เกาะแก้วสนธยา ตอนที่2


    เกาะแก้วสนธยา  
    ตอนที่ 2...


               ภัณฑิลาจำเป็นต้องยุติการมีปากเสียงกับสามีลงชั่วขณะ เมื่อสายตาของหล่อนบังเอิญเหลือบไปเห็นลูกชายทั้งสองคน ด.ช.ป๋องกับ ด.ช.แป๋ง แง้มประตูห้องมาแอบยืนเมียงมองอยู่ด้วยอาการที่ดูหน้าตื่นๆ
               หล่อนไม่ต้องการให้ลูกๆ มาเห็นพ่อแม่ทะเลาะกัน เพราะเข้าใจดีว่าพวกเด็กๆ จะมีความรู้สึกเช่นไร
               หญิงสาวก้าวเข้าไปหาลูก ควบคุมอารมณ์ปรับสีหน้าให้เป็นปรกติ
               "มีอะไรหรือ ป๋อง แป๋ง?"
               "น้า...น้าชาญมาถึงแล้วครับ คุณแม่"
               ลูกชายคนโตรายงานเสียงอ้อมแอ้ม แกยังดูหน้าตาตื่นๆ ที่มาเจอพ่อกับแม่กำลังมีปากเสียงกันอยู่พอดี ภัณฑิลาจึงเอามือลูบที่ศีรษะของแกเบาๆ
               "แม่จัดกระเป๋าเสร็จพอดี บอกน้าชาญว่าเดี๋ยวแม่จะลงไปหา แล้วช่วยเรียกป้ารื่นให้ขึ้นมายกกระเป๋าเสื้อผ้าลงไปด้วยนะ"
               "ครับ คุณแม่"
               ลูกชายทั้งสองคนพยักหน้ารับคำ จูงมือกันวิ่งลงบันไดไปที่ชั้นล่าง ภัณฑิลายืนมองตามหลังไปสักครู่หนึ่ง แล้วหันหน้ามองไปทางสามี
               "คุณพร้อมจะหย่าเมื่อไหร่ โทร.ไปบอกฉันที่สัตหีบได้เลย"

    **********

               คมชาญช่วยป้ารื่นสาวใช้วัยกลางคนยกกระเป๋าเสื้อผ้าของภัณฑิลาและลูกๆ เข้าไปเก็บใส่ไว้ที่ท้ายรถตู้สีขาวซึ่งมีตราสมอเรือและข้อความว่า ' ฐานทัพเรือสัตหีบ ' เขียนติดอยู่ที่ข้างตัวรถ จากนั้นจึงมานั่งรอพี่สาวกับพวกหลานๆ อยู่ที่ชุดม้าหินขัดตรงหน้าบ้าน
               เขาเป็นน้องชายของภัณฑิลา และมีสายเลือดพ่อที่แรงกล้า จบจากโรงเรียนนายเรือและรับราชการอยู่ที่ฐานทัพเรือสัตหีบ ประจำหน่วยฝึกกองกำลังพลยศนาวาตรี เป็นนายทหารเรือหนุ่มโสดหล่อที่มีหุ่นเท่ห์สมาร์ทล่ำบึก เป็นต้องใจบรรดาพวกสาวๆ อยู่มิใช่น้อย
               แต่เพราะได้เห็นพี่สาวกับพี่เขย มักจะมีปากเสียงทะเลาะกันเป็นตัวอย่างอยู่เนืองๆ คมชาญเลยยังไม่อยากคิดที่จะแต่งงานมีครอบครัว กลัวจะเป็นแบบเดียวกันกับครอบครัวของพี่สาว
               หลังจากที่ภัณฑิลาโทรศัพท์ไปบอกบิดาที่บ้านว่าให้เอารถมารับหล่อนกับลูกๆ และทราบว่าพี่สาวมีปัญหากับพี่เขยอีกแล้ว เขาจึงขออาสาเป็นคนขับรถมารับเอง  
               รออยู่ครู่หนึ่ง ภัณฑิลาก็จูงมือตาป๋องกับตาแป๋งออกจากประตูบ้านเดินตรงมาที่รถตู้ และมีป้ารื่นตามมาส่งด้วยใบหน้าที่ดูซึมเศร้าหงอยๆ
               "คุณนายจะกลับมาวันไหนหรือคะ?"
               ป้ารื่นถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง เพราะอีกแค่เดือนกว่าๆ เท่านั้น โรงเรียนที่ตาป๋องกับตาแป๋งเรียนอยู่ก็จะเปิดเทอมกันแล้ว
               ภัณฑิลาก้าวขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งแถวหน้าสุดของรถตู้ก่อนจะเหลียวหน้ามามองป้ารื่น
               "ฉันคงจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้วล่ะนะป้ารื่น"
               "แล้วคุณหนูๆ ล่ะคะ? นี่มันก็ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว"
               "ฉันจะมาทำเรื่องขอย้ายให้ไปเรียนต่อที่สัตหีบ ระหว่างนี้ต้องขอฝากป้ารื่นช่วยดูแลบ้านให้ด้วยนะคะ"
               "โถ...คุณนาย! นี่คิดจะไปเลยจริงๆ หรือคะ?"
               น้ำเสียงของป้ารื่นเริ่มสั่นเครือ เพราะแกได้อยู่รับใช้บ้านนี้มาเนิ่นนานเต็มทีแล้ว จึงมีความผูกพันธ์กันที่แนบแน่นลึกซึ้ง ทำให้แกสะเทือนใจมากที่ครอบครัวนี้จะต้องมาแตกแยกกันจริงๆ
               "มันไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ ฉันทนอยู่กับนายผู้ชายยอดกระล่อนของป้ารื่นต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว...ลาก่อนนะคะป้ารื่น"
               หล่อนตัดใจดึงประตูรถตู้ให้เลื่อนปิดลง แล้วหันไปทางน้องชายซึ่งเข้ามานั่งประจำที่คนขับรถเรียบร้อยแล้ว "ออกรถได้เลย ชาญ"
               "ครับ พี่"
               คมชาญสตาร์ทเครื่องและเข้าเกียร์หนึ่ง เตรียมตัวที่จะออกรถตามคำสั่งของพี่สาว แต่ก่อนที่เขาจะถอนคลัทช์บังคับรถให้เคลื่อนออกไป ชยพัทธ์ก็วิ่งพรวดพราดออกจากบ้านมายืนกางมือกางไม้ขวางอยู่ตรงหน้ารถตู้
               "เดี๋ยวๆ...หยุดก่อนๆ!"
               "มีอะไรหรือครับพี่พัทธ์?"
               คมชาญปลดเกียร์ว่าง แล้วเลื่อนกระจกหน้าต่างรถลงชะโงกหน้าออกมาถาม แต่ชยพัทธ์ไม่ตอบ เขาวิ่งไปเลื่อนประตูรถตู้ให้เปิดออกมองหน้าภรรยา
               "ภัณฑิลา...คุณอย่าไปเลยนะครับ"
               "ไม่...ฉันจะไป!"
               หญิงสาวพูดเสียงสะบัดด้วยยังไม่หายขุ่นเคือง
               "ใจคอคุณกับลูกๆ จะทิ้งผมไปจริงๆ น่ะหรือ?"
               "ในเมื่อฉันไม่ได้มีความหมายอะไรสำหรับคุณอีกแล้ว ฉันก็ไม่อยากจะอยู่ที่นี่อีกต่อไป"
               "มีซิครับ...คุณกับลูกมีความหมายสำหรับผมมาก มากกว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้"
               ชยพัทธ์ลงทุนนั่งคุกเข่าลงตรงขอบประตูรถตู้ อ้อนวอนภรรยา "อย่าไปเลยนะครับภัณ ผมขอร้องล่ะ...มีอะไรเราค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันได้นี่นา"
               ภัณฑิลาเงยหน้ามองไปทางอื่นเก็บซ่อนความขมขื่นใจ
               "ป่วยการที่เราจะมาพูดกันอีก ที่ผ่านๆ มาก็เห็นกันอยู่แล้วว่า คุณไม่เคยรักษาคำพูดของคุณเลย ยังชอบที่จะสนุกอยู่กับการเที่ยวป้อตามจีบพวกสาวๆ ไม่มีซ้ำหน้า  แล้วมาพูดได้ยังไงกันว่าฉันกับลูกมีความหมายสำหรับคุณ?"
               "เอาล่ะ...ผมยอมรับว่าผมผิด ยกโทษให้ผมอีกสักครั้งเถอะนะภัณ"
               "พูดง่ายจังนะ...มันสายเกินไปเสียแล้วล่ะคะพัทธ์ คุณพูดแบบนี้มาตั้งกี่ครั้งกี่หนแล้ว แต่ก็ยังทิ้งนิสัยเดิมๆ ไม่ได้ซักที มันไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ"
               หล่อนกระชากประตูรถตู้ปิด ทำให้ชนพัทธ์ต้องรีบกระโดดถอยหลบออกไป ก่อนที่จะโดนประตูรถหนีบเอา "ออกรถได้เลยชาญ ไม่ต้องไปสนใจอีกแล้ว"
               "ครับ พี่"
               เมื่อมันเป็นคำสั่งของพี่สาว คมชาญจึงไม่กล้าอิดเอื้อนอีก เขาขับรถตู้เลี้ยวออกจากประตูรั้วบ้านไป ทิ้งให้ชนพัทธ์ยืนมองตามคอตกอยู่ตรงนั้นเอง
               ป้ารื่นเดินเข้ามาหา มองดูชายหนุ่มด้วยสายตาที่นึกสมเพชเวทนา
               "คุณคะ?"
               "มีอะไรครับป้า?"
               "ท่านนายพลโทร.มาจากสัตหีบ สั่งอีฉันให้บอกคุณว่าท่านต้องการพบคุณ ให้คุณรีบเดินทางไปหาในทันทีเลยน่ะค่ะ"
               "แล้วทำไมป้าเพิ่งจะมาบอกผมล่ะ?"
               "ท่านสั่งกำชับไว้ว่าอย่าให้คุณหนูรู้น่ะซีคะ อีฉันจึงเพิ่งจะมีโอกาสได้เรียนให้คุณทราบนี่แหละค่ะ"

    **********

               "คุณตาครับ...คุณตา!"
               ทันทีที่รถตู้จอดสนิทลงตรงหน้าเรือนพักผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ด.ช.ชัชนันท์กับ ด.ช.ชัชพล ต่างก็รีบวิ่งกรูลงจากรถตู้ตรงไปหา พลเรือเอก กมล ไกรสมุทร อย่างตื่นเต้นดีใจ
               "โอ้!...ป๋องแป๋ง หลานตา!"
               ท่านนายพลอ้าแขนออกโอบกอดหลานชายไว้ข้างละคน แล้วอุ้มขึ้นมาหอมแก้มฟอดๆ หัวเราะร่วนอย่างมีอารมณ์ดี
               ท่านเป็นบิดาของภัณฑิลา กับ คมชาญ และเป็นผู้บัญชาการฐานทัพเรือแห่งนี้ ในวัยห้าสิบปลายๆ ใกล้ที่จะเกษียณอายุราชการ แต่ท่านนายพลก็ยังดูร่างกายบึกบึนแข็งแกร่งอ่อนกว่าวัย แม้ว่าผิวจะค่อนข้างคล้ำเพราะแดดลมทะเล แต่ยังมีความสง่าผ่าเผยดูภูมิฐาน สมกับที่เป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่
               คุณหญิงกันยาออกมาจากบ้านพัก และยิ้มให้กับภัณฑิลาซึ่งกำลังเดินตามหลังน้องชายตรงมาหา
               "เดินทางเหนื่อยไหมลูก?"
               "ไม่เหนื่อยหรอกค่ะคุณแม่ ตั้งแต่มีทางหลวงตัดใหม่มาสัตหีบใช้เวลาแค่ชั่วโมงกว่าๆ เอง คุณแม่สบายดีหรือคะ?"
               "จ้ะ,แม่สบายดี...แล้วลูกล่ะจ๊ะ ภัณฑิลา?"
               "มันมีแต่เรื่องที่ชวนให้ปวดหัวไม่สบายใจน่ะค่ะคุณแม่ ทำยังไงคุณพัทธ์ก็ไม่ยอมละทิ้งนิสัยชอบเจ้าชู้เสียที"
               พอภัณฑิลาเริ่มบ่นคุณหญิงกันยาก็เอามือแตะที่ริมฝีปากของบุตรสาว เป็นเชิงห้ามปรามเอาไว้
               "ลูกเพิ่งจะมาถึงเหนื่อยๆ อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลย พักผ่อนหาน้ำหาท่ากินให้สบายอกสบายใจก่อนจะดีกว่า"
               ท่านนายพลกมลปล่อยหลานลงยืนที่พื้น พยักหน้าหงึกเห็นด้วยอย่างยิ่ง
               "จริงด้วยนะภัณฑิลา พ่อกำลังมีโปรแกรมจะพาลูกกับพวกหลานๆ แล่นเรือท่องเที่ยวไปให้ถึงสิงคโปร์กันเลยเชียวล่ะนะ จะบอกให้"
               "คุณพ่อจะเอาเรือที่ไหนไปคะ? หนูไม่ขึ้นหรอกนะคะเรือรบ มันเอิกเกริกเกินเหตุ"
               "เป็นเรือยอชท์น่ะครับพี่"
               คมชาญอธิบายให้พี่สาวฟัง "ชื่อเรือนางนวล เพื่อนของคุณพ่อเพิ่งขายต่อให้มา"
               พอได้ยินว่ามีเรือยอชท์ พวกเด็กๆ ต่างพากันหูผึ่งด้วยความตื่นเต้น
               "อู้หู!...คุณตามีเรือยอชท์ด้วยเหรอครับ?"
               สองพี่น้องรีบแย่งกันถาม ท่านนายพลจึงพยักหน้าหงึกด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม
               "มีซี่"
               "ไหนครับคุณตา เรือยอชท์อยู่ที่ไหน?" เด็กชายป๋องเหลียวมองไปรอบๆ
               "โน่นยังไงล่ะ"
               พลเรือเอกกมล ไกรสมุทร ชี้มือให้หลานชายทั้งสองดูเรือยอชท์สีขาว ที่จอดเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงท่าเทียบเรือข้างสโมสรนายทหาร
               มันเป็นเรือสำราญขนาดสิบสี่เมตร ที่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายอย่างครบครัน พร้อมด้วยอุปกรณ์การเดินเรือที่ทันสมัยมาก สามารถใช้เดินทางข้ามมหาสมุทรได้ในทัศนะวิสัยที่ท้องทะเลมีคลื่นลมเป็นปรกติหรือไม่รุนแรงมากนัก
               ภัณฑิลาชักเริ่มสนใจเรือนางนวลขึ้นมา
               "คุณพ่อซื้อเรือลำนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่?"
               "เมื่ออาทิตย์ก่อนนี้เอง คุณทรงยศขายต่อให้พ่อมาในราคากันเองเป็นพิเศษ"
               "ดีจัง...แล้วจะออกเดินทางกันเมื่อไหร่คะ?"
               "บ่ายนี้เลยแหละดีมั้ย? ขอเวลาพ่อไปเคลียร์งานให้เรียบร้อยก่อนซักแป๊บนึง"
               "โอโห!...อะไรจะรวดเร็วขนาดนั้น?"
               หล่อนตกใจเล็กน้อย เพราะไม่ได้นึกคิดว่าจะมีรายการนี้เกิดขึ้นมาอย่างปุบปับกระทันหัน
               "บังเอิญช่วงนี้พ่อกำลังว่างพอดีน่ะลูก เลยไม่อยากโอ้เอ้ให้เสียเวลา"
               ท่านนายพลหันไปสั่งพวกพลทหารรับใช้ ให้ช่วยกันขนกระเป๋าเสื้อผ้าของบุตรสาวและหลานๆ เอาไปเก็บไว้บนเรือนางนวล
               ขณะที่พวกพลทหารทั้งสามนาย กำลังขนกระเป๋าเสื้อผ้าสัมภาระออกมาจากท้ายรถตู้ ตามคำสั่งของท่านผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ชยพัทธ์ก็ขับรถแล่นเข้ามาจอดลงใกล้ๆ กับรถตู้
               ภัณฑิลาเห็นปุ๊บจำได้ทันทีว่าเป็นรถเบนซ์ของสามี หล่อนเดินปราดเข้าไปหาด้วยสีหน้าที่แสดงความไม่พอใจ
               "คุณจะเอายังไง คุณพัทธ์?"
               "ไม่เอายังไงทั้งนั้นแหละครับ"
               "อย่ามาพูดเล่นลิ้นกับฉันนะ ใครเขาใช้ให้คุณตามฉันมาที่นี่?"
               "เปล่านี่...ผมไม่ได้ตามคุณมาเลยซักหน่อย"
               ชยพัทธ์พูดอย่างหน้าตาเฉย ยิ่งทำให้หญิงสาวอารมณ์เสียหนักขึ้น ท่านนายพลกมลเห็นท่าไม่ดีจึงต้องรีบเข้ามาหย่าศึกเสียก่อน
               "พ่อเป็นคนเชิญชยพัทธ์เขามาเองแหละนะลูก"
               "คุณพ่อ!?"
               ภัณฑิลาย่นหัวคิวจ้องมองหน้าบิดาแสดงความกังขา "คุณพ่อไปเชิญเขามาทำไมกันคะ?"
               "ชยพัทธ์เขาตกปลาเก่ง พอเลยอยากชวนให้ไปแล่นเรือตกปลากับพ่อน่ะ"
               "แต่คุณพ่อก็รู้นี่คะ ว่าหนูกำลังจะขอหย่าขาดกับเขา"
               "เออ...พ่อรู้แล้วน่า แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ได้หย่าขาดจากกัน ชยพัทธ์เขาก็เลยยังเป็นลูกเขยของพ่ออยู่ อย่างงั้นไม่ใช่หรอกหรือยัยภัณ?"
               หญิงสาวชักนึกเอะใจสงสัยว่า ผู้เป็นบิดาต้องมีแผนการอะไรสักอย่างแน่นอนเลย

    แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 46 19:21:24

    จากคุณ : ตาบูลย์ - [ 1 ธ.ค. 46 19:13:12 ]