นายขี้เก็กกับยายปากร้าย

    นายขี้เก็กกับยัยปากร้าย

    ตอนที่ 1

           “ขอบคุณค่ะ แต่ฉันคงรับไม่ได้หรอกค่ะ” เธอหันไปมองตาเขียว น้ำเสียงเริ่มกระด้างขึ้น ทำให้อีกฝ่ายต้องนั่งก้มหน้าทำตาปริบๆ เพราะคาดไม่ถึง

           “ฉันไม่มีทางรับข้อเสนอของเพื่อนคุณหรอกค่ะ ไม่ว่าชีวิตของฉันจะดีขึ้น หรือเลวลงก็ตาม ฉันไม่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนคุณเลย คุณคงเข้าใจน่ะ”

           “ใจเย็นๆสิครับคุณนา”

           เป็นประโยคที่นายคมสรรพูดออกมาได้หลังจากนั่งฟังเธอพูดมานาน

           “คุณอย่าเรียกชื่อชั้นอย่างนี้ ฉันจะให้คนที่คุ้นเคยเท่านั้นที่เรียกชื่อฉันแบบนี้ได้   แล้วเรื่องที่คุณกำลังยื่นข้อเสนอนี้ให้กับฉันก็เหมือนกัน ฉันนั่งฟังมานี่ก็เสียเวลามากพออยู่แล้วนะ”

           เธอส่งเสียงที่ขุ่นเคืองมายังเขาพร้อมกับดวงตาที่วาววับ ในขณะที่คมสรรได้แต่นั่งถอนหายใจยาวเมื่อมองมายังอาการของเธอ

           “ถ้าหมดธุระแล้วก็เชิญค่ะ เพราะฉันมีงานที่จะต้องทำอีกเยอะ”

           “เอ่อ...ผมว่าเอาอย่างนี้มั้ยครับ ผมว่าคุณชนกนาลองเอาไปคิดดูอีกทีน่ะครับ” คมสรรยังคงไม่ละความพยายามที่จะถ่วงเวลาให้นานที่สุด

           “ฉันมั่นใจในคำพูดของฉันเสมอ เมื่อฉันตอบไปแล้ว ไม่มีการกลับคำอย่างเด็ดขาด ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรอีก คุณกลับไปได้แล้ว หรือจะรอให้ฉันลงทุนไปนั่งลงกราบคุณซะก่อนคุณถึงจะกลับ”

           “เธอไม่พอใจขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย” คมสรรคิดและมองหน้าที่นวลเนียนนั้นอย่างประทับใจ เขาทราบดีว่าเธอโกรธจึงใช้คำพูดนี้ออกมาใส่หน้าเขา ซึ่งมันก็ทำให้หนุ่มวัยใกล้ 30 อย่างเขาต้องสะอึกไปได้เหมือนกัน แต่อย่างเขาเหรอจะยอมแพ้ง่ายๆ

           “แหม...คุณนาครับ อย่าเพิ่งอารมณ์เสียเลยน่ะครับ เอาเป็นว่ารอให้คุณใจเย็นกว่านี้อีกสักหน่อยก่อนแล้วเราค่อยมาคุยกันใหม่ ดีมั้ยครับ”

           “นี่...คุณพูดไม่รู้เรื่องหรือไง ก็ฉันตอบไปแล้ว จะคุยอะไรอีก คนอย่างคุณไม่น่าจะเป็นคนที่เข้าใจอะไรยากเลยนี่”

           ชนกนาขึ้นเสียงอย่างหมดความอดทน เธอลุกจากเก้าอี้เดินตรงไปยังประตูแล้วเปิดมันอ้าออกกว้างก่อนจะหันกลับมามองหน้าคมสรรเป็นเชิงไล่อย่างเจตนา      

           “ก็ได้ครับ ยังไงผมก็ต้องกลับอยู่ดี เพราะผมต้องไปบอกเอริคเพื่อนผม”

           คมสรรคก็ลุกขึ้นบอกลาแล้วเดินออกจากห้องไป ชนกนาก็ได้แต่ทรุดนั่งอย่างหมดแรงอย่างเหนื่อยใจ

         “นายเอริคคนนี้ท่าทางจะบ้าอยู่ดีๆบอกให้ลาออกจากผู้อำนวยการบริษัทไปเป็นเลขาแทน  ใครจะบ้าไปรับข้อเสนอ” ชนกนาได้แต่บ่นอย่างหงุดหงิด

         คมสรรขับรถกลับมายังบริษัทเพื่อนสนิท เพื่อรายงานถึงพฤติกรรมของหญิงสาวที่เพื่อนต้องการช่วยเหลือ เขาก็เปิดประตูเข้าไปยังห้องทำงานของเอริค อีกฝ่ายเพียงแค่เหลือบขึ้นมามอง และก็ก้มหน้าทำงานต่อ

          “นี่กะจะไม่ถามเลยหรือไงว่าผลเป็นยังไงบ้าง” คมสรรทนไม่ไหวจึงต้องถามออกมา

            เอริคเงยหน้าขึ้นจากงานวางปากกานั่งกอดอกผิงกับเก้าอี้หนังราคาแพงเช่นเดียวกับโต๊ะ เขาเป็นหนุ่มร่างสูงโปร่งผิวสีแทน ผมหยักศกเล็กน้อยคิ้วสีน้ำตาลเช่นเดียวกับผมรับกับจมูกโด่งเป็นสัน ตาสีเทาที่เข้มจัดทำให้น่าเกรงขามใบหน้าเรียบเฉยไม่บอกความรู้อะไร แทบไม่อยากจะเชื่อว่าเขาอายุเพียงแค่ 29 แต่กลับทำงานเก่งจนดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัท เป็นคนอิตาลีที่สามารถพูดภาษาไทยได้ชัดอย่างไม่น่าเชื่อ(ไม่รู้ไปเรียนมาจากไหน)

            “นายก็บอกมาสิ ฉันฟังอยู่” เอริคยิ้มมุมปาก

            คมสรรได้แต่ถอนใจกับเพื่อนขี้เก็กของเขา แต่ก็ยอมรายงานเรื่องที่ไปทำมา พอเล่าจบเอริคก็พยักหน้ารับ สีหน้าไม่เปลี่ยน แต่ก็พูดขึ้นมาว่า

             “นายบอกเขารึเปล่าว่าบริษัทที่เธอทำงานอยู่กำลังจะล้มละลาย และบริษัทของเราจะยึดบริษัทของเธอ แล้วก็จะมีการปลดพนักงานออกหมด”  

             “บอกไปหมดแล้ว เจ้าหล่อนไม่เชื่อ ไม่ยอมรับฟัง แต่จริงๆแล้วก็ไม่ได้บอกเธอหรอกว่าบริษัทเธอกำลังจะถูกยึด” คมสรรพูดด้วยเสียงที่เบาลงแทบไม่ได้ยินในตอนท้าย

             “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันไปคุยกับเธอเอง ขอบใจนายมากที่ไปทนนั่งฟังเธอบ่น”

             “ฉันไม่เข้าใจนายจริงๆ ทำไมนายถึงอยากช่วยเธอนัก  อย่าบอกน่ะว่าหลงรักเค้าเข้าให้แล้ว”  

    เอริคฟังแล้วหัวเราะ หึๆๆ แต่ก็ไม่ตอบอะไร คมสรรก็ได้แต่ งง ไม่เข้าใจเพื่อนตาสีเทาของเขาจริงๆว่าคิดยังไง กันแน่ ภายใต้ใบหน้าที่เรียบสนิทอย่างนั้น

    โปรดติดตามตอนต่อไป..............................

    เขียนเป็นเรื่องที่2แล้วฝากด้วยน่ะค่ะ

    แก้วใส

    จากคุณ : แก้วใส - [ 4 ธ.ค. 46 20:52:52 A:210.86.131.153 X: ]