.
. คืนนั้นคงประมาณตีหนึ่งกว่า โทรทัศน์ฉายรายการรอบดึกทิ้งไว้โดยปราศจากผู้ชม ชายหนุ่มนอนแน่นิ่งบนโซฟาบุนวมหนานุ่มดิ่งลงห้วงนิทราอันล้ำลึก สีหน้าแลดูสุขสบายอย่างน่าอิจฉา การลืมปิดโทรทัศน์นั้นพออภัยกันได้ ส่วนเรื่องที่ไม่น่าลดโทษคือการลืมปิดโทรศัพท์มือถือสัญญาณเรียกเข้าด้วยเสียงโพลีโฟนิคเลียนเสียงเครื่องดนตรีสามสิบสองชิ้น เพลงประกอบละครเกาหลีเรื่อง autumn in my heart แสนไพเราะนั้นฟังแล้วอยากร้องไห้เหลือเกิน โดยเฉพาะค่อนคืนของฤดูหนาว ในขณะกลิ้งเกลือกถูไถหมอนเนื้อนุ่มแน่นบนเตียงนอน โหยหาความอบอุ่นราวกับว่าจะไม่ได้พบพานอีกตลอดช่วงชีวิตแสนสั้น
เพื่อนของชายหนุ่มโทรมา ซึ่งเขาทราบดีว่าเพื่อนคนนี้ของเขาเปี่ยมด้วยมารยาท หากประกอบกิจกรรมรบกวนชาวบ้านอย่างนี้ ย่อมแสดงว่าจนตรอกอย่างไม่มีทางเลี่ยงหลีก พอรับสายอีกฝั่งหนึ่งเริ่มประโคมเสียงร่ำไห้ไม่ขาดตอน จนต้องยินยอมฟังเสียงสะอึกสะอื้นกว่าสิบนาที ถึงเริ่มพูดคุยกันเข้าเรื่องราวและสรุปว่าชายหนุ่มต้องล้างหน้าล้างตาจนเกลี้ยง ปลดชุดนอนกองทิ้งไว้ เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมออกจากบ้าน และต้องรีบจ้ำอ้าวไปลานเบียร์หน้าห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านก่อนตีสอง
ลมหนาวพัดวูบพลิ้วเข้าผ่านประตูบ้าน ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกเสียดายค่ำคืนอากาศน่านอน จนเก็บรองเท้าหนังเข้าชั้นตามเดิมหลังหยิบลงมาสวมไปข้างหนึ่ง แต่พอนึกถึงหัวอกอีกฝ่ายกับคุณค่าของน้ำตาที่เสียออกไปอย่างน้อยก็สิบกว่านาทีที่เขารับรู้ เลยต้องหยิบรองเท้าสวมใหม่อีกหนจนได้
ท้องถนนข้างทางเท้ารถราบางเบา เหล่าชีวิตผู้ดื่มกินรัตติกาลต่างหลบกันอยู่ในแหล่งชุมนุมส่วนตัว แล้วแต่จะเลือกหา เสียงดนตรีสดจากลานเบียร์ลอยให้ได้ยินแต่ไกล ชายหนุ่มทอดสายตามองเตรียมหาที่นั่งว่างๆ และมองหาหญิงสาวผมยาวรูปร่างผอมเพรียว ในลานเบียร์มีหลายแห่งตรงตามความคาดหวังทั้งสอง ที่ว่างพอมีเหลือ หญิงสาวมีเยอะ แต่ดูท่าไม่มีสักคนที่ดวงตาแดงก่ำเพราะช้ำน้ำตา ทั้งหมดแดงก่ำเพราะช้ำน้ำเมา คู่ชายหนุ่มหญิงสาวบางคู่คลอเคลียแบ่งปันไออุ่นกันและกันผ่านผิวเนื้อนุ่ม ส่วนบางโต๊ะดูท่าจะร้อนแรงเป็นพิเศษ เอาเถอะ
. ก็ค่ำคืนนี้อุณหภูมิลดต่ำ
ชายหนุ่มเลือกนั่งแถวมุมติดถนนข้างรั้วกั้นแบบเคลื่อนย้ายได้สะดวก สั่งเบียร์สดเหยือกหนึ่งมานั่งดื่มฆ่าเวลารอ เขาเอนหลังพิงเก้าอี้เหล็กพับสีเขียว เอาสองมือซุกกระเป๋ากางเกงยีนส์สีดำมิดแถมถูนิ้วเรียกไอร้อนแก้หนาว
รสเบียร์ขมไม่แพ้ครั้งสุดท้ายที่ดื่ม แม้จะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นแต่อึกแรกมักทำให้หนาวสะท้านตั้งแต่หัวจรดเท้า กลิ่นบาบีคิวบนเตาลอยมาให้ได้กลิ่นทำเอาชายหนุ่มรู้สึกหิว จนสั่งบาบีคิวซีฟู้ดส์มาแกล้มเบียร์จานหนึ่ง ปลาหมึกย่างเนื้อขาวแถมรอยไหม้ประปรายจิ้มน้ำจิ้มสีส้มออกรสเปรี้ยวเข้ากัน
" อร่อยไหม ? "
คำถามเศร้าสร้อยฉุดความสนใจของชายหนุ่มออกจากจานปลาหมึกย่าง นัยน์ตาของเธอสวยซึ้งดังเก่าก่อน นัยน์ตาฉ่ำเยิ้มน้ำตาที่ชายหนุ่มค้นหาเมื่อสักครู่ บัดนี้เขาได้ค้นพบแล้ว เธอสวมเสื้อแขนยาวเข้ารูปสีดำสนิท เส้นผมสีดำขลับยาวปรกหน้าไปเกือบครึ่ง มองเผินๆค่อนข้างน่าหวาดผวา แต่พอมองให้ใกล้เข้าไปกลับดูเงียบเหงาอ้างว้าง คล้ายไม่เคยได้สัมผัสส่วนที่งดงามความรักมานานนัก เธอยืนกอดออกแน่นเรียกหาไออุ่นใส่ตน ผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่ค่อยนั่งลง ดวงตาปราศจากหยาดน้ำตาแต่ยังสังเกตเห็นรอยเยิ้มยุ่ยช้ำๆ และแสงไฟเหลืองบางจากสปอตไลท์รอบๆสะท้อนแววระยิบแถวคราบน้ำตาบนใบหน้า
" ดื่มอะไรดี ..? "
ชายหนุ่มถามเธอเบาๆ เสียงของเขาสั่นแผ่ว อาจเพราะอากาศหนาวเหน็บคืนนี้ หรือบางทีอาจเพราะไม่รู้จะพูดอะไรกับเธอได้ดีกว่านั้น เพียงหวังว่าเครื่องดื่มรสดีสักแก้วจะช่วยให้หัวใจของเธอชุ่มชื่นขึ้น
" ไม่ต้องหรอก เราสั่งไปแล้ว
เออ เดี๋ยวมื้อนี้เราเลี้ยงเธอเองนะ รบกวนเธอออกมาเสียดึกดื่น "
เธอปฏิเสธ และรีบออกตัวขอเป็นเจ้ามือ ชายหนุ่มคิดว่านิสัยของเธอยังคงเดิม โดยเฉพาะนิสัยไม่ชอบติดค้างใคร
ชายหนุ่มยกเหยือกเบียร์เติมเองโดยไม่รอเด็กเชียร์เบียร์ เขาไม่ต้องการให้ใครรบกวนเวลาอันเป็นส่วนตัวของเขาและเธอ เขานิ่งเงียบมองเธอ ส่วนเธอนั่งเฉยมองรถราวิ่งผ่านไปมา ผู้คนรอบข้างส่งเสียงเฮฮาคละเคล้าเข้ากับเสียงดนตรีที่ตอนนี้เริ่มเร่งจังหวะเป็นเพลงคันทรี่ ต่างฝ่ายย้ายตนเองเข้าสู่ความเงียบสงบ จนกระทั่งน้ำส้มคั้นของเธอยกมาเสิร์ฟบนโต๊ะ
" เธอ ..โอเคอยู่รึเปล่า ? "
ชายหนุ่มเป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน เขาต้องเป็นฝ่ายเริ่ม ไม่เช่นนั้นคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาทราบดีว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เคยเป็นฝ่ายร้องขอความช่วยเหลือใครก่อน แม้กระทั่งการนัดหมายครั้งนี้เขาก็ต้องชวนเธอออกมา
" ดี
..ไม่สิ
..เกือบจะดี
มั้ง "
เธอตอบด้วยอาการอ้ำอึ้ง คงสับสนไม่รู้จะตอบอย่างไรดี ถึงจะรักษาความเข้มแข็งให้เหลืออยู่ในสายตาของชายหนุ่ม
" ทะเลาะกับแฟนคราวนี้หนักมากขนาดหรือไง ..? เราเพิ่งเคยได้ยินเธอร้องไห้ทางโทรศัพท์ครั้งแรก "
เธอก้มหน้ายิ้ม ชายหนุ่มมองสีหน้าไม่เห็น เส้นผมที่ปรกหน้ากว่าครึ่งกลายเป็นกำแพงขวางทางความรู้สึกชั้นดี
" แฟนเธอลงไม้ลงมือกับเธอหรือเปล่า ? "
แขนเสื้อสีดำยาวถูกพับขึ้นเหนือข้อศอก ข้อมือของเธอบางเล็กส่วนผิวขาวคล้ายปลาหมึกย่างในจาน ไม่มีรอยแผลฟกช้ำ หรือรอยไหม้แม้สักนิด เธอยื่นให้ชายหนุ่มดูแทนคำตอบ ค่อยรูดแขนเสื้อกลับตามเดิม
" ไม่ต้องห่วงเราหรอก เราเพียงแค่ไม่เข้าใจเท่านั้น .. "
ชายหนุ่มไม่ซักถามอะไรอีก เพียงก้มหน้าจิบเบียร์ทีละนิดหน่อยพอคลายหนาว รอคอยเธอเล่าเรื่องหรือถามสิ่งที่ไม่เข้าใจออกมา เขารอได้ และการรอคือสิ่งเดียวที่เขาทำให้กับเธอได้ ในเวลานี้
" เราเคยคิดว่าความรักที่เรามีให้เขา จะช่วยให้เราไปกันได้ตลอดรอดฝั่ง ไปกันได้อย่างสวยหรู เหมือนอย่างที่ใครหลายคนมองว่ามันควรจะเป็น
"
" แน่นอน ก็ตอนนั้นเธอเป็นดาวคณะ ส่วนแฟนเธอก็ฐานะดีหน้าตาใช้ได้ นิสัยค่อนข้างใช้ได้นี่ ตอนเธอตัดสินใจคบกับมัน หนุ่มในคณะอกหักไปหลายราย .."
ชายหนุ่มให้รายละเอียด รายละเอียดที่เธอรู้และเขารับรู้เท่ากับคนอื่นตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย
" ที่สำคัญ แฟนเธอคือเพื่อนเรา .."
น้ำตาเริ่มปริ่มแก้มเธออีกรอบ แต่ละหยดค่อยๆร่วงลงบนโต๊ะ เธอเอานิ้วปาดออก แต่ท่าทางคงไม่หยุดง่ายๆ
" อะไรหลายอย่าง เปลี่ยนไปนะ เขาเคยเป็นผู้ชายแบบที่เราคิดไว้ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่อย่างนั้น ผู้ชายน่ะไม่เคยพึงพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่เลยจริงๆ เขาคงแอบมีใครอีกสองสามคนโดยที่เราไม่รับรู้ กลับบ้านไม่ตรงเวลา ผิดนัดประจำ หรือมาก็มาสายเป็นชั่วโมง บางครั้งก็ปิดมือถือ ทำอะไรอยู่ที่ไหนก็ไม่บอกกล่าว เราเหนื่อยกับการคอยระแวงไล่ตามจับผิดจริง "
เธอเว้นช่วงสะอื้นนิดนึง ค่อยรำพันต่อ
"
พอเราเงียบ เขาก็ยิ่งได้ใจไม่ติดต่อเลย แต่พอถามเขากลับหาว่าคิดมาก แล้วก็ทะเลาะกัน อะไรหลายอย่างมันซ้ำซากวนเวียนในวงจรแบบนี้ เหมือนไม่มีทางหลุดพ้น
"
เธอสะอื้นจนไม่อาจพร่ำคำพูดใดๆให้พอฟังเป็นคำ ชายหนุ่มเพียงยื่นผ้าเช็ดหน้าสีน้ำตาลส่งให้ และจิบเบียร์ต่อ
"
แล้วสุดท้ายเราต้องมาระบายกับเธอทุกที .. "
" ไม่เป็นไรหรอก ก็เธอเพื่อนเรานี่นา "
" เธอนี่ดีนะ เวลาเรามีปัญหาอะไร เธอก็ออกมารับฟังทุกครั้ง แถมมาก่อนเวลาจนเราเกรงใจแทบแย่ พอได้เล่าให้เธอฟัง ได้ใช้ผ้าเช็ดหน้าของเธอเช็ดน้ำตาเรารู้สึกดีขึ้นจริงๆ
นี่
.แล้วคราวนี้ต้องให้เราจ่ายจริงๆนะ เพราะเธอแอบจ่ายก่อนประจำ .."
ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มชั่วกระพริบ ก่อนยกแก้วเบียร์บดบัง
แก้วเบียร์กระแทกลงบนโต๊ะก่อนคำถามบางอย่างของชายหนุ่ม
" เธอชอบคนแบบไหน เอาแบบที่เรียกว่าใช่เลย บอกมาเป็นรายข้อเลยนะ "
" อืม ข้อหนึ่งคิดถึงเราก่อนเสมอ ข้อสองเข้าใจเราทุกเรื่อง และข้อสามรักเราคนเดียว
แค่ข้อเดียวเขาก็ทำไม่ได้แล้ว .."
" ..แล้วถ้ามีผู้ชายคนหนึ่งทำได้ครบทั้งสามข้อเธอจะรักเขาไหม ? .."
ชายหนุ่มถามต่อเพียงเท่านั้น แล้วเงียบ ปลาหมึกย่างในจานไม่ถูกแตะต้องสักชิ้น อากาศหนาวเหน็บแผ่วผ่านผิวจนไอร้อนลอยหายไปจนหมด รอยไม้เท่านั้นยังคงเหลืออยู่ มีคนเคยบอกเขาว่าบริเวณที่เนื้อปลามหมึกย่างอร่อยที่สุดคือตรงรอยไหม้เกรียม
ส่วนเธอนั่งนิ่งและไตร่ตรองเพื่อตอบคำถามของชายหนุ่ม นิ่ง
เสียจนเบียร์หมดเหยือก
" นั่นไง ถ้าตอบไม่ได้เราว่าเธอเลิกกับเขาไปดีกว่า .."
" ไม่ได้หรอก ..เราไม่อยากเลิกกับเขา
เราแค่อยากให้เขาเป็นอย่างเธอบ้างก็เท่านั้น .."
เธอปฏิเสธด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ สั่นเบาแต่เพียงพอกระแทกจิตใจใครบางคนให้ไหวหวั่น
ผ้าเช็ดหน้าชื้นยื่นคืนให้ชายหนุ่ม หน้าที่ของผ้าเช็ดหน้าจบลงแล้ว
" เธอรักเขาเข้าแล้ว "
ชายหนุ่มสรุปสั้นๆ
ส่วนเธอพยักหน้ารับ แล้วหยิบปลาหมึกย่างฉีกใส่ปากเคี้ยว
..
รถแท็กซี่จอดเทียบขอบถนนเชื่องช้า ดูท่าคนขับไว้ใจได้ แต่ชายหนุ่มตัดสินใจนั่งไปส่งเธอถึงบ้าน เบียร์เหยือกที่สองหลังจากนั้น กว่าสามในสี่หลับในกระแสเลือดขอเธอ พอขึ้นนั่งเจอเบาะนุ่มๆแอร์เย็นๆเลยผลอยหลับกับไหล่ผมทันที รถแท็กซี่แล่นตัดผ่านท้องถนนอย่างเชี่ยวชาญ กลิ่นเบียร์จากตัวเธอหอมและอบอุ่น ใบหน้าของเธอยามหลับดูสวยซึ้งไม่แตกต่างจากสมัยในรั้วมหาวิทยาลัย ทั้งหมดสั่นตัวเขาจนอ่อนไหว
" ช่วยขับช้าลงหน่อยได้ไหมครับ "
ชายหนุ่มบอกคนขับแท็กซี่ แต่น่าเสียดายสุ้มเสียงนั้นกล้ำกลืนในลำคอ เขาพูดประโยคนั้นได้หนเดียว
"
เราแค่อยากให้เขาเป็นอย่างเธอบ้างก็เท่านั้น
"
ชายหนุ่มยิ้มเมื่อได้ยินเธอละเมอประโยคเดิม ประโยคที่เขาเคยฟังทุกๆครั้งที่ได้พบเธอ
แต่น่าเสียดาย
เมื่อเธอเอ่ยประโยคนี้ ชายหนุ่มกลับไม่เคยเห็นรอยยิ้มของเธอเลยสักหน แม้กระทั่งเวลาล่วงเลยจนป่านนี้ คราบน้ำตายังคงหลงรอยบนขอบตาของเธอแจ่มชัด
จากคุณ :
กาแฟสอง
- [
2 ธ.ค. 46 16:50:40
A:203.152.18.90 X:192.168.0.98
]