สองปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ว่านไม่เคยได้คุยกับพี่ตั้มสักคำ ไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อในตอนนั้น... ด้วยการเรียนที่หนักหนาขึ้น ด้วยเพื่อนฝูง ด้วยใครต่อใครที่พยายามพาตัวเข้ามาให้รู้จัก ทำให้ว่านไม่ทันสังเกตว่า พี่นายช่างครุ คนนั้นหายหน้าหายตาไป จนกระทั่งวันหนึ่งที่ว่านต้องไปลงเรียนวิชาเลือกที่คณะครุศาสตร์ ภาพของพี่ตั้มก็ปรากฏขึ้นในความคิด
วันนี้จะได้เจอพี่นายช่างครุหรือเปล่านะ ไม่เจอกันเป็นเดือนแล้วมั้ง ว่านหันไปพูดกับเพื่อนขณะก้าวเข้าสู่อาคารเรียนของคณะครุศาสตร์
เออเนอะ ลืมไปเลย เพื่อนตอบรับอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้
ป่านนี้ไม่จบไปแล้วเหรอ พี่เขาเรียนหลักสูตร 2 ปีเองนะ ไม่เหมือนพวกเรา เพื่อนอีกคนท้วง
งั้นฉันก็คงจะไม่ได้เจอพี่เขาอีกแล้วสิ ทำไมเวลาผ่านไปเร็วจัง ฉันยังไม่ได้คุยกับพี่เขาเลย ชื่ออะไรก็ยังไม่รู้ จากน้ำเสียงตกใจก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียดาย
ก็ฟอร์มจัดทั้งคู่นี่น้า เพื่อนว่าพลางส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ในขณะที่ว่านรู้สึกเศร้าเล็กๆ ... รู้งี้ยอมเสียภาพพจน์ส่งยิ้มให้หรือทักพี่เขาก่อนก็ดี เผื่อจะได้รู้จักกันมากกว่านี้ ... แต่ยังไม่ทันที่จะได้คิดอะไรต่อ เสียงใครคนหนึ่งที่ไม่คุ้นหูก็ดังขึ้นใกล้ตัว
หวัดดีครับ สามสาวหันขวับไปทางต้นเสียงพร้อมกัน ก็เห็นใบหน้าของหนุ่มหล่อยิ้มให้อย่างสุภาพ
หวัดดีค่ะ ว่านยิ้มตอบโดยอัตโนมัติ ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างก็เดินผ่านกันไป
เฮ้ย! ใครน่ะ หล่อเชียว เพื่อนสาวทั้งสองหันมาถามทันทีที่ใครคนนั้นคล้อยหลังไป
พี่นัท เรียนอยู่ที่นี่แหละ ตอบสั้นๆ
แอบไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ทำไมพวกฉันไม่รู้เลย
ไม่ได้รู้จักอะไรหรอก แค่เคยเจอกันตอนฉันแยกไปเรียนวิชาเลือก ยิ้มให้กันไม่กี่ครั้ง คุยกันแค่ครั้งเดียวเองมั้งหนุ่มครุอีกแล้วเหรอ มาดยิ่งกว่าพี่นายช่างครุอีกนะเนี่ย หล่อกว่าตั้งเยอะ อีกคนออกความเห็น
เฮ้อ! เสน่ห์แรงจริงๆ เพื่อนฉัน หนุ่มๆ เข้ามาหาเต็มไปหมด
และส่วนหนึ่งก็คงเพราะสาเหตุที่เพื่อนว่า เมื่อเวลาผ่านไป ว่านก็ลืมพี่ตั้มเสียสนิท จนกระทั่งได้มาเจอเขาอีกครั้งอย่างไม่คาดคิดในวันที่ว่านซ้อมรับปริญญาที่คณะ จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ ทั้งที่อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย ว่านก็ยังเห็นพี่ตั้มจับจ้องมาที่ว่าน สายตาคู่นั้นแสดงความยินดีอย่างเห็นได้ชัด เขาส่งยิ้มให้แล้วทำท่าจะเดินเข้ามาหาพร้อมกับช่อดอกไม้ในมือ ... นั่นเป็นครั้งแรกที่ว่านได้รับรอยยิ้มจากเขา ด้วยอารมณ์ที่เบิกบานในขณะนั้น ทำให้ว่านยิ้มตอบกลับอย่างยินดี หากก่อนที่พี่ตั้มจะเดินเข้ามา เพื่อนๆ ต่างก็พากันลากแขนว่านไปถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนานเป็นนานสองนาน หันกลับมาอีกที พี่ตั้มก็หายไปเสียแล้ว หากว่านก็ยังอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่า พี่ตั้มตั้งใจมาแสดงความยินดีกับว่าน
... ก็เขาอยู่คณะครุศาสตร์ จะมาทำอะไรที่คณะว่านกันล่ะ ไม่รู้จักใครสักหน่อย นอกจากตั้งใจจะมาหาว่าน
พี่ว่านคะ มีคนฝากดอกไม้ไว้ให้ค่ะ เสียงรุ่นน้องคนหนึ่งในคณะดังขึ้นข้างกาย พร้อมกับยื่นช่อดอกทิวลิปสีแดงสวยมาตรงหน้า
พี่นายช่างครุ ว่านพึมพำกับตัวเองด้วยความดีใจ เพราะจำได้ว่าช่อดอกไม้ช่อนี้เป็นช่อเดียวกับที่อยู่ในมือของพี่ตั้ม หากเจ้าตัวกลับหายไปเสียแล้ว
แล้วว่านก็ได้เจอพี่ตั้มอีกครั้งในอีกสองวันถัดมา วันรับปริญญาที่สวนอัมพร ว่านเหลือบไปเห็นพี่ตั้มเดินสะพายกล้องมากับสาวผมหยิกที่ว่านคุ้นหน้า หากพี่ตั้มมองไม่เห็นว่านซึ่งยืนอยู่ห่างกันราวสามสิบเมตร ตอนนั้นว่านก็กำลังติดพันอยู่กับการถ่ายรูปร่วมกับครอบครัว จะให้วิ่งออกไปหา พ่อกับแม่ก็คงมองตาเขียวแน่ ก็เลยได้แต่มองพี่ตั้มเดินผ่านไปด้วยความเสียดาย ... แล้วนั่นก็เป็นโอกาสสุดท้ายจริงๆ ที่ว่านได้เจอพี่ตั้ม
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เวลาผ่านไปกว่า 4 ปี ว่านไม่เคยได้พบเจอพี่ตั้มอีกเลย จะมีก็แต่เมื่อปีก่อน ในขณะที่ว่านนั่งรถผ่านหน้าสยามเซ็นเตอร์ ว่านก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งที่คุ้นหน้ายืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์
เพื่อนพี่นายช่างครุ ว่านบอกกับตัวเองอย่างดีใจ แทบจะถลาลงจากรถ แต่ก็ยับยั้งชั่งใจไว้ได้... ว่านไม่รู้จะถามหาพี่นายช่างครุคนนั้นกับเขาได้อย่างไร ชื่อก็ไม่รู้จัก แล้วเขาจะคิดว่าว่านเป็นผู้หญิงประเภทไหนกันหนอ อยู่ดีๆ ก็เดินเข้าไปถามหาเพื่อนเขา ว่านก็เลยได้แต่นั่งอยู่เฉยๆ ปล่อยให้รถพาว่านจากมา
แต่ถึงกระนั้น ว่านก็ยังอุตส่าห์ไปเลียบๆ เคียงๆ ถามเอากับ พี่นัท หนุ่มครุศาสตร์ที่ว่านคบอยู่ในขณะนั้น
เมื่อวานนี้ว่านเจอผู้ชายคนนึง จำได้ว่าเขาเรียนคณะครุเหมือนพี่นี่แหละ แต่เป็นสาขาวิศวะมั้ง ที่ตัวสูงๆ ดัดฟันด้วยน่ะ มากับผู้หญิงผมหยิกๆ ที่เรียนคณะเดียวกัน ว่านแต่งเรื่องขึ้นมาเล่าหน้าตาเฉย
อ๋อ! ไอ้ตั้ม
... อ้อ ชื่อพี่ตั้ม ... ว่านแอบยิ้ม
ไม่รู้สิ ว่านไม่รู้จักชื่อเขาหรอก แค่เคยเห็นหน้าบ่อยๆ ก็เลยจำได้ ... แล้วผู้หญิงล่ะ แฟนเขาหรือเปล่าคะ ว่านซักใจตุ๊มๆ ต่อมๆ
คงใช่มั้ง เห็นเดินด้วยกันบ่อยๆ คำตอบของพี่นัทเหมือนเข็มแทงหัวใจที่กำลังพองโตแตกดังโพล้ะ... ไม่จริงหรอกมั้ง เจอหน้ากันตั้งสองปี ว่านไม่เคยเจอสองคนนั้นเดินด้วยกันสักครั้งนี่นะ
ถามทำไม พี่นัทหันมามองอย่างเอะใจ
เปล่า... เพื่อนว่านเคยแอบปิ๊งพี่คนนั้นน่ะ ว่านแอบขายเพื่อน ก่อนรีบเปลี่ยนเรื่อง
เออ... ว่านว่าเรารีบไปจองตั๋วหนังกันดีกว่านะคะ เดี๋ยวคนเยอะ
ไม่ละ พี่ไม่อยากดูเรื่องนี้ เขาปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย ไปเดินจตุจักรกันดีกว่า
ไม่เอา ว่านขี้เกียจเดิน ... พี่ไม่อยากดูหนังก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวว่านโทร. ตามเพื่อนก็ได้
ตามใจ งั้นเราแยกกันตรงนี้เลยแล้วกัน
อื้อ ว่านพยักหน้ารับ ก่อนเดินจากมาอย่างไม่ไยดี
หลังจากนั้นไม่ถึงเดือน ว่านก็เลิกรากับพี่นัท ด้วยความเจ้าชู้ของพี่นัท และด้วยความเอาแต่ใจตัวเอง
ของเราสองคน
กระทั่งวันนี้ แม้ว่าว่านจะได้พบเจอใครต่อใครอีกหลายคน แต่ว่านก็ยังไม่เคยลืมพี่ตั้ม... ผู้ชายมาดขรึม ท่าทางอบอุ่นคนนั้น ... นี่ถ้าว่านได้เป็นแฟนพี่ตั้ม ความรักของว่านคงไม่ล้มลุกคลุกคลานแบบนี้
และทุกวันนี้เวลาที่ว่านไหว้พระ สิ่งหนึ่งที่ว่านอธิษฐาน คือ ขอให้ว่านได้พบพี่ตั้มอีกครั้ง ครั้งเดียวเท่านั้นจริงๆ แล้วถ้าระหว่างเรายังมีความรู้สึกที่ดีต่อกันอยู่ ว่านก็จะไม่ปล่อยให้เขาเดินจากไป โดยที่ว่านได้แต่ยืนมองอยู่เฉยๆ อีกแล้ว
แต่ดูเหมือนโชคชะตาฟ้าลิขิตจะไม่เข้าข้างเอาซะเลย ... หรือบางทีการที่ว่านไม่ได้เจอพี่เขามันอาจจะดีกว่า ที่ได้พบเจอตัวจริงแล้วรู้ว่า ตัวจริงกับภาพที่ว่านวาดเอาไว้ไม่เหมือนกันเลย อย่างรายพี่นัท หนุ่มครุฯ คนที่เลิกรากันไปนั่น
สู้ให้เราเก็บภาพความทรงจำที่ดีและงดงามเอาไว้ ให้รู้สึกดีเวลาที่คิดถึงจะไม่ดีกว่าหรือ ... ว่านบอกกับตัวเองอย่างนั้น ในขณะที่สมุดบันทึกแสนรัก มีข้อความเขียนไว้เหมือนอยากจะบอกฝากไปถึงพี่ตั้มว่า
... ว่านสัญญาว่า ถ้าต่อไปมีโอกาสได้เจอกันอีก ว่านจะเข้าไปคุยกับพี่แน่นอน แต่โอกาสนั้นอาจไม่มีวันมาถึงก็ได้ อยากบอกพี่อีกครั้งว่า ขอโทษที่ไม่รับไมตรีที่พี่หยิบยื่นให้ แต่เก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดีแล้วนะ...
ว่านวางปากกาลงช้าๆ ก่อนจะเอนกายพิงพนักเก้าอี้ ทอดสายตาไปยังพระจันทร์ดวงกลมโตบนท้องฟ้าที่ลอยสูงขึ้นตามระยะเวลาที่ดึกขึ้นเรื่อยๆ ... เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างตัวดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดของค่ำคืน ว่านเหลือบตามองเบอร์โทรศัพท์ที่โชว์ขึ้นบนหน้าจอ ... ใครกันนะโทร.มาดึกๆ ดื่นๆ เบอร์โทร.ก็ไม่คุ้นเสียด้วยสิ... บอกกับตัวเองก่อนกดรับสาย
สวัสดีค่ะ
ว่านหรือเปล่าครับ เสียงทางโน้นคล้ายลังเล ในขณะที่ว่านขมวดคิ้ว ..ใครกัน เสียงก็ไม่คุ้น
ค่ะ ว่านพูด
คือ... พี่ชื่อตั้ม นะครับ เพียงประโยคแรก ว่านก็ใจวาบด้วยความยินดีอย่างเหลือเกิน พี่เรียนอยู่คณะครุฯ เราเคยเจอกันตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย แต่ว่านคงจำไม่ได้หรอก น้ำเสียงเขาไม่มั่นใจ หากยังคงพยายามทบทวนอดีต เมื่อวันที่ว่านรับปริญญา...
ว่านจำพี่ได้ค่ะ ว่านรีบสวนออกไปก่อนที่เขาจะจบประโยค ทำเอาเขาถึงกับอึ้งอย่างคาดไม่ถึง พี่ยังฝากดอกทิวลิปไว้ให้ว่านไม่ใช่หรือคะ
ว่านจำพี่ได้จริงๆ ด้วย ความยินดีแสดงชัดอยู่ในน้ำเสียงนั้น
พี่เอาเบอร์โทร.ว่านมาจากไหนคะ ว่านเปลี่ยนเรื่องด้วยเกรงว่าเขาจะรู้ถึงความรู้สึกของเธอ
วันนี้พี่เจอเพื่อนว่านคนนึง ก็เลยเสี่ยงเข้าไปถามเบอร์ติดต่อว่านจากเขาน่ะ เขาบอกปนหัวเราะเก้อๆ ว่านเองก็อดหัวเราะตามไม่ได้ เมื่อนึกถึงตัวเองในวันที่เจอเพื่อนพี่ตั้มที่สยามฯ ... นี่เขาคงต้องใช้ความกล้าหาญชาญชัยเป็นอย่างมากทีเดียว ที่จู่ๆ ก็เดินเข้าไปหาคนที่ไม่เคยรู้จักมักจี่ แถมยังขอเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนคนๆนั้นอีกต่างหาก โดยเฉพาะกับผู้ชายที่ขี้อายอย่างพี่ตั้ม...
แล้ววันนั้นทำไมไม่อยู่รอ เอาดอกไม้มาให้ว่านเองล่ะคะ
พอดีพี่ติดธุระสำคัญเรื่องงานจริงๆ แวะไปได้แป๊บเดียวเท่านั้นเอง เขาตอบด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง
วันที่ไปสวนอัมพร ว่านเห็นพี่เป็นตากล้องให้สาว แล้วว่านก็กำลังยุ่งๆ อยู่ด้วย ก็เลยไม่ได้เข้าไปขอบคุณ ว่านแกล้งเอ่ยถึงประเด็นที่ยังคงค้างคาอยู่ในใจ
อ๋อ! ลูกพี่ลูกน้องของพี่เองครับ พี่ก็เลยอาสาเป็นตากล้องให้ คำตอบของเขาทำเอาว่านแอบยิ้ม
พี่อยากเจอว่าน... ได้มั้ยครับ เขาเอ่ยออกมา หลังจากคุยกันอย่างเป็นกันเองราวชั่วโมง
ได้สิคะ ว่านตอบรับเสียงหวานโดยไม่ต้องคิดตรึกตรองใดๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่ว่านรอคอยมาตลอด 4 ปีมาปรากฏอยู่ตรงหน้า ว่านไม่มีวันปล่อยให้เขาเป็นสายลมที่พัดผ่านไปโดยที่เธอยืนอยู่เฉยๆ อีกแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่รู้จักนิสัยใจคอเขาเลยก็ตาม อนาคตจะเป็นเครื่องพิสูจน์ แม้ว่าต่อไปเธอจะผิดหวัง เธอก็เต็มใจที่จะยอมเสี่ยง เพราะความรู้สึกลึกๆ บอกว่า เธอจะไม่เสียใจกับผู้ชายคนนี้อย่างแน่นอน
จากคุณ :
amp
- [
4 ธ.ค. 46 11:45:48
A:203.130.128.158 X:192.168.1.28
]