Windows ... หน้าต่าง ...

    ฉันอาศัยอยู่บนชั้นสองของตึกหน้าตาโบราณหลังหนึ่ง
    แม้จะเพิ่งสร้างขึ้นไม่นาน แต่เหมือนกับว่าตึกนี้มีอายุสักห้าถึงหกสิบปี
    รูปลักษณ์ภายนอกไม่สื่อกับระบบและการตกแต่งภายใน
    ระบบรักษาความปลอดภัย อุณหภูมิ แสง และเสียง
    ทุกอย่างควบคุมด้วยเทคโนโลยี และเป็นระบบอัตโนมัติ

    จากหน้าต่างข้าง ๆ ที่นั่งทำงาน ฉันมองเห็นสวนสาธารณะเล็ก ๆ
    ผ่านกิ่งไม้ที่สานกันแน่นของต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกข้างตึก
    ใบเล็กใบน้อยส่ายไหวเมื่อต้องลมแรงของฤดูหนาว
    เสียงเสียดสีดังซ่า ๆ ของกิ่งไม้ใบบาง ผ่านลำโพงที่ติดตั้งภายใน
    ชวนให้หลับตานึกจินตนาการว่าฉันกำลังนั่งอยู่ในป่าทึบ ...

    ฉันชอบคิดว่ากำลังแอบอยู่ในป่า ...
    มองผู้คนที่อยู่ในเมืองนี้โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว
    พวกเขาเดินเล่น นั่งเล่น นอนหลับพักผ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่กลางสวน
    ฉันมองเห็นหญิงชายจูงมือกัน แม่บ้านเข็นรถเข็นเด็กสีหวานผ่านไปผ่านมา
    หญิงสูงอายุถือร่มลายดอกไม้ และเด็กน้อยหิ้วตระกร้าปิคนิก ...

    "เที่ยงแล้ว" เสียงทักนี้เหมือนฉันตั้งเวลาไว้
    ฉันมองไปที่ทางเดินเบื้องล่าง รอยยิ้มสดใสส่งขึ้นมาพร้อมกันเสียงชักชวน
    "ลงมากินข้าวด้วยกันสิ ผมมีข้าวกลางวันมาเผื่อคุณด้วย"
    คนชวนชูกล่องข้าวขึ้นอย่างไม่ขัดเขิน แกว่งไปมาด้วยท่าทางน่าเอ็นดู

    เขาทำงานอยู่ในอาคารฝั่งตรงข้าม
    ห้องทำงานของเขาอยู่ตรงกันพอดีกับห้องพักของฉัน
    สวนเล็ก ๆ ที่กั้นตรงกลางไม่กว้างเกินกว่าที่ฉันจะมองเห็นเขาในระหว่างวัน
    หน้าต่างห้องทำงานของเขาคือกระจกอาคารดี ๆ นี่เอง
    ถ้าเขาไม่ปิดม่าน ฉันก็สามารถมองเห็นทุกส่วนของห้องเขาทีเดียว
    แล้วเขาก็ไม่เคยปิดม่านเสียด้วย

    เขาเป็นคนตัวสูง รูปร่างหนาแบบคนสุขภาพดี
    เขาชอบยืนขึ้นจากเก้าอี้ตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงาน ยืดแขนไปมาซ้ายขวาเพื่อยืดเส้นยืดสาย
    ท่าแบบนั้นดูดี ท่าเดินของเขาก็ดูดี จะว่าไป ทุกท่าทางของเขาก็ดูดีไปหมด
    ฉันชอบมองอากัปกิริยาของเขา
    เขาแต่งตัวดีเสมอ ผมของเขาตัดสั้นและไม่เคยปล่อยจนยาวรุงรัง
    เขาอาจจะชอบพับแขนเสื้อเชิ้ต แต่นั่นก็ทำให้เขายิ่งดูดี

    ใช่ ดูดี ... คำคำนี้เหมาะสมกับเขามาก
    ดูดีจนฉันต้องซูมเข้าไป เพื่อให้เห็นเขาชัด ๆ เสมอ
    เป็นความซุกซนของฉันเอง ฉันแอบดูเขา ด้วยอุปกรณ์ส่องทางไกล
    และนึกไปเองว่าเขาไม่เคยรู้ตัว ที่ไหนได้ ...
    ใครจะคิดว่าเขาจะมองเห็นฉัน ทั้ง ๆ ที่ฉันแอบอยู่หลังพุ่มใบของต้นไม้ใหญ่

    ฉันแอบมอง เขาคุยโทรศัพท์ มีคนโทรมาหาเขาแทบทั้งวัน
    เขามีอุปกรณ์ทันสมัยมากมายบนโต๊ะนั้น ฉันดูเขากดนั่นกดนี่แทบทั้งวัน
    บางทีเขาก็ยิ้ม บางทีเขาก็นิ่ง แต่เขาไม่เคยมีสีหน้าโกรธเลย
    และฉันชอบตอนที่เขายิ้มที่สุด ...
    เพราะเขาจะดูเหมือนคนอายุน้อยและไม่ต่างจากฉันมากนัก
    แต่ตอนที่เขามีสีหน้าเคร่งขรึม เขาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ น่าเชื่อถือดี

    เขาชอบมองมาที่สวน เขาชอบยิ้มเวลาที่เห็นเด็ก ๆ เล่นที่สนามทราย
    สายตาของเขากดลงต่ำ มองลงไปยังสระน้ำเล็ก ๆ ที่ชายหนุ่มหญิงสาวพูดคุยกัน
    รอยยิ้มของเขาหายไป ใบหน้านิ่งสงบ
    สักพักที่รอยแย้มปรากฏขึ้น ... ฉันแปลกใจ ว่าเขายิ้มอะไร
    เมื่อมองตามสายตาเขา ฉันกลับพบว่าเหมือนกับมีเส้นทางที่พุ่งตรงมา
    หัวใจฉันไหววูบ จนต้องละสายตา ... จนต้องปิดม่านยืนแอบข้างหน้าต่างของตัวเอง
    เมื่อครู่นี้เขามองตรงมา !

    กลางวันวันต่อมา เขามาที่สวน
    เขานั่งรับประทานอาหารกล่องตามลำพัง
    ฉันแอบข้าง ๆ บานหน้าต่าง ไม่กล้ามองให้ชัดเจน
    ทำไมจำเพาะจะต้องมานั่งที่ใต้หน้าต่างของฉันด้วย น่าสงสัย ...
    จากวันนั้นก็กลายเป็นทุก ๆ กลางวัน เขาจะมานั่งรับประทานอาหารที่เดิม ...

    "ข้างนอกอากาศดีนะครับ"
    เสียงจากในสวนผ่านลำโพงเข้ามาในวันหนึ่ง
    ฉันได้ยินไม่ถนัด และไม่ได้ตั้งใจฟังในตอนแรก
    ฉันไม่รู้ว่านั่นเป็นเสียงเขาด้วย
    "แพ้แดด ... แพ้เกสรดอกไม้ หรือกลัวร้อนครับ"
    เสียงทุ้ม ๆ ที่แฝงความร่าเริงทำให้ฉันเดินเข้าไปที่หน้าต่าง
    ฉันเห็นเขาเลือนลางผ่านม่านที่ยังปิดอยู่
    "ไม่เคยเห็นคุณลงมาที่สวนเลย"
    ใช่ ฉันไม่เคยเขาไปที่สวนนั้นเลยจริง ๆ
    "ผมเหงาจัง กินข้าวคนเดียวทุกวัน"
    ฉันค่อย ๆ แง้มผ้าม่าน เห็นเขาชัดเจนกว่าทุกครั้ง เขาเงยหน้ายิ้มอยู่
    "ไม่มีเพื่อนที่ทำงานหรือ?" ฉันถามเขา
    "ไม่มีครับ มีแต่ลูกน้องที่เป็นพนักงาน เขาไม่คบผมเป็นเพื่อนสักคน"

    ฉันไม่เคยถาม ว่าเขารู้หรือไม่ว่าฉันเคยแอบมองเขา ฉันรู้ว่าเป็นเรื่องเสียมารยาทมาก
    แต่สำหรับฉัน การที่เขามีอัธยาศัยและคุยกับฉันดี  ๆ ก็แปลว่าเขาคงไม่ถือสา
    และการที่เขาเข้ามาใกล้ และทักทายฉัน ก็คงหมายความว่าเขาเองก็สนใจฉันเช่นกัน
    ฉันไม่คิดว่ากำลังเข้าข้างตัวเองหรอกนะ
    แต่ก็ไม่เคยเลยที่ฉันจะรับคำเชิญ และลงไปรับประทานอาหารกับเขาสักครั้ง

    สำหรับฉันการได้มองเห็นเขาทุกวัน
    การได้ฟังเขาทักทายสักวันละสองสามประโยค
    เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ฉันต้องการแค่นั้นเอง ...
    เพราะถึงอย่างไร ฉันก็ไม่สามารถได้อะไรที่มากไปกว่านั้นอยู่แล้ว

    ฉันกดที่ปุ่มปิด ...
    แล้วสวนสาธารณะ ก็หายไปจากหน้าต่าง
    ทุกอย่างหายไปหมด ... รวมทั้งเขาด้วย

    แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 46 23:51:27

     
     

    จากคุณ : ninaM - [ 30 พ.ย. 46 22:43:17 ]