" หมายศาล "

    [ เรือนจำ  ตอนที่ 12 ]

    วันนี้มารู้จักหมายศาลกันนะครับ  เนื่องจาก "เจ้าพนักงานเรือนจำจะไม่รับบุคคลใดๆ  ไว้เป็นผู้ต้องขังในเรือนจำ เว้นแต่จะได้รับหมายอาญาหรือเอกสารอันเป็นคำสั่งของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจ" <มาตรา 8 พรบ.ราชทัณฑ์>   ดังนั้นเมื่อตำรวจควบคุมตัวคุณไว้แล้ว   เขาจะขังคุณไว้ที่โรงพักได้ไม่เกิน 2 วัน   หากเขาจะรับตัวคุณไว้  เขาต้องไปขออนุญาตต่อศาล  แต่ส่วนใหญ่เขาจะไปฝากขังไว้ที่เรือนจำ  และการที่เรือนจำจะรับตัวคุณไว้ ตำรวจต้องให้ศาลออกหมายให้และหมายฝากขังนั้นมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "หมายขังระหว่างสอบสวน" (1)  ตามหมายขังระหว่างสอบสวนนั้นศาลจะให้ขังได้ไม่เกินครั้งละ 12 วัน  แต่เขาจะออกหมายขังระหว่างสอบสวนได้อีกเป็นฉบับที่ 2 ที่ 3…  แต่รู้สึกว่าตามกฏหมายจะฝากได้ไม่เกิน 7 ฝาก  คือออกหมายขังระหว่างสอบสวนต่อๆมาได้  7  ครั้ง   เท่ากับ 84 วัน   ระหว่างนี้ตำรวจเขาก็หาหลักฐานทำสำนวนเสนออัยการ  และหลังจากนั้นก็จะส่งฟ้อง

    เมื่อส่งฟ้องแล้วศาลจะออกหมายใหม่เรียกว่า "หมายขังระหว่างไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณา" (2)  ในหมายนี้จะเริ่มมีเลขคดีดำ   และตอนนี้ศาลจะสั่งขังคุณไม่มีกำหนด  ระวังนะครับอาจจะโดนขังลืมก็โดยหมายนี้  เพราะศาลจะสั่งว่าให้เรือนจำขังนาย…….  ไว้ในเรือนจำจนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น   หากไม่มีคำสั่งเป็นอย่างอื่นแล้ว  คุณก็โดนขังไว้อย่างนั้น  โดยไม่มีทางรู้ได้ว่าเมื่อไรจะได้หลุดไป  เพราะหมายนี้ไม่มีกำหนดโทษครับ

    ขังระหว่างพิจารณานี้ ศาลก็จะเรียกคุณไปสอบอยู่เรื่อยละครับ  ถ้ายกฟ้องก็จะออกหมายปล่อย(3)  และสั่งให้ปล่อยตัวไป  แต่ถ้าคุณสู้คดีอยู่ก็ขังไปเรื่อยๆ  จะกี่เดือนกี่ปีก็แล้วแต่กระทั่งคุณรับสารภาพ  ถึงจะออกหมายจำคุก ซึ่งจะเรียกให้ถูกต้องว่า "หมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฏีกา" (4) (สังเกตนะครับ ก่อนหน้านี้ใช้ว่าหมายขัง  แต่ตอนนี้ใช้หมายจำคุกแล้ว )  และเมื่อเป็นหมายจำคุก ก็จะมีกำหนดโทษ   จะกี่ปีกี่เดือนก็แล้วแต่ลักษณะความผิดครับว่าเข้ามาตราไหนในประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญา   และตอนเป็นหมายจำคุกนี้จะมีเลขคดีแดงแล้วครับ โดยออกมาควบกับเลขคดีดำ(เมื่อตอนเป็นหมายพิจารณา)   และนี่เองถึงจะนับจำนวนครั้งที่คุณติดคุก  คือก่อน:-)ยนี้ยังถือว่าคุณไม่ได้กระทำความผิดครับ  จนกว่าจะมีหมายจำคุกออกมา  และตอนเป็นหมายจำคุกเขาก็จะยกเลิกหมายพิจารณา เพราะตอนเป็นหมายพิจารณานั้น  ให้ขังโดยไม่มีกำหนดโทษ  ยังจำได้นะครับ

    อธิบายเรื่องคดีดำ  คดีแดงสักนิด  ตอนโดนจับก็มีเลขคดีของโรงพักในท้องที่เกิดเหตุ   แต่เมื่อเรื่องถึงศาลและศาลออกหมายแล้วก็จะมีเลขคดี   ตอนเป็นหมายสอบสวน(1)  จะมีเลข ฝ. ไว้อ้างอิง  เช่นว่า ฝ.1/2546  แล้วมี "ศาลจังหวัด ……… " ในบรรทัดถัดไป    และเมื่ออัยการส่งฟ้อง ศาลก็จะออกหมายพิจารณา(2)  ตอนนี้จะมีเลขคดีดำมาอ้างอิง แทนเลข ฝ. แล้ว  โดยยกเลิกหมายสอบสวนข้างต้น     และเมื่อไรที่ศาลมีคำพิพากษา จะออกหมายจำคุกฯ(4)  และตอนนี้จะมีเลขคดีแดงไว้อ้างอิง  ก็ออกมาควบกับเลขคดีดำละครับ    สรุปคือการอ้างคดีดำคดีแดงนั้น ก็เพื่อประโยชน์ของศาล  เมื่ออ้างถึงเลขคดีใด ก็จะรู้ได้ทำทีว่าคดีนั้นๆ  อยู่ในขั้นตอนใดของกระบวนศาลแล้ว  คือระหว่างที่อยู่ในขั้นตอนนั้นๆ  ก็จะใช้เลขดังกล่าวมาอ้างอิง

    ย้อนกลับไปที่ "หมายปล่อย(3)" อีกครั้งหนึ่ง  นอกจากปล่อยเพราะยกฟ้องแล้วศาลจะออกหมายปล่อยด้วยเหตุผลอื่นได้อีกหลากหลาย  เช่นว่าคุณรับสารภาพแต่โทษในคดีนั้นน้อยกว่าวันที่คุณจำมาแล้ว(จำนวนวันที่ติดคุกมาก่อนมีคำพิพากษา)  ศาลก็จะให้ปล่อยไปเหมือนกัน  

    แต่ก็มีอีกกรณีหนึ่ง  คืออัยการฟ้องแล้ว  แต่เอาผิดกับคุณไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐานที่หนักแน่นพอ  แต่มีเหตุให้เชื่อได้ว่าคุณได้กระทำผิดจริง  ศาลก็มีสิทธิ์ที่จะออก "หมายขังระหว่างอุทธรณ์" (5)    ตามหมายในวงเล็บ 5 นี้  <วงเล็บนี้ผมเพิ่มไว้เพื่อที่จะอ่านเข้าใจได้ง่ายนะครับ  ไม่เกี่ยวกับหมาย>   ศาลจะให้ขังคุณได้ แค่ 30 วัน แต่ก็นั่นแหละ ศาลมีสิทธิ์ที่จะขยายเวลาได้เรื่อยๆ ครั้งละ 30 วัน)   ซึ่งหมายใน(5) นี้ก็ยังเป็นประเด็นถกเถียงกันอยู่  เพราะไม่มีหลักฐานเอาผิดเขา  แล้วสั่งขังเขาทำไม  แค่มีเหตุให้เชื่อได้ว่าคุณได้กระทำผิดจริง แค่นั้นหรือ

    อีกกรณี หากฟ้องแล้วและคุณสารภาพ แต่โทษในคดีของคุณยังไม่ถึงขั้นให้จำคุก  ศาลก็จะออก "หมายกักขัง"(6)  หรือบางคดีสั่งปรับ  แต่คุณไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ ก็จะออกหมายกักขังตามข้อ(6) เหมือนกัน  โดยกักขัง 1 วันแทนเงิน 200 บาท (ซึ่งถือว่ามากแล้ว  เมื่อก่อนหน้านี้ 2 ปีย้อนไป  อยู่กันอานครับ  เพราะเขาคิดแค่70 บาท/วัน )   อย่างปรับ 20,000 บาท  200/วัน ก็กักขัง 100 วัน  จนกว่าจะครบหรือญาติคุณนำเงินค่าปรับมาชำระในส่วนที่ค้างอยู่    โดยที่การกักขังนั้น  จะกักขังที่สถานกักขังครับ  และสถานกักขังมักจะอยู่ที่โรงพัก  รวมอยู่ในห้องขังของคนที่โดนจับใหม่นั่นแหละ

    วกกลับไปที่ "หมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฏีกา" (4) กันต่อ    ซึ่งตอนนี้ถือว่าคุณติดคุกจริงแล้ว  เรือนจำก็จะคำนวณวันพ้นโทษให้  อย่างโทษ 1 ปี  ตั้งแต่  11 ธันวาคม 2546  คุณก็จะพ้นโทษ  11 ธันวาคม 2547   แต่ถ้าศาลตัดสินให้จำคุก 12 เดือน   นับตั้งแต่ 11 ธันวาคม 2546   คุณจะไปพ้นโทษวันที่ 5 ธันวาคม 2547   เห็นไหมครับ 1 ปี กับ 12 เดือน   ทั้งที่เราบอกว่า 1 ปี มี 12 เดือนเท่ากัน  แต่ติดคุกต่างกัน 6 วันแน่ะ  นั่นเพราะ 1 ปี เขานับ 365 วัน  แต่ 12 เดือนเขานับ 360 วัน  แถมปี 2547 เดือนกุมภาพันธ์ มี 29 วัน ก็ลดอีก 1 กลายเป็น 6 วัน

    หลังจากออกหมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฏีกาแล้ว   หากมีการอุทธรณ์ ไม่ว่าทางคุณ หรือทางโจทก์  คุณก็จะถูกจำคุกตามหมายนี้ไป จนครบกำหนดโทษ  แล้วศาลจะสั่งอีกครั้งว่าให้ปล่อยตัวคุณ หรือขังต่อไป   แต่ถ้าไม่มีการอุทธรณ์เกิดขึ้น  หลังจากออกหมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฏีกา เป็นเวลา 30 วัน   ศาลจะออกหมายมาอีกฉบับ เรียกว่า "หมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุด" (7)  หมายถึงว่าคดีสิ้นสุดแล้ว  และหมายนี้ต่างจากหมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฏีกา ตรงที่หมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดจะบอกชัดเจนว่า”เมื่อครบกำหนดโทษให้ปล่อยตัวไปทันที”   ตอนเป็นหมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฏีกา(4) นั้น จะสั่งเรือนจำว่าเมื่อครบกำหนดโทษแล้วให้ถามศาลว่าจะให้ปล่อยหรือขังต่อไป

    ย้อนไปที่ หากมีการอุทธรณ์กันต่อ  ระหว่างที่มีการอุทธรณ์อยู่นี้คุณก็ยังจะถูกจำคุกตามหมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฏีกาอยู่  และระหว่างนี้จะเป็นขั้นตอนของศาลอุทธรณ์  และเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาก็จะออกหมายหมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฏีกามาใหม่แต่เป็นคำสั่งศาลอุทธรณ์ แทนที่จะเป็นศาลจังหวัดเหมือนตอนแรก  ซึ่งโทษตามศาลอุทธรณ์นี้มักจะมีกำหนดโทษลดลง  แต่ก็มีเหมือนกันที่บางรายอุทธรณ์ตกมาแล้วโทษเพิ่มขึ้น  ก็ซวยไป

    โทษตามศาลอุทธรณ์นั้น  หากยังไม่พอใจ เห็นว่าไม่ยุติธรรมกับคดีของคุณ คุณก็สามารถฎีกาได้อีก  ก็อย่างที่เรียนมาเมื่อสมัยประถมศึกษาไง  มีศาลชั้นต้น  ศาลอุทธรณ์  และศาลฎีกา  โดยที่หมายศาลก็จะออกมาเรื่อยๆเป็นชั้นๆ โดยจะยกเลิกหมายเก่าไปด้วย  โดยมีเลขคดีดำ คดีแดงนั่นแหละ เป็นตัวตรวจสอบว่าเป็นคดีเดียวกัน

    นี่เป็นหมายที่ข้องเกี่ยวกับเรือนจำนะครับ   แต่ศาลก็มีหมายอื่นอีกหลายหมาย  แต่จะไม่ขอกล่าวถึง  

    กล่าวถึง "หมายค้น" อีกฉบับก็ดีนะ  เพราะเกี่ยวกับคุณ   หมายค้นนั้นตำรวจจะเป็นคนขอจากศาล  เพื่อนำไปตรวจค้นสถานที่  โดยที่จะค้นกันในช่วงเวลา 06.00 – 18.00 น.  ดังนั้น หากตำรวจขอค้นบ้านคุณละก็  ใช้สิทธิ์เลยครับ  ขอดูหมายค้นก่อน  หรือหากคุณไว้สกินเฮดอย่างผม  หรือมีลายสักเต็มตัว หรือทำลับลับล่อล่อเป็นที่สงสัย  แล้วตำรวจขอค้นตัว    ให้ดูเลยว่าแต่งชุดหรือเปล่าถ้าไม่แต่งแล้วไม่แสดงบัตร  อย่าให้ค้นครับ    และขอเตือนเลย  ให้เขาค้นในที่สาธารณะ  โดยเรียกคนอื่นมาดูเหตุการณ์ด้วย  เพราะตำรวจไม่ใช่คนดีทุกคนครับ  ตำรวจที่เป็นโจรก็มี  เพราะพวกนี้มักฉลาด(แต่แกมโกง)  ผมยังเคยได้ยินตำรวจพูดเลยว่า  “ถ้าไม่เอาโจรมาเป็นตำรวจมั่งแล้วจะรู้ทันโจรได้อย่างไร” ทำนองนี้

    จบเรื่องหมายไว้แค่นี้ครับแล้วค่อยมาต่อ  ความจริงว่าจะเอาเรื่อง ”หมายหัว” ด้วย   แต่เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องอื่น  เลยพับดีกว่า

    **********************************************
    ตอนที่ผ่านมา
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2559518/W2559518.html












    ส่วน “ หมายตา “ อีกหมายหนึ่งนั้น   คุณรับหมายไปเลยละกัน - นะ




    และเรื่องหนังสือที่แนะนำไปเมื่อตอนก่อน
    ขออนุญาตยกคำของผู้อ่านมาใส่ไว้ตรงนี้เลยละกัน


    {   ความคิดเห็นที่ 9  

    " ลืมลูกสาวคนนี้เสียเถิด ( Forget  You  Had  Daughter ) " คะ่ อ่านแล้วก็ดี ในฐานะผู้อ่าน แต่ในฐานะผู้ควบคุมผู้ต้องขังอ่านแล้วย้อนดูตัวเองแล้วมีประโยชน์อะไรที่จะเปลี่ยนแปลงบ้างหรือเปล่า กับการสร้างคนและให้โอกาสได้บุญยิ่งกว่าเอาข้าวไปถวายวัดนะ

    จากคุณ : sakaorat_2@thaihail.com - [ 11 ธ.ค. 46 12:57:50 A:203.113.71.40 X: ]   }


    ขอบคุณ คุณsakaorat_2 มากครับ

    แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 46 12:06:42

    แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 46 13:25:43

    จากคุณ : Old Man Jailer - [ 11 ธ.ค. 46 12:56:30 ]