นายขี้เก็กกับยายปากร้าย2


           ตอนที่ 2
          ฝรั่งร่างสูงผมสีน้ำตาลตาสีเทามาขอพบชนกนาแต่เช้า เลขาเข้ามาบอกทำให้เธองงไปเหมือนกัน ใครกันและมาหาเธอทำไม
                แต่เมื่อชนกนาเชิญให้เขาเข้ามาความรู้สึกแรกที่เห็นบอกว่าผู้ชายคนนี้ดูมีเสน่ห์และน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน แต่ลักษณะคุ้นๆเหมือนเคยเจอที่ไหน แต่ตอนนี้นึกไม่ออกจริงๆว่าเคยเจอที่ไหนยังไง
               “เชิญนั่งค่ะ” ชนกนาพูดเป็นภาษาอังกฤษพร้อมกับลุกขึ้นยืนเป็นการต้อนรับตามมารยาท
               “คุณคือชนกนาใช่ไหม”เอริคถามกลับมาเป็นภาษาไทย ทำให้อีกฝ่ายทำหน้าฉงนอย่างไม่เชื่อหูตัวเองว่าฝรั่งที่อยู่ตรงหน้าสามารถพูดภาษาไทยได้ชัดขนาดนี้  แต่ก็ตอบกลับไป
               “ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรกับดิฉันหรือค่ะ” ชนกนาเลยถามกลับเป็นภาษาไทยเพราะแน่ใจว่าเขาพูดไทยได้แน่ เพราะออกจะพูดได้ชัดขนากนั้นตอนถามเธอ
               “เมื่อวานเพื่อนของผมได้มาหาคุณแล้ว เรื่องที่จะให้คุณไปเป็นเลขาของผมที่บริษัท อาร์มาดากรุ๊ป”
               “อ๋อ คุณนั่นเองที่ยื่นข้อเสนอบ้าๆมาให้ฉัน” ชนกนาขึ้นเสียงทันทีที่รู้ว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคือใคร
               “ผมก็แค่เสนอช่วยคุณจากบริษัทที่กำลังจะล้มละลายให้คุณมีงานทำ”เอริคตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาเช่นเคย
            “บริษัทใครกำลังจะล้มละลายคุณพูดมาดีๆน่ะ” ชนกนาเริ่มอารมณ์ไม่ดี เธอยกมือกอดอกถามออกมาอย่างหาเรื่อง
              “ก็บริษัทของคุณไง (เอริคทำหน้ายิ้มเยาะ) จะต้องให้ผมแจกแจงตัวเลขผลกำไรของบริษัทคุณไหมว่าขาดทุนไปเท่าไหร่ในตลอดเวลา3ปีที่ผ่านมา”
              “นี่คุณ” ชนกนาทำอะไรไม่ได้เพราะตัวเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าบริษัทของตัวเองตอนนี้ผลกำไรแทบจะไม่มี ไม่ขาดทุนก็เป็นหนี้ จึงได้แต่จ้องมองฝ่ายตรงข้ามด้วยสายตาที่เจ็บปวดเพราะตอบโต้ไม่ได้ และที่เขาพูดมาทั้งหมดก็เป็นความจริง    
              “ผมก็แค่ไม่อยากให้คนมีฝีมือดีอย่างคุณที่อุตส่าห์เรียนจบมาจากอังกฤษด้านบริหารโดยเฉพาะ แถมยังใช้เวลาเพียงไม่นานที่เข้ามาทำงานในบริษัทนี้ และได้เป็นถึงผู้จัดการบริษัท (ชนกนากำลังตั้งท่าจะพูด แต่...) คุณไม่ต้องมาถามผมหรอกว่าทำไมผมรู้เรื่องของคุณดี ก็เพราะเวลาที่เราต้องการพนักงานดีๆสักคนเราก็ต้องรู้ประวัติเขาโดยละเอียดว่าเป็นคนยังไง มีความเป็นมาเป็นยังไง และผมก็ไม่คิดว่าจะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอะไรในการที่ผมจะทราบเรื่องราวของคุณบ้าง” เอริคพูดออกมาโดยที่ยังคงนิ่งไม่แสดงความรู้สึกอะไร (หน้าฉาบปูนไว้รึเปล่าเนี่ย)
             ชนกนาได้แต่พูดไม่ออกรู้สึกว่าเขาจะอ่านความคิดของเธอออกหมดไม่ว่าเธอจะคิดอะไร กำลังจะพูดว่าอะไร “ก็ทึ่งอยู่หรอกน่ะแต่น่าจะเลิกสักทีไอ้ท่าเก็กหน้าเรียบสนิทอย่างนั้นน่ะ ไม่เข้าใจจริงๆ” ชนกนาได้แต่คิดในใจและก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะอ่านความคิดเธอออกอีก เพราะมองแล้วสายตาเขามีแววเยาะอยู่เวลาที่มองมา
            “แต่ฉันก็ไม่คิดจะรับข้อเสนอของคุณหรอก เพราะฉันไม่อยากเป็นเลขาหน้าห้องให้ใคร และก็ฉันก็ไม่อยากให้ฝีมือของฉัน งานของฉัน หรือที่ฉันเรียนมาทั้งหมดเพียงเพื่อเป็นเลขาให้กับคุณ ถึงแม้บริษัทนี้ล้มละลายฉันก็มีศักดิ์ศรีพอที่จะไปหางานทำที่อื่น โดยไม่ต้องพึ่งให้คนอย่างคุณมาช่วย และฉันก็คิดว่าฉันมีความสามารถพอที่บริษัทอื่นๆจะรับฉันเข้าทำงาน ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรแล้วก็ขอเชิญออกจากห้องของดิฉันได้แล้ว ดิฉันมีงานอีกมากที่จะต้องทำ ไม่มีเวลามาฟังเรื่องไร้สาระของคุณ”
            ชนกนาเดินไปเปิดประตูเพื่อที่จะทำเหมือนครั้งที่คมสรรมาและเธอก็ทำให้เขากลับไปได้สำเร็จ แต่เธอลืมคิดไปว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนละคนกัน และคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ไม่ได้เดินไปยังประตู แต่กลับทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ แล้วหันมาพูดกับเธออย่างอารมณ์เย็นอย่างน่าประหลาด
            “ผมยังพูดธุระของผมไม่เสร็จ เชิญคุณปิดประตูแล้วมานั่งคุยกับผมดีกว่า”
           ชนกนากัดกรามกรอด แต่ก็ยอมปิดประตู(แบบเสียไม่ได้) กลับมานั่งที่โต๊ะจ้องหน้าคนตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์
            “มีอะไรก็ว่ามา” ชนกนาพูดออกมาอย่างพยายามควบคุมเสียงให้เป็นปกติ แต่คนฟังก็ต้องรู้อยู่ดีว่าไม่เต็มใจ
            “ผมแค่ให้คุณเป็นเลขา แต่ไม่ใช่เลขาหน้าห้องที่คอยรับโทรศัพท์ แต่ผมให้คุณเป็นที่ปรึกษาคอยช่วยผมแก้ปัญหางานหรือเรียกง่ายๆก็เป็นคนที่คอยแบ่งงานของผมไปทำ ให้เงินเดือนคุณมากกว่าบริษัทนี้สองเท่า และไม่ต้องห่วงว่าคุณเข้าไปแล้วเงินเดือนจะไม่ได้ ต้องรอทำงานครบเดือน เพราะเราจะให้เงินเดือนคุณล่วงหน้าทันทีที่คุณเข้าไปทำงาน และ…” เอริคพูดไม่ทันจบด้วยซ้ำ ชนกนาก็สวนขึ้นมา
            “คุณเห็นว่าฉันเป็นคนเห็นแก่เงินรึไง รึว่าบริษัทคุณมันรวยมากจนไม่รู้จะเอาเงินไปไว้ไหนเที่ยวเอาเงินมาฟาดหัวเพื่อได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ ลองเอาเงินไปทำบุญบ้างสิ เผื่อความคิดของคุณจะสูงขึ้นมาบ้างไม่เที่ยวเอาเงินฟาดหัวใครอีก และไอ้ท่าขี้เก็กของคุณเนี่ยก็เลิกสักทีเถอะมันน่ารำคาญ คุณคิดว่ามันเท่ห์งั้นสิที่ทำ หัดไปส่องกระจกดูหน้าตัวเองซะบ้างน่ะ จะได้รู้ว่าหน้าคุณมันน่าเกียจขนาดไหน ถ้าคุณพูดจบก็เชิญกลับได้แล้ว เพราะฉันไม่มีอารมณ์พูดกับคุณอีก และทางที่ดีไม่ต้องเห็นหน้าคุณจะดีที่สุด เชิญ....” ชนกนาพูดออกมาด้วยเสียงที่รำคาญเต็มทน ก่อนจะก้มหน้าจัดการกับเอกสารตรงหน้า ไม่สนใจคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าอีก
            เอริคก็คิดว่าคงไม่เป็นผลที่จะพูดต่อ จึงลุกขึ้นก้มหัวให้เธอก่อนที่จะเดินออกจากประตูไป ชนกนาเงยหน้าขึ้นมาจากงานยิ้มอย่างสะใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเพื่อนสนิท
            “หวัดดี นายประธานคิดถึงแกจังมาเจอกันหน่อยสิฉันมีเรื่องจะเม้าท์ให้แกฟัง เออ..ที่ร้านเดิมแหละ อืม..แค่นี้น่ะ” เธอวางหูโทรศัพท์นั่งพิงเก้าอี้หมุนปากกาเล่นอย่างสบายอารมณ์
            อีกด้านหนึ่ง เอริคขับรถออกมาจากบริษัทชนกนาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม และเป็นสีหน้าที่ใครน้อยคนที่จะได้เห็น เอริคคิดในใจว่า “อย่าคิดว่าคำพูดแค่นั้นจะให้คนอย่างผมยอมแพ้ง่ายๆ” เขาขับรถมุ่งหน้ากลับบริษัทเพื่อที่จะวางแผนใหม่

    โปรดติดตามตอนต่อไป...................

    สวัสดีค่ะ ต้องขอโทษด้วยที่เอาเรื่องมาลงช้า ใกล้สอบแล้วค่ะเลยเขียนได้ทีล่ะนิดเองค่ะ ก็ตอนต่อไปจะเขียนให้มากกว่านี้ค่ะ ก็ฝากด้วยค่ะ

    แก้วใส

    จากคุณ : แก้วใส - [ 11 ธ.ค. 46 19:29:36 A:203.144.143.250 X:202.133.144.4 ]