เมื่อไรจะกลับ?
นั่นเป็นเสียงสุดท้าย..ที่ผมได้ยินจากปากของเธอ
เธอถามขึ้น ในนาทีสุดท้ายที่เราต้องจากกัน
เธอทำตาแดง
ผมเองก็ตื้นตันเกินกว่าจะพูดอะไรออกได้
เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้..
นั่นเป็นคำตอบสุดท้ายของผมเช่นกัน
..
จากวันนั้นถึงวันนี้ สองปีกว่า..
ระยะเวลาและระยะทาง ยิ่งทำให้เราห่างกันมากยิ่งขึ้น
แม้บางครั้งเราจะถามไถ่ข่าวคราวซึ่งกันและกัน แต่ยิ่งถาม
ก็ยิ่งเหินห่าง
เป็นความเหินห่างที่ค่อย ๆ ทวีขึ้นทุกขณะ ตามเข็มวินาทีที่
เคลื่อนไป
..
ผมเรียนจนจบ คว้าปริญญามาได้ตามความใฝ่ฝัน
นั่นก็หมายความว่าในเวลาเดียวกันนั้นผมก็ได้สูญเสีย
บางอย่างของชีวิตไป
แต่แปลก ที่ในขณะนั้นผมไม่ได้รู้สึกอะไรมากไปกว่าความ
เสียใจซึ่งเป็นอยู่แค่สองสามอาทิตย์
สองสามอาทิตย์หลังจากที่ผมรู้ว่าเธอมีคนใหม่ไปแล้ว
แทนที่จะรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว กินไม่ได้นอนไม่หลับ กลับกลายเป็นความรู้สึกผิดหวัง และต่อว่าโชคชะตาชีวิตไปพัก
หนึ่ง
แล้วผมก็กลับเป็นคน ๆ เดิม
คน ๆ เดิมที่มีปริญญาโทจากต่างประเทศอยู่ในมือ
การเข้าทำงานในบริษัทใหญ่โตของประเทศไทยคงไม่ใช่
เรื่องยาก การเป็นผู้บริหารหนุ่มหน้าใสก็ไม่ใช่เรื่องยาก
แล้วจะยากอะไรกับการจะเลือกผู้หญิงดี ๆ สักคนร่วมชีวิต
ผมใช้เวลาไปอีกปีหนึ่งเต็ม ๆ สำหรับการสรรหาที่ทำงานที่
มั่นคง และมีช่องทางการเติบโตของอนาคต
รายได้ของผมดีพอที่จะซื้อบ้านหลังไม่เล็กนัก และรถยนต์
ยุโรปราคากลาง ๆ ได้คันหนึ่ง
เมื่องานการมั่นคง ชีวิตมั่นคง ผมก็เริ่มมองหาเพื่อนคู่ใจ
ซึ่งมีเข้ามาอยู่ตลอดเวลามิได้ขาด
แต่ก็แปลก จากวันนั้นถึงวันนี้ เกือบสี่ห้าปีที่เธอเดินไปจาก
ชีวิตของผม ผมกลับไม่พบใคร
ที่ทำให้ผมรักได้เท่าเธอ
..
กระนั้นก็ตาม ชีวิตของผมก็ถือว่าเดินไปอย่างราบเรียบ
แม้จะยังไม่ได้แต่งงาน แต่ก็ถือว่าใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
ไปได้วัน ๆ หนึ่ง
แต่แล้ว..เมื่อวันหนึ่งเธอโทร.หาผม
ชีวิตของผมก็ไม่ราบเรียบเช่นเดิม
.
ไง..สบายดี?
สบายดี..แล้วคุณล่ะ?
ก็งั้น ๆ ..
มีลูกกี่คนแล้ว?
ยัง..กับคนนั้นเลิกกันไปนานแล้ว..
อ้าว..ไม่ได้แต่งงานกันหรอกเหรอ..?
เปล่า..คบกันได้ไม่ถึงปี ก็ต่างคนต่างไป..
เกิดอะไรขึ้น?
ช่างมันเถอะ..
แล้วหลังจากนั้น?
อะไร?
ชีวิตของคุณคงมีใครเข้ามาอีก..
ใช่..แม้ตอนนี้ก็มี..
แล้วเป็นไง?
ก็ดี..
แต่ฟังแล้วดูเหมือนไม่ค่อยดี.. ผมรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ ว่า
แต่ว่า..ที่โทร.มานี่มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า บอกได้นะ
เปล่า..แต่ถ้าว่าง เราน่าจะเจอกันหน่อยนะ..
ได้..
งั้นที่เดิมนะ..ฉันจะไปถึงประมาณสามทุ่ม..วันนี้..แล้วเจอ
กัน..
ได้..
ผมวางหูไปด้วยหัวใจที่ประท้วงเต็มที่
มันสั่น มันหาย มันวุ่นวาย มันสับสน
และมันก็แอบยินดี
..
สถานที่นั้นของเราเป็นที่ไม่ค่อยอึกทึก
เราสองคนมีรสนิยมในเรื่องนี้ที่ตรงกัน
แม้เวลาจะผ่านไปถึงห้าหกปี สถานที่นี้ก็ยังคงทน และยังคง
รักษาบรรยากาศเดิมไว้ได้
กระจกแผ่นใหญ่ที่กั้นอาณาเขตของร้าน ยังคงปล่อยให้น้ำ
ใส ๆ ไหลผ่านอยู่ตลอดเวลา
ต้นเฟิร์นและไม้น้ำบางชนิดถูกเปลี่ยนให้ดูสดใหม่และ
แปลกตาไปบ้าง
ชั้นหินก้อนเหล็ก ๆ ที่จำลองน้ำตกจริงมาอย่างสวยงาม คง
จะถูกเปลี่ยนไปบ้างแล้วเช่นกัน หากมันยังคงทำให้ผม
เพลิดเพลินทุกครั้ง ที่ได้มองมัน พร้อมกับจิบเครื่องดื่มบาง ๆ
อะคลูสติกกีตาร์จากนักดนตรีหนุ่มอารมณ์ดี บรรเลงนุ่มขึ้น
จากปลายนิ้วที่คล่องแคล่ว
เธอนั่งรอผมอยู่แล้วเมื่อผมไปถึง
เธอ..ผู้ที่เคยเป็นที่รักของผม..เธอคนนั้นจริง ๆ
.
ในเสื้อผ้าบางเบาสีเข้มเกือบดำ เธอดูสง่าในชุดที่เรียบง่าย
หากงดงาม
ริมฝีปากทาด้วยลิปสีเนียน ขับเน้นวงหน้าที่ขาวคม และดวง
ตาที่หวานซึ้ง
คอระหงษ์ที่มักจะถูกเปิดด้วยผมที่ซอยสั้น แต่ตอนนี้มัน
ถูกระไว้ด้วยปอยผมที่เลี้อยมาคลุมจนปรกบ่า
เธอยังคงสวยเย็น อ่อนหวาน หากวันนี้เธอยังมีความลึกลับ
แฝงอยู่ด้วย
อาจจะเป็นเพราะผมไม่รู้ว่า เธอได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วแค่
ไหน และเธอได้ผ่านอะไรมาบ้างแล้ว
เธอจึงดูลึกลับสำหรับผม
.
เธอยังดูดีเหมือนเดิม..
ขอบคุณ..คุณเองก็เช่นกัน สวยกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ..
เธอหัวเราะเบา ๆ เมื่อก่อนเธอไม่เคยเรียกฉันว่าคุณไม่ใช่
หรือ?
นั่นสิ.. ผมหัวเราะบ้าง แต่ถ้าจะให้เรียกอย่างเดิม มันคง
จะแปร่งปากแปร่งหูอยู่เหมือนกัน..
แต่ฉันอยากฟังนะ..
รัตน์ ตัวเองเป็นไงบ้าง?..ผมใช้เสียงเดิมและความรู้สึก
เดิมที่เคยใช้กับเธอ
เธอยิ้มรับ ผมสังเกตเห็นรอยเงาวับผ่านดวงตาของเธอแวบหนึ่ง
จริงสินะ เราสองคนมักใช้คำว่า ตัวเอง เรียกแทนกันเสมอ
ใครมาฟังคงหมั่นไส้พิกล..
แต่ฉันว่าดีนะ..มันได้ความรู้สึกดี..
ใช่..
..
เราสองคนเงียบไปพักใหญ่ ผมเหม่อมองสายน้ำที่ไหลริน
จากน้ำตกจำลอง ส่วนเธอมองนิ่งไปยังนักดนตรีเหมือนจะ
ดื่มด่ำกับเสียงเพลง
แต่จริง ๆ แล้วเธอกำลังคิดอะไรอยู่นั้น ผมสุดรู้ได้
ความห่างเหินมันกำลังทำงานอีกครั้ง ผมรู้สึกเหมือนเก้าอี้ที่
ผมนั่งจะถูกดันด้วยพลังไร้สภาพชนิดหนึ่ง ให้ห่างเธอออก
ไปตลอดเวลา
รัตน์.. ในที่สุดผมก็เริ่มขึ้น อย่างน้อยผมก็น่าจะรู้ถึงวัตถุ
ประสงค์ของเธอได้แล้ว ว่าเธอยากพบผมทำไม
คุณ..เอ่อ..ตัวเองเป็นอะไรหรือเปล่า?
เธอยิ้มเยือน
เรียกตามสะดวกเถอะค่ะ..เพราะถึงอย่างไร เราก็ไม่
เหมือนเดิมกันอยู่แล้ว..
ผมได้แต่ยิ้ม จิบเครื่องดื่มเพื่อรอคำตอบ
ฉันไม่ได้เป็นอะไร เพียงแต่อยากจะพบ และขอคุยอะไร
บางอย่างที่มันติดค้างอยู่ ฉันจะได้เป็นอิสระจริง ๆ ซักที
ประโยคสุดท้ายทำให้ผมใจหาย..ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลย
ว่า ผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอไม่มีอิสระในชีวิต
เธอโบกมือปฏิเสธ เมื่อเห็นใบหน้าอันตกใจของผม
เปล่า..ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น คือ..มันอาจจะเป็น
ความรู้สึกส่วนตัวของฉันเอง ที่ฉันรู้สึกได้ ตั้งแต่วันที่เรา
ตกลงกันวันนั้น..
ผมยังไม่เข้าใจ
ก็วันนั้น เราคุยกันด้วยดี เราสองคนไม่ได้โกรธกัน คุณก็รู้
ดีไม่ใช่หรือ? ผมย้อนถาม ผมยังจำคำพูดและอารมณ์ของ
การคุยกันทางโทรศัพท์วันนั้นได้ดี
เราสองคนคุยกันอย่างผู้ใหญ่
เราสองคนใช้ถ้อยคำที่เรียบง่าย และความรู้สึกของการ
ยอมรับความจริง
ผมนั้นเสียใจ และเธอเองก็บอกว่าเธอเสียใจ
และที่เราต้องมาเสียใจ เพราะเราเข้าใจความต้องการของ
กันและกันเป็นอย่างดี
.
เธอพยักหน้า
ใช่..เราเคลียร์กันอย่างชัดเจนที่สุดแล้ว..
เธอบอกเสียงเบา ๆ แล้วหันไปกระดิกนิ้วเรียกพนักงาน สั่ง
อะไรไปสองสามคำ
เราอย่าเพิ่งคุยกันเรื่องนี้ดีกว่า..ตอนนี้ขอฉันดื่มอะไรก่อน
และเพลงนี้ฉันก็ชอบเหลือเกิน..
เสียงเพลงแผ่วพลิ้วเข้าสอดแทรกระหว่างเราอีกครั้ง
มันเป็นเพลงที่กร่อนอารมณ์ของคนฟัง โดยหลอกให้เดิน
ตามท่วงทำนองอันอ่อนหวาน แล้วหักด้วยบันไดโน๊ตที่กรีดใจ
มันเป็นเพลงที่เราสองคนเคยร่วมร้องด้วยกันเมื่อสมัยเรา
เรียนอยู่ปีสุดท้ายในมหาวิทยาลัย
ดุจใบไม้แรกผลิสีอ่อนหวาน..ประดับก้านกิ่งโศก
แปรเปลี่ยนโลกทั้งโลก..ให้สดใส..
หากรอวันเติบกล้าเข้มเต็มใบ..
แล้วร่วงหล่นเรียงรายเหมือนแล้วมา..
เธอดื่มไวน์แดงรวดเดียวหมดแก้ว..ผมจิบเครื่องดื่มตัวเองบ้าง..
อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ไวน์ ผมเห็นดวงตาของเธอสั่นระริก
ทุกครั้งเมื่อกีตาร์กรีดกังวาน
เพลงนี้เพราะนะ..
มันเพราะเกินไป.. ผมบอกตามความรู้สึก
มันเป็นความจริงจนเกินไป..
.
เพลงเปลี่ยนเป็นจังหวะเร็วขึ้น นั่นล่ะกระมังที่ทำให้เราทั้ง
สองหลุดจากวังวนแต่หนหลังออกมาได้
เธอยิ้มให้ผมอีกครั้ง เธอมักจะใช้รอยยิ้มแทนคำพูดเสมอ
เบื่อหรือเปล่าคะ?
ผมส่ายหน้า..
คุณต่างหากที่ควรจะตอบผม อะไรที่ทำให้คุณชวนผมมา
ในวันนี้? ผมยิงคำถามอย่างตรงจุด
ก็ไม่มีอะไร..ฉันแค่จะแต่งงาน ก็เลยอยากจะบอกให้รู้ แค่นั้น..
แปลกที่ผมไม่รู้สึกอะไร
งั้นผมก็ยินดีด้วย อยากเห็นหน้าเจ้าบ่าวผู้โชคดีคนนั้นจังเลย..
ได้..วันหลังฉันจะแนะนำให้รู้จัก..
แล้วเธอก็เงียบไป ยกแก้วขึ้นดื่มบ่อยขึ้น
คุณยังไม่ได้เคลียร์อะไรที่ค้างคาใจคุณอยู่นะ อย่าลืม..
ไม่มีอะไรหรอก ฉันพูดไปอย่างงั้นเอง ฉันแค่เห็นคุณ
สบายดี ฉันก็ดีใจ..
ทำไมคุณถึงคิดว่าผมไม่สบาย..
เธอส่ายหน้าบ้าง
ฉันบอกแล้วไง แค่ฉันเห็นคุณสบายดีฉันก็สบายใจ..
สบายใจเรื่องอะไร?
ทุกเรื่อง
แม้แต่เรื่องแต่งงาน?
ใช่..
ถ้าคุณไม่ได้พบผม คุณจะแต่งงานไปโดยไม่สบายใจ?..
เธอหัวเราะ
คุณจะคิดอย่างนั้นก็ได้ น่าอายนะ สำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่
ยังคงรอความหวังลม ๆ แล้ง ๆ จากผู้ชายคนหนึ่งที่ได้ตกลงเลิกกันไปแล้ว..
เธอยกแก้วขึ้นดื่มอีก ผมคว้าคอมือเธอไว้ได้
คุณเมาแล้ว..
เธอส่ายหน้าจนผมกระจาย
ไม่ต้องห่วง แค่นี้ฉันสบายมาก..
หมายความว่าคุณเมาทุกวัน หรือไม่ก็เมาบ่อย ๆ อย่างงั้นสิ?
ไม่ขนาดนั้น อย่างไรฉันก็ยังมีความคิดความอ่านที่ดี ๆ อยู่
บ้าง เพราะงั้นนั่นแหละ ฉันจึงคิดจะแต่งงาน
คุณกำลังทำให้ผมไม่สบายใจ เราควรจะคุยกันให้ละเอียด
กว่านี้..
ได้..งั้นเริ่มเลย..
..
จากคุณ :
Imagine
- [
1 ธ.ค. 46 22:06:09
A:202.57.169.112 X:
]