ร้านหนังสือ ณ สวรรค์(2)

    ...เอาไงก็เอากัน...
    หลังจากที่ยามากิอธิบายเรื่องทั้งหมด...เรื่องที่ซาโทชิไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้เจอ....
    คำถามบ้าๆรวมทั้งที่ชายหนุ่มโกรธเเละสงสัยนั้นดูเหมือนจะไม่มีความหมายอะไรเลย
    ซาโทชิได้เเต่ทรุดนั่งอย่างหมดเเรงตรงทางเดินในร้าน

    ก็จะไม่ให้หมดเเรงได้ยังไง ในเมื่อยามากิบอกว่าที่นี่คือ “สวรรค์”

    “ดูเหมือนว่าคนทางนู้นจะเข้าใจผิดเรื่องนี้กันเยอะ” ยามากิเริ่มต้น ตามด้วยอธิบายว่า “สวรรค์” เป็นอย่างไร

    ...1ชีวิตเท่ากับ100ปี เเละทุกๆคนถูกกำหนดใว้เท่านี้กันหมด
    เเต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะมีอายุยืนถึง100ปี ที่ตายตอน20ก็มี เเละตอน80ก็มี
    เเละที่ที่ใช้เวลาที่เหลือนั้นก็คือ “สวรรค์”
    พูดง่ายๆก็คือ คนที่ตายเมื่ออายุ20ก็จะอยู่ที่สวรรค์อีก80ปี คนที่ตายเมื่ออายุ80ก็จะอยู่ที่สวรรค์อีก20ปี
    จะอยู่ในรูปร่างเหมือนกับตอนที่มาจากโลกมนุษย์
    พอครบ100ปีที่ว่านั้น ก็จะถูกลบความทรงจำเกี่ยวกับสวรรค์ทั้งหมด เเละกลับไปเกิดใหม่เป็นเด็กอีกรอบ
    เท่ากับว่าสวรรค์ไม่ใช่เเค่โลกหลังความตาย เเต่เป็นทั้งอีกโลกนึงที่อยู่ขนานกัน
    เเละยามากิก็เรียกที่นี่ว่า “เเผนกบัญชี”

    “เหตุผลที่มีคนหนุ่มสาวตายก็เพราะอย่างนี้เเหล่ะ ไม่งั้นที่นี่ก็จะทีเเต่คนเเก่ๆ”

    ...มีเเต่เเก่ๆอย่างนายงั้นซิ...ชายหนุ่มงงเเละรู้สึกเหนื่อยจนไม่มีเเรงเเม้เเต่ประชด

    “ที่นี่ก็มีทุกอย่างเหมือนกับที่นู่น มีประเทศมีเมือง มีห้างมีตลาด คนที่นี่ก็กินข้าว อ่านหนังสือ เดินเล่นเหมือนกับคนที่นู่น
    เละอีกอย่าง นายยังไม่ตาย เเค่จ๊อบชั่วคราวเฉยๆ อย่าห่วงเลยว่าจะไม่ได้กลับ...เข้าใจดีเเล้วใช่มั้ย”

    พูดเสร็จก็โยนชุดกับเปื้อนสีขาวให้ชายหนุ่ม ขยับหมวกให้เข้าที่อย่างอารมณ์ดีเเละเดินหายออกไปจากร้าน

    ซาโทชิได้เเต่ยืนส่งยามากิอย่างงงๆ ซักพักถึงจะก้มลงดูเสื้อคลุมในมือ
    ยุอิใส่เสื้อเเบบเดียวกัน คงจะเป็นเครื่องเเบบของร้าน ตรงหน้าอกมีตัวหนังสือพิมพ์ใว้ว่า “HBS”

    “Heaven’s Book Service”

    ระหว่างที่ซาโทชิกำลังเพ่งมองตัวหนังสือนั้นอยู่ เสียงใสๆก็ดังขึ้นโดยที่เจ้าตัวไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากเกมกด

    “นายคนใหม่ รู้เเลัวก็รีบใส่เสื้อซะ เเล้วไปเอาหนังสือจากหลังร้านมาซิ ฉันยุ่ง”

    ซาโทชิเข้าไปใกล้หญิงสาวเเละยึดเกมกดได้สำเร็จ  สงสัยว่าจะถูกอะไรยิงเข้าซักอย่าง เสียงเพลงเศร้าๆจึงดังมาจากเครื่องในมือชายหนุ่ม

    “ทำอะไรของนายน่ะ” บอกเสียงเรียบๆ เเต่มองชายหนุ่มด้วยสายตาดุๆ

    “โทษทีนะ ที่รบกวนตอนยุ่ง ช่วยอธิบายให้ฟังอีกทีซิ”
    พยายามบอกด้วยเสียงเรียบๆบ้าง ในขณะที่หญิงสาวทำหน้าเซ็งๆถอนหายใจออกมาอย่างจงใจให้ชายหนุ่มได้ยิน

    “ก็เมื่อกี้เจ้านายอธิบายเเล้วนี่ อย่างที่เขาพูดนั่นเเหล่ะ”
    “รู้เเล้ว รู้เเล้ว ไอ้ที่ว่าที่นี่คือสวรรค์ จะไม่พูดถึงก่อนก็ได้ เดี๋ยวยุ่งเหยิงเข้าไปใหญ่ ท่าทางเธอจะพูดรู้เรื่องกว่าตาเเก่นั่นเยอะ ตรงนั้นนั่งได้มั้ย”

    ชายหนุ่มถามพลางยื่นคางชี้เก้าอี้อีกตัวที่ยุอิเอาขาพาดใว้อยู่

    “ยุ่งจริงเว้ย”
    ยุอิเอาขาลงจากเก้าอี้ บอกให้ชายหนุ่มนั่งลงโดยใช้คางเหมือนอย่างที่คนข้างหน้าทำ
    พลางบ่นกับตัวเองออกมาเสียงดังอย่างจงใจให้ชายหนุ่มได้ยิน

    “จะให้ดิฉันอธิบายอะไรไม่ทราบคะ” หญิงสาวถามอย่างประชดเมื่อซาโทชินั่งลงอย่างหมดเเรง

    ...เรียงจากข้างบน 78.57.82...เฮ้ย มาคิดอะไรตอนนี้วะ...

    นิสัยเสียของชายหนุ่มอย่างนึงก็คือ...ชอบเดาสัดส่วนผู้หญิงจากที่เห็น...

    เเละตอนนี้ชายหนุ่มก็เผลอทำอย่างทุกครั้ง ก่อนที่จะตามด้วยตบหัวเเละด่าตัวเองอยู่ใในใจ

    ...หน้าตาก็โอเค ค่อนข้างน่ารัก เเต่ไอ้ผมซอยสั้น หน้าไม่เเต่ง เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ เเถมใช้คำพูดอย่างนี้
    ก็คงเป็นพวกผู้หญิงที่ชอบประกาศกันปาวๆว่า “ฉันไม่ง้อผู้ชาย” นะซิท่า
    อย่ายุ่งเกินความจำเป็นน่าจะดี...

    เเละนี่ก็คือนิสัยเสียอีกอย่างของชายหนุ่ม...จัดเตรียมวิธีคบกับคนอื่นตั้งเเต่เจอกันครั้งเเรก...

    คราวนี้ชายหนุ่มม้วนหนังสือพิมพ์ตีหัวตัวเองอย่างเเรงในใจเพื่อที่จะหยุดวิจารณ์หญิงสาวข้างหน้า

    นอกเหนือจากสัดส่วนหรือความคิด ชายหนุ่มรู้สึกเเปลกๆกับหญิงสาวตั้งเเต่เห็นเมื่อเริ่มต้น

    ....ตาสีเขียวสวยปะหลาดๆนั่นเอง...
    ....เฮ้ย ไม่เอา เลิกคิดได้เเล้ว เลิกๆ...

    “มีเรื่องจะถามหลายเรื่องเเหละ เอาหล่ะ เริ่มเเรกก็คือ...” ชายหนุ่มกระเเอมพลางเปลี่ยนท่านั่งให้ดีขึ้นพูดต่อว่า

    “ถ้าที่นี่คือร้านหนังสือที่อยู่ในสวรรค์จริงๆ ทำไมฉันต้องมาทำงาน”
    “ก็เพราะว่าถูกเลือกให้มาเเทนเจ้านาย” ซาโทชิถอนหายใจออกมาเมื่อยุอิตอบอย่างเซ็งๆ
    “เเทนเจ้านาย?  ก็ได้....เเล้วทำไมต้องมาเป็นตัวเเทนด้วยหล่ะ”
    “เห็นบอกว่าจะไปเที่ยว ถามก็บอกเเค่ว่าไม่ได้หยุดมาเป็นปีๆ
    หลังๆก็เครียดเพราะยุ่งตลอด เเต่จริงๆเเล้วเพราะนี่หล่ะมั้ง?” อธิบายพลางชูนิ้วก้อยข้างขวาขึ้นให้ดู

    ซาโทชิเกือบหัวเราะออกมา ไม่อยากเชื่อเลยว่ายังมีผู้หญิงที่อธิบายคำว่า “เเฟน” ด้วยนิ้วก้อยอย่างนี้หลงเหลืออยู่
    เเต่เเล้วก็เปลี่ยนใจเมื่อคิดได้ว่าที่นี่เป็นสวรรค์ เรื่องเเปลกๆก็คงกลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับที่นี่หล่ะมั้ง
    ...ตามด้วยรีบส่ายหัวตัวเองอย่างเเรง เมื่อรู้ตัวว่ากำลังยอมรับว่าที่นี่คือสวรรค์

    “ทำอะไรของนายนะ”ยุอิถามด้วยเสียงเรียบๆหน้าตาไม่บอกอารมณ์
    “ป่าวๆ ไม่มีอะไร...เเล้ว “นี่” ทำไมหรอ” ถามพลางชูนิ้วก้อยอย่างที่หญิงสาวทำ
    “มาเจอความรักเมื่อตอนเเก่หล่ะมั้ง หลังๆนี้เห็นออกข้างนอกบ่อย ก็คงไปหลงผู้หญิงที่ไหนเข้าหล่ะซิ เเล้วกะจะไปเที่ยวกันนะเเหล่ะ”
    “เเล้วก็เลยเรียกใช้ฉันเพราะไม่มีใคร?”
    “โอ๊ะ ก็เข้าใจดีเเล้วนิ พอหรือยัง ฉันไม่ค่อยถนัดเรื่องพวกนี้ด้วย”
    “ยังหล่ะ รบกวนอีกนิดก็เเล้วกัน...ทำไมต้องเป็นฉันด้วยหล่ะ”

    เเละคำถามนี้ทำให้ยุอิยิ้มออกมา ถึงจะเป็นเเค่การยกมุมปากขึ้น เเต่ก็เป็นยิ้มเเรกของหญิงสาวที่ซาโทชิได้เห็น

    “ถามดีนิ ฉันก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมเจ้านายต้องจงใจไปเชิญผู้ชายอย่างนายมาด้วย”

    ...ผู้หญิงอะไรวะ ไม่น่ารักซักนิด...ได้เเต่นึกในใจ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นถามเรื่องอื่น

    “ถามเรื่องก่อนหน้านั้นก็ได้ ฉันยังไม่ตายไม่ใช่หรอ ไอ้ที่ว่ามาอยู่สวรรค์ช่วยคราวหมายความว่าไง มีด้วยหรอ”
    “มีซิ ทางนู้นก็ต้องการคนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับสวรรค์ด้วยนี่หน่า”
    “ต้องการ?”
    “คนที่นู่นส่วนใหญ่กลัวความตายกัน เเต่ถ้ามีใครซักคนที่เคยมาสวรรค์อย่างนาย
    ก็จะได้รู้กันว่าสวรรค์เป็นยังไง ส่วนเรื่องเชื่อไม่เชื่อนั้นมันต่างหาก”
    “เเล้วทำไมต้องให้รู้ด้วยหล่ะ”
    “ฉันจะไปรู้หรอ ก็คงเพื่อที่จะได้รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อยมั้ง”
    “งั้นก็บอกกับทุกคนซิ ว่าสวรรค์มีจริง”
    “ขืนทำอย่างนั้น คนที่นู่นก็อยากตายกันหมดนะซิ เเล้วทีนี้คนที่นี้ก็จะเพิ่มขึ้น....ไม่ไหวหล่ะ”

    ซาโทชิเผลอขยี้หัวตัวเองอย่างอดไม่อยู่ ดูเหมือนว่าสมองชายหนุ่มจะทำงานไม่ทันเรื่องเเปลกๆเหล่านี้
    ยุอิมองท่าทางนั้นพลางยิ้มเเค่มุมปากอีกรอบ

    “คิดว่าสวรรค์มีดอกไม้ร้อมลอบ เเละทุกคนก็อยู่อย่างสบายโดยไม่ทำอะไรอย่างนั้นหล่ะซิ...
    ผิดเเล้วหล่ะ เหมือนกับที่นู่นเเหล่ะ อยู่เเล้วก็ตาย
    เพียงเเต่ทุกคนรู้ว่าจะตายเมื่อไหร่เท่านั้นเอง เเละก็ไปเกิดใหม่ที่นู่น
    เพราะฉะนั้น นายก็อย่าคิดมากนักเลย ไม่ได้อยู่นานซักหน่อย ทำตัวสบายๆซะเถอะ”

    ชายหนุ่มเกือบจะทำตามที่ยุอิบอก

    ....เกือบถูกหลอกซะเเล้ว...ซาโทชิยิ้มอย่างภูมิใจเมื่อนึกเหตุผลดีๆออกมาได้

    “จะบอกว่าทางนู้นก็มีคนอายุเกิน100งั้นซิ อย่างนั้นก็คือคนที่ผ่านทางนี้ไปเลยไงหล่ะ
    อายุ110ก็เท่ากับคนอายุ10ขวบไงหล่ะ เเปลกเนอะ”

    ...ยกธงขาวเเล้ว...

    ยุอิเปิดสวิตช์เกมอีครั้ง ก่อนที่จะบอกกับชายหนุ่มโดยไม่มองหน้า

    “ทีนี้ก็ไปเอาหนังสือหลังร้านมาเรียงได้เเล้ว จะได้เวลาเปิดร้านเเล้วนะ”

    จากเรื่อง「Tengoku no Honya」โดยคุณMatsuhisa Atsushi+คุณTanaka Wataru

    ++คุณCanossa++
    ถึงว่าทำไมรู้สึกเหมือนพิมพ์เก่งขึ้น พิมพ์ผิดเอง
    คราวนี้หวังว่าคงไม่มีผิดนะคะ
    ถ้ามีก็...เดาเเล้วกัน(^o^)  

    ++คุณScottie++
    ขอบคุณคะ ตอนที่2มาเเล้วเเต่ค่อนข้างจะสั้นหน่อยนะคะ
    เพราะกว่าจะพิมพ์ได้ตอนนึงใช้เวลาเป็นอาทิตย์เลยคะ(-.-+)
    ++คุณO-HO++
    มาต่อเเล้วนะคะ เเต่ตอนนี้สั้นหน่อยˆ.ˆ
    คืออย่างที่บอก เรื่องนี้ค่อนข้างงงๆ เเถมมีถึงภาค3....
    ยังไงก็อย่าเบื่อก่อนนะคะ (-^.^-)
    ++คุณS(wing)++
    ขอบคุณคะ
    ตอนที่2มาเเล้ว ยกมืออีกรอบด้วยนะคะ
    ++คุณninaM++
    ดีใจจังคะที่เข้ามาอ่าน
    คนร้อยเล่ห์จบซะเเล้ว...ฮือๆ  มีเรื่องต่อไปมั้ยเอ่ย

    จากคุณ : อนินต์ - [ 24 พ.ย. 46 21:18:20 A:220.211.157.174 X: ]