ไม้กั้นทางรถไฟค่อยๆลดระดับต่ำลงเรื่อย รถราทุกคันค่อยๆแตะเบรคหยุดตามหลังคันแรกที่นำอยู่ ซากิชิเพิ่งกลับจากงานเลี้ยงรุ่นสมัยเป็นนักศึกษา กลิ่นแอลกอฮอล์บนตัวบางเบา แต่ยังพอสูดแล้วรู้รสมึน เส้นทางอีกแค่เจ็ดแปดกิโลเมตรก่อนถึงโรงแรมไม่ใช่ปัญหา สายตาของซากิชิชัดแจ่ม มองทะเบียนรถคันหน้าแล้วอ่านออกว่า ก แปด แปด ศูนย์ ศูนย์ เขาอ่านได้ตัวเลขแปดพันแปดร้อยอย่างน้อยเขาแน่ใจว่าถูก เพราะเห็นรถคันนี้ตั้งแต่ก่อนเข้าไปดื่มในร้านอาหาร รถรุ่นเก่าลายครามอย่างโฟล์คเต่า แถมสภาพเหมาะกับการอนุรักษ์ไว้ในพิพิธพันธ์ จอดในลานจอดรถแถวเดียวกับบรรดารถยุคสองพันกว่าพะยี่ห้อยี่ปุ่นยิ่งดูสะดุดตาเข้าไปใหญ่
แสงส้มส่องแว่บมาแต่ไกล ทะลุผ่านแนวทางยาวโล่งมืดสนิทใกล้เข้ามาทุกที เสียงล้อเสียดสีรางลั่นสะเทือนอย่างไม่น่าฟัง เชื่อว่าบรรดาผู้จับพวงมาลัยรถทั้งหลายคงภาวนาไล่ให้รถทรงยาวคล้ายตัวหนอนวิ่งผ่านไปให้เร็วและลับตาไปในชั่วกระพริบ ซากิชิเอื้อมเปิดลิ้นชักเก็บของ ล้วงบุหรี่ยี่ห้อมาโบโร่มาจุดอัดควันพ่นสบายอารมณ์ ค่อยลดกระจกลงรอไม้กั้นทางรถไฟขยับเปิดทาง
" ถึงโรงแรมนายรึยัง ซากิชิ "
ชายหนุ่มที่นั่งเบาะข้างคนขับ ลืมตาฉายแววรำคาญกลิ่นบุหรี่ ก่อนถามถึงจุดหมายปลายทางอย่างหงุดหงิด
" ยัง บังเอิญ ติด รถไฟ "
ภาษาไทยของซากิชิกระท่อนกระแท่นไม่ต่างจากห้าปีก่อน สมัยเป็นนักเรียนแรกเปลี่ยนของคณะมนุษย์ศาสตร์ ชายหนุ่มนึกย้อนอดีตไปสมัยซากิชิเข้ามาเรียนใหม่ๆ ซากิชิดูเจ้าเนื้อเกินกว่าคนญี่ปุ่นทั่วไป ผิวขาวเปล่งปลั่ง ท่าทางดูขี้อายกว่านิสัยใจคอแท้จริง ที่กว่าชายหนุ่มจะรับรู้ได้ในอีกสองสามเดือนถัดมา เมื่อซากิชิกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนักศึกษาชายในสามแยกปากสุนัข พวกพ้องของชายหนุ่มสนิทสนมกับซากิชิง่ายดาย ทั้งหมดอาจเป็นเพราะความสนใจในสาวญี่ปุ่นเป็นทุนเดิม อยากรู้อยากเห็นว่าสิ่งที่พวกตนได้ซึมซับมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นทั้งหลายได้เกิดขึ้นจริงบนดาวดวงนี้หรือเปล่า ชายหนุ่มใกล้ชิดกับซากิชิที่สุด เนื่องจากวิชาโทของตนคือภาษาญี่ปุ่น แม้เกรดโดยภาพรวมจะไม่น่ามอง แต่อย่างน้อยก็สามารถสื่อสารพอไปวัดวาได้กว่าเพื่อน
" เปลี่ยน กันขับไหมเพื่อน โรงแรมที่นายพักเราไปถูกนะ "
ชายหนุ่มถามด้วยความเป็นห่วง โดยไม่สนใจประเมินสภาพเลยว่าเบียร์ที่เขายกซดไปทั้งหมดมากกว่าซากิชิสี่เท่า จนหลับสนิทเสียตั้งแต่ชวนซากิชิไปเมากันต่อที่โรงแรม
" ไม่เป็นไร นาย พัก ผ่อน เถอะ "
ซากิชิปฏิเสธอาจเพราะเห็นสภาพเพื่อนรักต่างเชื้อชาติย่ำแย่หนัก หรือ อาจเพราะห่วงว่าตนเองจะไม่ได้กลับไปมาตุภูมิอีกตลอดชีวิต
" กลับมาหนนี้ นายพูดน้อยนะ ภาษาไทยที่เราอดหลับอดนอนสอน หายไปไหนหมดวะ อย่างนี้เสียแรงเสียเวลาเปล่านะโว้ย "
ชายหนุ่มโพล่งออกมาลั่นรถ
ส่วนซากิชิเพียงยิ้ม ก่อนเหยียดคันเร่งเบาๆ พารถโตโยต้ารุ่นกลางเก่ากลางใหม่สีเขียวลอดไม้กั้นทางรถไฟ ล้อกระทบรางเหล็กจนสะท้านทั้งคัน ซากิชิเหลียวมาดูชายหนุ่มว่าหลับสนิทหรือเปล่า ก่อนดีดก้นบุหรี่ครึ่งตัวทิ้งข้างทางโดยไม่ดับไฟ ขี้เถ้าและเศษเพลิงสีส้มนิดน้อยปลิวหายไปในความมืดเบื้องหลัง
รถแล่นไปตามถนนเป็นเส้นตรง
" กลับมาหนนี้ นายพูดน้อยลงนะ กิริยาท่าทางก็ดูสงบนิ่งมากขึ้น หน้าที่การงานในบริษัทมันเปลี่ยนแปลงคนได้ขนาดนี้เชียวหรือวะ แถมภาษาไทยที่เคยจ้อคล่อง ก็ดูแทบจะจำไม่ค่อยได้ เราอยากคุยกับนายมาเป็นปีแล้วนะ "
ชายหนุ่มพึมพำเบา ๆ พอกระทบหูคนขับรถชาวญี่ปุ่น สายตาของซากิชิมองตรงไปข้างหน้า ดวงตาค้างแข็งกระพริบน้อย ไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบโต้เสียงรำพึงรำพันของชายหนุ่ม
รถสิบล้อคันหน้าดูท่าบรรทุกของเกินพิกัด ขับส่ายไปมาราวกับจะล้มลงได้ทุกเมื่อ มอร์เตอร์ไซด์วัยรุ่นหลายคันขับปาดไปมาพร้อมทิ้งชีวิตได้ทุกพื้นที่บนท้องถนน เสียงบีบแตรจากรถคันหลังไล่ไม่เว้นเมื่อจะพุ่งแซง
" ถึงรึยัง ? "
ชายหนุ่มคงรำพึงถามถึงที่หมาย พลางคาดหวังว่าพอถึงโรงแรมแล้วคงได้คุยกับเพื่อนตายอีกคนเต็มคราบเป็นการส่วนตัว เพราะบรรยากาศในงานเลี้ยงไม่เอื้อเลยสักนิด
" ยัง
"
ซากิชิตอบสั้นๆ
" ถึงแล้วจะปลุก "
น้ำเสียงสั่นเครือ
โรงแรมขนาดห้าดาวขนาดใหญ่ บริกรผ่านการอบรมมาอย่างดีทั้งมารยาทและเรี่ยวแรง ถึงได้หอบชายหนุ่มร่างอ้วนท้วนขึ้นมาส่งถึงห้องพักได้ ชายหนุ่มนอนกองบนเตียงอย่างสลึมสลือ ส่วนซากิชิเปิดตู้เย็นเทน้ำดื่มสองแก้ว แล้วยื่นส่งให้ชายหนุ่ม
" ดื่ม น้ำ ให้ สบาย ก่อน แล้ว ค่อย คุย กัน ."
ชายหนุ่มเอื้อมรับน้ำเปล่าเย็นเฉียบ กระดกดื่มพรวดเดียวหมด เหวี่ยงแก้วปลิวกระทบผนังห้องแตกกระจาย อาการของคนเมา ค่อยเอนบนเตียงโดยไม่ได้เอาผ้าปูออก เครื่องปรับอากาศในห้องกำลังแรงเย็นฉ่ำเบาสบาย ซากิชิทรุดหย่อนก้นนั่งปลายเตียงนอน เขากดโทรทัศน์ไล่หาช่องรับสัญญาณดาวเทียมสถานีญี่ปุ่น ส่วนสายตาวางไว้กับตัวชายหนุ่ม เสื้อฮาวายเชิ๊ตสีดำยับยู่ยี่ กางเกงยีนส์เก่าซีดมีรอยเปรอะ เดาว่าคงไม่ได้ซักทำความสะอาดนานปี ร่อยรอยบางอย่างจึงเลอะเลือน แต่ยังพอมองออกว่ามีรอยเปื้อนบนเนื้อผ้า
ซากิชิให้ความสนใจรอยคล้ำสีน้ำตาลเข้ม ทิ้งเป็นทางยาวตั้งแต่กระเป๋ากางเกงไล่ลงถึงเข่าซ้าย
ชายหนุ่มผลอยหลงสู่ห้วงความฝัน เสียงกรนผ่านช่องว่างกรามฟันคำรามลั่น ฟังคล้ายเสียงครึ้มฟ้าคะนองฝนก่อนสายพิรุณโปรย ดูท่าค่ำคืนของความปรารถนาคงมาไม่ถึง ส่วนซากิชิทำได้เพียงนั่งจิบเบียร์ดูโทรทัศน์ช่องแดนปลาดิบเงียบๆสักพัก ค่อยหันไปคลายเข็มขัดของชายหนุ่มให้หลวม ถอดถุงเท้าให้จะได้นอนสบายและหลับไหลได้ยาวนาน กระเป๋าเงินหนังสีดำหลุดจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ลงกองบนเตียง ภายในแน่นด้วยธนบัตร บัตรเครดิต ใบกำกับภาษีจากร้านสะดวกซื้อสองสามแผ่น รูปถ่ายฝูงชายหนุ่มหน้าตาละอ่อนที่เพิ่งพบกันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ภายในภาพถ่ายชายหนุ่มยืนโอบไหล่ซากิชิแน่นสองคนเผยรอยยิ้มมิตรภาพเบิกบาน
" ซากิชิ
..ถ้าไม่ได้นายเราคงตายไปนานแล้ว
ขอบใจมากเพื่อน "
ชายหนุ่มเพ้อออกมา ดวงตาคงหลับพริ้ม ซากิชิเข้าใจว่าคงเพียงละเมอเท่านั้น เบียร์หมดไปกระป๋องหนึ่ง จนเหงื่อเริ่มแตกพลั่ก ซากิชิปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตคลายร้อน พับแขนเสื้อขึ้นพ้นท่อนแขนช่วงบน แขนขวาของเขาปรากฏรอยแผลเป็นทางยาว รอยแผลเป็นรอยยาวกำเนิดพร้อมคราบเปื้อนบนกางเกงของชายหนุ่ม รอยทั้งสองบางเบา
เสียงแตรรถบรรทุกดังลอดผ่านช่องลมเข้ามา พื้นโรงแรมบางส่วนสั่น เนื้อตัวชายหนุ่มสะท้าน ส่วนซากิชินั่งอุดหูแน่น พวกเขาไม่ชื่นชอบเสียงรถบรรทุกเสียเลย หลังจากรถบรรทุกขี้เมาคันหนึ่งแหกโค้งพุ่งเข้าร้านพิซซ่าในห้างสรรพสินค้าเมื่อสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ในวันเลี้ยงส่งซากิชิบินกลับญี่ปุ่น เคราะห์ดีที่ต่างคนต่างปฏิกิริยาไวทายาทจึงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ซากิชิช้าเชื่องกว่าเพื่อนจึงได้แผลรอยยาวหน่อย ส่วนชายหนุ่มนั้นรวดเร็วเหลือหลายจึงได้รอยแผลยาวไม่แพ้กัน เศษกระจกแผ่นใหญ่ปลิวกระเด็นเข้ามา ตัดชิ้นพิซซ่าขาดท่อน เลือดบนโต๊ะไหลเยิ้มปนกับซ้อสพริกหกจากขวด เลือดของชายหนุ่ม
เลือดของซากิชิสีแดงแวววาวผสมเข้ากันได้สนิท ร่างของชายหนุ่มหงายทับซากิชิมิด ทั้งคู่ต่างสิ้นสติ
ชายหนุ่มรู้สึกตัวบนเตียงนุ่มๆของโรงพยาบาล ส่วนซากิชิเฝ้าข้างๆ พยาบาลบอกล่าวให้ชายหนุ่มขอบคุณเพื่อนที่อดนอนเฝ้าและให้เลือดประทังชีวิตไว้
" ขอบคุณ
.ขอบคุณ
และขอบใจมากเพื่อน
"
ชายหนุ่มไม่รีรอที่จะปฏิบัติตาม และหลังจากในโรงพยาบาลจนกระทั่งถึงในโรงแรม ชายหนุ่มพูดขอบคุณกับซากิชิมานับครั้งไม่ถ้วน เขายินดีจะกล่าวมันเพื่อสำนึกในมิตรภาพฝังเข้าสายเลือดระหว่างเขาและเพื่อนรักต่างชาติ กางเกงยีนส์วันนั้นชายหนุ่มเย็บซ่อมอย่างดีหากแต่ไม่เคยซักล้าง
ไม่เคยสักครั้ง
โรงแรมในกรุงเทพฯ ปี 2002
เช้าตรู่ในเมืองคงวุ่นวายดังเก่า ชายหนุ่มคนหนึ่งตื่นขึ้นในโรงแรมด้วยทีท่าขี้เกียจเพียงคนเดียว รอบกายเขาปราศจากวี่แววของสิ่งมีชีวิตใดๆ นอกจากนกกระจอกนอกหน้าต่าง ปลายเตียงมีกางเกงยีนส์ตัวใหม่พับวางไว้
น่านฟ้าประเทศไทย ปี 2002
เครื่องบินของสายการบินแจแปนแอร์ไลน์เพิ่งผงาดฟ้าไม่นาน ชาวชายญี่ปุ่นร่างเจ้าเนื้อคนหนึ่งสวมแว่นกันแดดนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับภาษาของเขาในชั้นบิวซิเนสคลาส พาดหัวข่าวเล่าถึงลูกชายแก๊งยากุซ่าหลบหนีออกนอกประเทศเพื่อเลี่ยงนักฆ่าจากแก๊งคู่ปรับเก่า เนื้อข่าวแจ้งว่ากรณีไล่ล่าทายาทยากุซ่าคนนี้เคยพลาดมาแล้วหลายหน และหนหนึ่งนั้นเกิดในประเทศไทย
แอร์โฮสเตสทรวงทรงสวยเพรียว เสียงใสสอบถามชายชาวญี่ปุ่นตามหน้าที่ ด้วยภาษาประเทศแม่ของชายคนนั้น
" ผม ฟัง ภาษาไทย ได้ ครับ "
นางฟ้าประจำสายการบินยิ้มหวาน ค่อยสอบถามใหม่ว่า
" ขอโทษค่ะ มีอะไรให้ดิฉันช่วยไหมคะ
."
ชายชาวญี่ปุ่นโบกมือเป็นเชิงปฏิเสธ ก่อนถอดแว่นกันแดดพับเสียบกระเป๋าเสื้อนอก
เขานึกสงสัยว่าทำไมเธอพูดประโยคเมื่อสักครู่ได้ง่ายขนาดนั้น
กรุงเทพฯ ปี 2002 หน้าโรงแรมเดิม
ชายหนุ่มคนหนึ่งเตรียมก้าวขึ้นรถเมล์
ขาข้างหนึ่งของเขา
กระเพลก
จบ
จากคุณ :
กาแฟสอง/bombay2520@yahoo.com
- [
24 พ.ย. 46 18:04:03
A:203.152.18.90 X:192.168.0.98
]