคนถามฉันว่าเจ้าชายในฝันมีตัวตนอยู่จริงหรือ แน่นอน....ฉันตอบพวกเขากลับไปด้วยความหนักแน่นว่า เขามีตัวตนอยู่ในโลกแห่งความจริงแน่
อย่างน้อยในวันนี้ฉันเองก็มีเจ้าชายในฝันอยู่แล้ว
และนี่คือความจริงของเจ้าชายในฝัน
ทุกคนเองก็เช่นกันย่อมมีเจ้าชายในฝันอยู่ด้วยเสมอ เพียงแต่เจ้าชายของบางคนอาจห่างไกลด้วยระยะทาง... ห่างไกลด้วยความเป็นและความตาย หรือเจ้าชายของบางคนอาจอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม...แต่หัวใจกลับห่างไกลกันหลายพันไมล์
สำหรับเจ้าชายในฝันของฉัน...ฉันมีเขาอยู่ทั้งในความจริงและความฝัน เขาไม่ได้ดีเด่นหรือแตกต่างไปจากมนุษย์ปุถุชนทั่วไป สิ่งเดียวที่เขาแตกต่างและยิ่งใหญ่กว่าผู้ชายทุกคนในโลกก็คือ เขาเป็นพ่อคนเดียว และเป็นผู้ชายคนแรกที่ฉันรักสุดหัวใจ
ในชีวิตของเราอาจมีอะไรได้หลายอย่าง อาจซื้อเสื้อผ้ามากมายได้หลายสิบหลายร้อยตัว อาจเปลี่ยนรองเท้าได้เป็นพันคู่ มีเพื่อนหรือคนรักได้หลายสิบคน แต่หนึ่งเดียวที่เราจะมีและไม่มีใครแทนที่ได้ นั้นคือบุพการีของเรา...
ฉันเองก็มีพ่อกับเขาอยู่เพียงคนเดียว พ่อคนนี้อาจเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งในสายตาของคนทั่วไป แต่เขากลับเป็นฮีโร่ เป็นเจ้าชาย และเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยพานพบมา
ฉันมักไปไหนมาไหนกับพ่อเสมอ ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นเงาตามตัวของใครกันแน่ ยิ่งเวลาออกไปเที่ยวนอกบ้านตามสวนจัตุจักรหรือคลองถมที่แม่กับน้องๆ ไม่ค่อยขยันออกไปเดินเท่าไหร่ มีแต่ฉันนี่แหละที่ติดสอยห้อยตามพ่อไปเกือบทุกครั้ง
ยามเมื่อขึ้นรถเมล์...พ่อจะมองหาที่นั่งให้ฉันทุกครั้ง ถ้าโชคดีเราก็ได้นั่งด้วยกันสองคน นั่นคือช่วงเวลาที่ดีที่สุด พ่อมักเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฉันฟัง ยามเมื่อรถเมล์เคลื่อนผ่านไปตามถนนต่างๆ พ่อมักเล่าเรื่องราวแห่งความหลังให้ฟังเสมอ
รู้ไหมว่าพ่อเคยอาศัยอยู่ในซอยนี้ พ่อชี้ให้ดูถึงซอยเล็กๆ ซอยหนึ่งที่รถเมล์วิ่งผ่าน
รู้ไหมตรงนั้นเป็นเคยเป็นโรงเผาถ่านมาก่อน ตอนเด็กๆ พ่อมักเดินไปเก็บเศษถ่านมาจุดไฟบ่อยๆ
รู้ไหมบ้านหลังนี้เคยเป็นร้านขายเหล็กมาก่อน พ่อเคยทำงานอยู่ที่นี่ และอีกหลายเรื่องราวถูกเล่าผ่านมาด้วยความรัก...ความหวังจะให้เป็นประสบการณ์ชีวิตสำหรับฉัน
ยามเมื่อรถติด... ฉันเหนื่อยและเหลือทนกับสภาพรอบกาย พ่อบอกให้ฉันอดทนและเข้มแข็งไว้ วันพรุ่งนี้ย่อมดีกว่าวันนี้เป็นแน่ แต่ถึงอย่างไร...พ่อก็ยังอยู่ตรงนี้ทั้งคน
ในบางครั้งฉันเองก็ง่วงเหลือเกิน เมื่อรถติด...ไปไม่ถึงจุดหมายปลายทางเสียที สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือการนั่งสัปหงกอยู่บนรถเมล์ เมื่อรถเลี้ยวซ้ายที...หัวก็เอียงไปทางซ้าย เมื่อรถเลี้ยวขวาที...หัวก็เอียงไปทางขวา
จนกระทั่งมีมือข้างหนึ่งยื่นมาหา นั่นแหละ...หัวของฉันจึงได้หนุนสบายอยู่บนบ่ากว้างของพ่อ
ยามเมื่อลงจากรถเมล์มาด้วยกัน...ฉันมักจับมือพ่อไว้เสมอ ไม่ว่าจะเดินอยู่บนฟุตบาท ในห้างร้าน หรือในซอยที่ชุลมุนไปด้วยผู้คน ไม่รู้ทำไม...ฉันกลับรู้สึกว่าหากปล่อยมือออกแล้ว ฉันคงต้องหลงทางเป็นแน่
แต่ไม่จริงหรอก มีครั้งหนึ่งที่ฉันเผลอปล่อยมือพ่อออก บนถนนซึ่งคลาคล่ำไปด้วยผู้คน ฉันมองหาแผ่นหลังของพ่อไม่เจอ หัวใจราวกับหล่นจากไปพร้อมกับความสับสนวุ่นวายพัดผ่านเข้ามา
ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างเดินผ่านไปและผ่านมาอย่างไม่ไยดีกับเด็กผู้หญิงคนนี้ ไม่มีสายตาใดเลยที่อบอุ่นเหมือนสายตาของพ่อ ไม่มีรอยยิ้มใดเลยที่จะส่งมาปลอบประโลมได้เหมือนรอยยิ้มของพ่อ
ไม่มีใครเหลียวมองฉันเลยสักคน...
ท่ามกลางความวุ่นวายและว้าวุ่นในจิตใจ จู่ๆ มือข้างหนึ่งก็เอื้อมกลับมาแตะบนบ่าของฉัน มือ...คู่เดียวที่ไม่เคยปล่อยให้ฉันต้องเดินวนอยู่ในความทุกข์ใดๆ ได้นาน มือคู่นั้นยื่นมาจับจูงฉันไว้ดังเดิม
พ่อยังอยู่ตรงนี้เสมอ... แม้หนูจะปล่อยมือจากพ่อไป แต่พ่อคงไม่มีวันปล่อยมือของหนูได้เป็นแน่ ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน แม้หนูจะไม่ยอมเดินตามหลังของพ่ออีก...แต่พ่อก็ยินดีที่จะเป็นฝ่ายเดินตามอยู่ข้างหลังของหนู ขอเพียงรู้ว่าหนูมีความสุข...พ่อยินดีที่จะเป็นฝ่ายเดินตามหลัง เฝ้าดู...ห่วงใย...เพื่อว่ายามใดที่หนูล้มลง...มือของพ่อคู่นี้แหละจะเป็นฝ่ายฉุดหนูขึ้นมาเพื่อก้าวเดินต่อไปเบื้องหน้าอีกครั้ง
จากวันนั้นมา แทบไม่เคยมีครั้งใดเลยที่ฉันปล่อยมือของพ่ออีก ในวันนี้พ่อของฉันยังอยู่ตรงนี้ ยังเดินนำหน้าเสมอ ฉันยังไม่กล้าพอหรอกที่จะเดินนำหน้า รอยเท้าของพ่อเป็นรอยทางที่ดีที่สุดให้ฉันก้าวเดินตาม...แล้วเหตุใดฉันจะต้องก้าวออกจากเส้นทางที่พ่อวางไว้ด้วย
และนี่แหละคือเศษเสี้ยวหนึ่งของเรื่องจริง...ของเจ้าชายในฝันของฉัน
***************************
ซีไม่ท้อหรอกค่ะ ถ้าใครมีปัญญาลอกงานซีได้ ซีก็มีปัญญาเขียนงานขึ้นมาใหม่ได้ แล้วสักวันคงได้รู้ว่าชัยชนะเป็นของผู้ใด
ขอโทษนะคะที่อาทิตย์นี้ซีลง "เมื่อคุณมีฝันให้ต้องไขว่คว้า" ต่อไม่ได้ ยังไม่ได้เขียนเลย...เขียนไม่ออก
แต่อาทิตย์หน้าคงเอากลับมาลงได้เหมือนเดิมแน่ค่ะ
จากคุณ :
firely
- [
22 พ.ย. 46 10:53:58
]