ตอนที่ ที่
ที่เท่าไหร่แล้วครับ
ด้านภณชัยและราเมษฐ์ ทั้งสองเหงื่อแตกทั่วตัวจากการตื่นกลัวที่ผ่านมา ราเมษฐ์มองจนกระทั่งแมงมุมยักษ์ตัวสุดท้ายวิ่งหายไปจากรอยเผยอของประตูกลนั้น เขาถึงได้ถอนหายใจออกมาได้เฮือกใหญ่ และด้วยความโมโหที่ภณชัยได้แต่ดันเขาเข้าหาเขี้ยวของฝูงแมงมุมเหมือนกับจะแกล้งเขาให้ไปหาที่ตาย เขาจึงเงยศีรษะกระแทกปังเข้าที่ศีรษะของภณชัยหนึ่งที
อื้อ..
นั่นเป็นเสียงที่ตอบรับกลับมา แล้วทั้งสองก็หันหน้าเข้าหากัน ทำตาประหลับประเหลือกไปมา แต่เมื่อสื่อสารอะไรกันไม่ได้ทั้งสองก็จนปัญญา ภณชัยเองนั้นยังคงจ้องมองโครงกระดูกในชุดทหารญี่ปุ่นเก่าผุนั้นไม่วางตา เขาไม่ค่อยเชื่อว่าตัวเองจะตาฝาด แต่เมื่อเพ่งอีกครั้งก็ยังเห็นโครงกระดูกโครงนั้นยืนอยู่ที่เดิม ถือปืนจังก้าอยู่อย่างเดิม แต่หลังนั้นพิงกำแพงอยู่ นั่นเองที่ทำให้มันไม่ล้มลงมา
ห้องที่ทั้งสองถูกมัดติดกันนั้น เป็นห้องขนาดเล็กไม่เกินสามคูณสามเมตร เพดานเตี้ยแทบกระโดดแตะได้ ด้านหนึ่งมีซี่กรงเหล็กขนาดหัวแม่มือ มีช่องว่างไม่เกินหนึ่งคืบซึ่งเล็กพอที่จะขังเจ้าพวกแมงมุมฝูงนั้นไว้ได้ ส่วนแสงสว่างที่มีนั้น ได้มาจากคบไฟท่อนหนึ่งที่ปักไว้ในรอยแตกของกำแพงนั่นเอง
แล้วทั้งสองก็ต้องสะดุ้งเฮือกสุดตัวอีกครั้ง เมื่อรอยเผยอของกำแพงที่เปิดขึ้นเพื่อปล่อยฝูงแมงมุมเขี้ยวยาวเหล่านั้น อยู่ ๆ มันก็ปิดลงมา เป็นการเขยื้อนที่ใช้เวลาน้อยกว่าการเปิดขึ้นมากนัก เพียงครู่เดียว มันก็ปิดสนิท ความเงียบกริบก็เข้ามาแทนที่
เวลาผ่านไปเพียงครู่ แสงสว่างจากคบไฟก็เริ่มหรี่ลง ทั้งสองมองมันอย่างวิงวอน ความน่ากลัวจะยิ่งเพิ่มขึ้นทันทีที่ปราศจากแสงสว่าง ยิ่งต้องอยู่กับศพตายซากในความมืดนั้นด้วยแล้ว แค่คิดก็ยังไม่กล้าจะคิด
แต่แล้ว สายตาวิงวอนแทบหลุดจากเบ้าของสองสหายก็ไม่เป็นผล เปลวไฟค่อย ๆ ดับลงในที่สุด เสียงอื้อดังขึ้นพร้อมกันอีกครั้ง ทั้งสองดิ้นสุดแรง แต่ด้วยเชือกที่มัดแน่น และด้วยที่เขาทั้งคู่ยังเป็นเด็ก การดิ้นรนจึงไม่ปรากฎผลสำเร็จแต่อย่างใด
ในความมืด มีเพียงลมหายใจที่ดังฟืดฟาดสลับกันไปมา ทั้งสองจับมือกันแน่นเสียยิ่งกว่าข้อมือที่ถูกมัดไว้แน่น ความรู้สึกตอนนี้ก็คือยังพออุ่นใจที่ยังมีกันและกันอยู่ แต่เพียงพักเดียว ทั้งสองก็รู้สึกมือของฝ่ายตรงข้ามเย็นชืดขึ้นอย่างกระทันหัน!!
ภณชัยเริ่มรู้สึกว่าลมหายใจที่ตัวเองสูดเข้าไปนั้นไม่ค่อยเต็มปอดสักเท่าไร แม้ว่าเขาจะพยายามสูดให้ลึกและให้ถี่ขึ้นแต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ประโยชน์ ด้านราเมษฐ์ก็เช่นเดียวกัน เขาสูดหายใจถี่ ๆ เพื่อเพิ่มออกซิเจนให้กับปอดของตัวเอง
ทั้งสองรู้แล้วว่าเหตุใดคบไฟถึงได้ดับ ไม่ใช่น้ำมันหมดอย่างที่คิดแต่แรก แต่อากาศหมดต่างหาก
ผนังกำแพงด้านที่เปิดและปิดให้แมงมุมออกไปนั้น มันได้ทิ้งตัวลงจนปิดสนิท ไม่ปล่อยให้อากาศเข้ามาหมุนเวียนได้เหมือนเคย แสดงว่าก่อนที่มันจะเปิดขึ้นเพื่อปล่อยฝูงแมงมุมออกไป มันยังคงมีช่องว่างเหลืออยู่ให้เขาทั้งสองได้หายใจ รวมทั้งฝูงของเจ้าแมงมุมเหล่านั้นด้วย
เขาทั้งสองขบคิดไม่เข้าใจ ว่าทำไมเขาจึงมาอยู่ที่นี่ ถูกมัดไว้อย่างนี้ และกำลังจะถูกฆ่าตายด้วยวิธีที่เลือดเย็นที่สุด นั่นคือ ปล่อยให้ขาดอากาศหายใจจนตายไปเอง
หนึ่งนาทีผ่านไป ห้านาทีผ่านไป ทั้งสองดิ้นรนสุดฤทธิ์อีกครั้งเพื่อช่วยชีวิตตัวเอง แต่ก็ไร้ผล ยิ่งนานยิ่งหมดแรง ทั้งสองเริ่มคอตก สมองมึนงง อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า สองเด็กชายคู่นี้ จะกลายเป็นศพเช่นเดียวกับทหารนิรนามผู้นั้นเป็น
..
ความหอมยังรัญจวนกำจายไปทั้งห้อง ในแสงวับแวบของโคมไฟที่ปักไว้นั้น เผยให้เห็นร่างอันขาวผ่องของเด็กหญิงคนหนึ่ง นอนนิ่งอยู่บนเตียงที่หนานุ่ม เคียงข้างด้วยชายผู้หนึ่งที่เริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเองออกทีละชิ้น
ดวงตาเหม่อลอยหากหยาดเยิ้มยั่วยวน ผิวพรรณนุ่มนวลถูกสัมผัสเพียงแผ่วเบาทะนุถนอม หมอกควันที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่รอบตัวยิ่งช่วยกระตุ้นอารมณ์ให้เพริดเตลิดยิ่งขึ้น สัตว์ป่าในร่างมนุษย์เริ่มหยุดยั้งตัวเองไม่ได้ สองมือตะโปมเข้าสู่เนื้อนุ่มนั้นอย่างไม่ปราณี เธอสะท้านเฮือกและกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
..
ให้ตายเหอะครับ ก่อนที่ผมจะแบกอรรถพรพ้นประตู เพดานถ้ำด้านบนก็พังครืนลงมาด้วยแรงดิ้นของนางพญาแมงมุมตัวนั้น สิ่งที่ผมทำได้ก็คือถลาเข้าหากำแพงด้านหนึ่ง โดยโยนอรรถพรเข้าไปก่อน แล้วตัวผมก็กระโดดคร่อมเธอเอาไว้
ความสั่นสะเทือนก็เกิดขึ้นอย่างแรง กำแพงด้านหนึ่งพังทะลายลง พร้อม ๆ กับเศษหินก้อนใหญ่เล็กก็ร่วงกราว
พร้อมกันนั้น เจ้าแมงมุมยักษ์ตัวนั้น ก็ล้มโครมลงกับพื้น วัดขาทั้งแปดไปมา สร้างความถล่มทะลายให้เกิดขึ้นไปทั่วบริเวณ ก่อนจะสิ้นฤทธิ์ไปในที่สุด
แล้วฝูงแมงมุมตัวเล็ก ๆ กรูกันเข้าแทะซากนั้นอย่างตะกละตะกราม
กว่าทุกอย่างจะจบสิ้นสงบลงได้ หัวหูผมป่นปี้หมด หินหลายก้อนหล่นลงมากระแทกจนเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งหัว ที่กลางหลังก็โดนไปหลายอึ้ก จุกจนแทบจะขาดใจตายไปตรงนั้น
เดชะบุญแล้วล่ะครับ ที่ผมไม่เป็นอะไรมากไปกว่าหัวปูดเป็นมะนาวสองสามลูก มีลูกหนึ่งมีเลือดซึม ๆ ออกมาเพราะคมหิน และเคล็ดขัดยอกไปทั้งขาและแขน ผมค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้น ความมืดสลัวเพราะไต้หลายดวงดับไปทำให้ผมไม่เห็นว่าอรรถพรเป็นอะไรไปบ้างหรือเปล่า..แต่รู้ว่าเธอยังหายใจอยู่
..
และแล้ว..ผมก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของใครคนหนึ่งดังขึ้น
ผมถลาไปตามเสียงนั้นทันที..
ชายผู้หนึ่งกำลังตะลึงด้วยความตกใจ เขาไม่สวมเสื้อ กางเกงมีเข็มขัดห้อยร่องแร่ง และใต้ร่างของเขาลงไปนั้นเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ที่กำลังส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา
เฮ้ย
ผมร้องได้แค่นั้น ชายคนนั้นก็กระโจนเข้าหาผมราวกับเสือตะปบเหยื่อ
คอของผมถูกมือคู่ที่แข็งราวคีมเหล็กรัดแน่น..ผมตาเหลือก หายใจไม่ออก พยายามดิ้นและใช้สองมือแกะมันออก
แกตาย
.. มันคำรามออกมา
สีหน้าของมันน่าสยดสยองยิ่งนัก ดวงตาแดงก่ำถูกเลิกจนกว้างผิดปกติแทบถลนออกมา ปากแสยะคำรามเสียงฟังไม่ได้ศัพท์ ผมถูกมันยกขึ้นจนขาลอยจากพื้น แล้วมันก็เหวี่ยงผมลงพื้นเต็มแรง
โครม!!
ผมแทบสิ้นสติด้วยความเจ็บปวด มันถลาเข้ามาอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมตั้งสติได้แล้ว พลิกตัวขึ้นแล้ววิ่งจู๊ดไปอีกทางหนึ่งอย่างรวดเร็วจนมันตะปบผิด มันหันขวับมา หันเข้าหาแสงไฟที่ยังหลงเหลืออยู่
ผมเห็นมันเต็มตา ผมไม่เชื่อสายตาตัวเอง
มันเป็น ครูคนที่ใจดี๊ใจดี ของผมคนนั้นนั่นเอง!!!
.
จากคุณ :
ปิ๊วปิ้ว
- [
28 พ.ย. 46 22:26:13
A:202.57.174.4 X:
]