~*~*~ความทรงจำของฉัน~*~*~

    ในยามวิกาลที่เงียบสงัด นาฬิกาตีบอกเวลาให้รู้ว่า ในขณะนี้ เป็นเวลา หนึ่งนาฬิกา ของเช้าวันใหม่แล้ว แต่มีอยู่ที่หนึ่ง ซึ่งได้รับการขนานนามว่า เป็นเมืองที่ไม่เคยหลับ กรุงเทพมหานคร

    ลึกลงไปในใจกลางเมืองของมหานครแห่งนี้ รถราจอดเรียงรายมากมายตามสองฟากฝั่งของถนนหลังสวน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นรถราคาแพงของผู้คนที่มางานเลี้ยงซึ่งจัดขึ้นในคืนนี้ ผู้คนแน่นขนัด แต่ทุกคนที่มาร่วมงานเลี้ยงนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่คุ้นเคย เคยเห็นหน้าค่าตา กันมาไม่มากก็น้อย เสียงดนตรีที่ดังอย่างอึกทึก ทำให้แต่ละคนจำเป็นต้องตะเบ็งเสียงใส่กัน ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางได้ยินคู่สนทนาเป็นแน่แท้

    ฉันไม่เคยคิดอยากจะมาร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้เลย แต่ก็จำต้องมาอย่างเสียไม่ได้ เพราะเหล่าญาติๆ ของฉัน ต่างคะยั้นคะยอ ให้ฉันมาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ ให้ได้ ถึงขนาดออกปากว่า ฉันจะพลาดงานสำคัญอันนี้ไม่ได้เลยเชียว จะให้ฉันบ่ายเบี่ยงยังไง ก็ไม่สามารถทนฤทธิ์ ยัยญาติสาวจอมตื้อของฉันได้ ฉันเลยมาอยู่ที่นี่ ท่ามกลางความวุ่นวาย ของผู้คน เสียงเพลงที่ดังจนฟังไม่ได้ศัพท์  ฉันเกลียดเสียงเพลงที่ดังจน หนวกหูเหล่านี้นัก ฉันไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะมางานปาร์ตี้พวกนี้เลยแม้แต่น้อย

    ในเวลาอย่างนี้ ฉันควรที่จะหลับสบาย อยู่บนเตียงอันแสนนุ่มของฉัน ภายใต้ผ้าห่มอุ่นๆ อากาศเย็นสบายจากการที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ฉันเป็นคนที่ชอบเปิดแอร์จนหนาวเหมือนอยู่ในขั้วโลก แล้วห่มผ้าห่มที่ค่อนข้างหนาและหนัก มันทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นกาย และสบายใจอย่างบอกไม่ถูก

    เมื่อมาถึงงานเลี้ยงแห่งนี้ ยัยญาติตัวแสบของฉัน กลับหายไปอยู่ที่ไหนเสียเล่า ปล่อยให้ผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างฉัน มายืนอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย ที่ฉันไม่คุ้นเคย และรู้จักมักจี่มากนัก ก็จริงอยู่ว่าฉันรู้จักพวกเขาบ้าง แต่ก็เป็นส่วนน้อยเท่านั้นเอง ฉันหันรีหันขวาง พยายามสอดส่องสายตามองหา กลุ่มผู้หญิงผมยาว 4 คน รูปร่างไม่สูงมากนัก ฉันเดินเตร็ดเตร่ไปมาอยู่ในงาน มือหนึ่งถือโทรศัพท์มือถือ พยายามกดโทรออก หลายครั้งหลายครา แต่มันคงเป็นเพราะว่า คนแน่นขนัดจนเกินไป มือถือฉันไม่มีสัญญาณเลยแม้แต่ขีดเดียว มันน่าเขวี้ยงทิ้งนัก เป็นอย่างนี้บ่อยเหลือเกิน จนบางทีฉันยังคิดว่า มันน่าจะฟ้อง บริษัทเครือข่ายให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

    ญาติของฉันคงกำลังพยายามสอดส่องมาหาฉันอยู่เช่นกันกระมัง แต่ด้วยระบบมือถือที่แย่แบบนี้ ใครเล่าจะติดต่อกันได้ แท่งเหลี่ยมๆ สีดำอันนี้ แทบจะกลายเป็นขยะในสายตาฉันไปทันที และแล้ว สายตาฉันก็เหลือบไปเห็น หญิงสาวผมยาว เดินตรงไปอีกทาง เหมือนกำลังมองหาใครสักคน มือของเธอถือโทรศัพท์มือถืออยู่เช่นกัน สีหน้าของเธอนั้น บ่งบอกถึงความหงุดหงิดที่ติดต่อใครไม่ได้ โดยการกดโทรออกซ้ำแล้วซ้ำอีก ฉันแทบจะกระโดดไปคว้าเสื้อเธอไว้

    “กรี๊ดดดดดดด ยัยแอม ไปไหนมายะ หาตั้งนาน” ฉันแทบจะคลั่งอยู่แล้ว จนอีกฝ่ายสังเกตได้
    “อ้ายยย พี่ปาน แอมหาตั้งนานแน่ะ มาเร็วๆ เพื่อนๆ แอมรอพี่อยู่กันทั้งนั้น”

    แก้ไขเมื่อ 24 พ.ย. 46 20:00:19

    จากคุณ : แวววัลค์_เอ๋ - [ 24 พ.ย. 46 19:52:10 ]