สาวน้อยคนหนึ่งในชุดสูทสีชมพู บนรถไฟฟ้าสายสะพานตากสิน - หมอชิตที่ไม่ได้สุดสายแค่สนามกีฬา เพราะมันเปลี่ยนเส้นทางไปยังหมอชิต
ผมเป็นผู้โดยสารคนหนึ่งที่เพิ่งจะเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้
ผมจึงเดินออกมาจากรถไฟฟ้าขบวนนั้น แล้วรอขบวนต่อไป โดยที่ไม่รู้ว่า ถ้าไม่ลงมา มันก็ไปถึงหมอชิต ... เธอก็ไม่รู้เช่นกัน
เบาะสีเหลืองแข็งๆ ที่เรานั่งอยู่ เป็นข้างเดียวกัน เว้นที่ว่างไว้เบาะหนึ่ง เพื่อให้การหันไปมองเธอทำได้สะดวกขึ้น
แล้วเสียงหวานๆ ของเธอก็เจื้อยแจ้ว ผมได้ยินเสียงนั้น ... เธอกำลังพูดกับคุณป้าที่นั่งอยู่อีกข้างหนึ่ง เธอสงสัยเรื่องรถไฟฟ้าขบวนที่เรากำลังตามหลังไป
คุณป้าที่แต่งตัวธรรมดาๆ แต่ท่าทางเหมือนจะเป็นขาประจำรถไฟฟ้าอธิบายเรื่องที่เธอสงสัย นั่นทำให้เธอหมดข้อข้องใจ เธอไม่รู้หรอกว่าเธอช่วยให้ผมหายสงสัยไปด้วย
แต่เรื่องราวแห่งความสงสัยของผมไม่ได้จบลงไปเสียทีเดียว เพราะผมเริ่มสงสัยว่าเธอเป็นใคร ทำไมผมต้องสนใจเธอนัก
คำตอบที่ได้จากการค้นหาใจตัวเอง ... ผมเหงา ผมไม่มีใครที่สามารถพูดคุยกับผมได้ทุกเรื่อง
ถูกต้อง ผมมีเพื่อนมากมาย แต่เพื่อนแต่ละคนก็มีลักษณะต่างกัน พวกเขาจะสนใจอะไรไปคนละเรื่อง ค่าที่เราเรียนปรัชญามา ความสนใจของเราจึงต่างกันไป
เมื่อผมไปคุยกับเพื่อนคนหนึ่ง เขาก็จะสนใจแต่เรื่องที่เขารู้และสนใจ และเมื่อไปคุยกับอีกคนหนึ่ง แน่นอน มันย่อมไม่ใช่หัวข้อที่คุยกับคนแรก
ภาพวันวานที่ผมเคยพบเห็นในเกษตรเปลี่ยนไป จากเคยสนุกสนานกันทั้งภาควิชา กลับกลายเป็นความแบ่งพรรคแบ่งพวกแบบที่ผมพบเจอในที่ทำงานของผู้ที่เรียกตัวเองผู้เจริญแล้วทั้งหลาย
ทุกคนมักจะนั่งทับสิ่งที่ตัวเองเป็น แต่กลับเอาสิ่งที่คนอยากให้เขาเป็นมานำเสนอ
ผมกลับไปที่นั่นกี่ครั้ง ซุ้มเก่าที่ผมเคยเห็น เคยเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของผมกับเพื่อน และพี่ๆ น้องๆ ... บัดนี้ กลับเหลือเพียงซุ้มที่มีเก้าอี้มากมาย แต่คนที่นั่ง หาใช่คนที่มอบความสุขให้กับคนรอบข้างได้
เนื่องจากตัวเขาเองก็ยังไม่สามารถหาความสุขของตัวเองพบ ... ไม่พบแม้กระทั่งวิธีที่จะหามัน
ทั้งที่ปรัชญาสอนเสมอว่า จงหาความสุขจากทุกมุมของชีวิต แต่ในมุมอันเงียบงันนั้น กลับตรงกันข้าม พวกเขากลับแสวงหาความทุกข์ได้จากทุกมุมของชีวิต
ผมเหงา ผมเห็นรอยยิ้มนั้นจากเธอ สาวน้อยสีชมพูของผม
และผมก็ประทับใจเธอมากขึ้นไปอีกเมื่อ ...
โทรศัพท์ของเธอดังขึ้น มันเป็นโทรศัพท์รุ่นที่ไม่ค่อยมีคนใช้ ไม่ใช่เพราะเป็นรุ่นที่แพงมาก แต่เป็นรุ่นที่ไปขายต่อมาบุญครอง คนรับซื้อยังคิดแล้วคิดอีกว่า ซื้อไปแล้วจะมีคนซื้อต่อหรือเปล่า
คนส่วนมากในยุคนี้ บ้านเมืองนี้ ต่างพากันหลงใหลไปกับเทคโนโลยีที่แม้แต่ตัวเองก็แทบจะก้าวตามไม่ทัน รูปลักษณ์ภายนอกที่ซ่อนเร้นความเป็นจริงที่อยู่ภายใน
ผมอยู่กับเทคโนโลยีตลอดมาตั้งแต่เรียนจบปรัชญาจากที่ที่มีความสุขที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ผมรู้จักมัน ผมก้าวเดินไปกับมัน ยิ่งไปกว่านั้น ผมไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นว่ามันเป็นสิ่งวิเศษวิโส
ตรงกันข้าม ผมใช้เทคโนโลยีนี้นั้นหาทรัพย์เลี้ยงชีพ ซึ่งแตกต่างจากการใช้ทรัพย์บำเรอความอยากแห่งชีพมากนัก
โทรศัพท์นั้นยังคงส่งเสียงของมันต่อไป เธอก้มหน้าหยิบมันขึ้นมาจากกระเป๋า หน้ากากสีน้ำเงินเข้ม กับรูปร่างของมันบ่งบอกถึงการรู้จักความพอดีในเทคโนโลยี
ผมชอบคนแบบนี้ อยู่กับดิน เพราะมนุษย์เป็นสัตว์บก ไม่หลงติดปีกโบยบินเหนือวิมานในอากาศ คอยชื่นชมกับความงามใต้ปีกตน หลงลืมความงามภายในที่แม้ไม่แต่งก็งามพร้อม
เธองามพร้อมในลักษณะนี้
เก็บความชื่นชมไว้ในใจ เผื่อที่ว่างตรงกลางไว้ที่นั่งหนึ่งข้างเธอและผม ปล่อยให้เป็นที่ว่างของเราสอง เป็นที่ว่างที่ทำให้ผมได้คิดถึงเธอในวันแรก และวันสุดท้ายที่เราได้พบกัน
หากวันหนึ่งข้างหน้า ผมมีโอกาสได้พบเธออีกครั้ง ผมก็คงจำใบหน้านั้นของเธอไม่ได้
แต่วันนี้ สิ่งที่ผมจำได้ นั่นคือ โทรศัพท์เครื่องนั้นของเธอ ... มันบอกอะไรกับผม กับชีวิตผมได้มากมายเหลือเกิน
จากคุณ :
etaBO
- [
27 พ.ย. 46 23:12:37
A:210.86.204.201 X:
]