*~*~*The Last Word *~*~*

    *~*The last word.*~*
     fan fiction of the ring o

    **

    ปลายฤดูใบไม้ผลิ มีนาคม…1966…..

    เเสงเเดดเเรงยามบ่ายจัด..สาดส่องไปทั่วทุ่งหญ้าเขียวอ่อนบนเนินเขาเตี้ย ๆ สลับกับป่าสนเขาต้นสูงสล้างที่ทอดเงายาวเป็นริ้วเรียงรายบนพื้นดิน

    ..ซึ่งเต็มไปด้วยใบไม้เเห้งสีน้ำตาลที่ร่วงหล่นจากต้น
    ยามเมื่อสายลมร้อนเอื่อยอ่อนพริ้วผ่าน..


    ฉัน…กวาดตามองไปรอบ ๆ ตัว ในที่เปลี่ยวลับตาใต้เงาของหมู่สนสูงปลายเนิน บนพื้นหญ้ามีเพียงกองใบไม้เเห้งที่ร่วงสุมอยู่ตรงโคนต้น

    ..เเลไปคล้ายสุสานเล็ก ๆเรียงเป็นเเถวตามเเนวยาวของทิวสน..

    ข้างตัวของฉัน..เป็นบ่อน้ำหินเก่าคร่ำคร่า..บนแผ่นผิวน้ำนิ่งมีเศษใบไม้เเห้งลอยคว้างก่อนที่จะจมดิ่งลงสู่ก้นบ่อลึกมืดดำ..

    ดูราวกับว่า…คลื่นเเห่งความเงียบเหงาอ้างว้าง..ได้เเผ่อาณาเขตของมันจนทั่วทั้งเนินเขาเเละเเทรกตัวอยู่ตามหมู่ไม้ใบหญ้า..จน รุกลามเข้าไปเกาะกินถึงส่วนหนึ่งในหัวใจอันเดียวดายของฉัน ณ เวลานี้ด้วย..

    อา…คนอย่างฉัน เคยมีหัวใจด้วยหรือ…

    ฉันเหยียดยิ้มเยาะหยันให้กับความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง…พลางชะโงกหน้าลงไปในบ่อน้ำทอดตาเเลดูเงาของตนที่สะท้อนอยู่ในนั้น..

    บนผิวน้ำนิ่ง..ปรากฏร่างของฉัน หญิงสาวอายุสิบเก้า ในชุดเเสคสีขาวเเขนยาว เปิดคอกว้างเผยผิวเนื้อเนียนนุ่ม ใบหน้าเรียวได้รูปรับกับผมม้ายาวสยายจนถึงกลางหลัง

    ต่ำลงมาจากหน้าผากเนียน คู่ดวงตารูปรี ที่คนส่วนใหญ่รู้สึกขยาดหวาดกลัวยามสบสายต้องกัน

    ..เเละบ่อยครั้งก็มักถูกค่อนเเคะลับหลัง..ว่าคลับคล้ายดั่งดวงตาของปิศาจร้าย…

    เเต่ฉันหรือจะต้องสนใจคำเอ่ยพล่ามพล่อย..จากพวกปากหอยปากปูที่มิได้สำคัญอะไรกับวงจรของชีวิต

    ..ซึ่งในเวลานั้นฉันเป็นเพียงนักเเสดงฝึกหัดในคณะละครเวทีธรรมดา ๆ คนหนึ่ง

    คงจะมีเพียง คุณเพียงคนเดียวกระมัง..ที่ชมว่าดวงตาของฉัน..ทรงเสน่ห์ลึกลับน่าประหลาด..ชวนค้นหา

    ..เหมือนกับคำว่า “ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ”

    ริมฝีปากระเรื่อใต้จมูกโด่งเป็นสันสวยเเย้มเศร้า..เมื่อนึกถึงใครคนหนึ่ง..ที่ทำให้คืนโดดเดี่ยวเเละวันอันเดียวดายของฉันให้สัมผัสกับช่วงเวลาเเห่งความสุข..อันเเสนสั้น

    เเละเติมเต็มหัวใจอันว่างเปล่า..ให้อบอุ่นด้วยอณูหนึ่งที่เรียกว่า “ความรัก”

    “คุณโทยามะ….”

    ฉันเอ่ยชื่อของคุณเบาๆ..ก่อนที่จะใช้ปลายนิ้วเรียวเเตะไล้ลูบลงบนริมฝีปาก..ค่อย  ๆ หลับตาลงเหมือนกับจะรำลึกถึงคืนวันอันเเสนหวานนั้น..ให้หวนคืนมาอีกครั้ง

    …เเม้ว่าไออุ่นที่ติดอยู่บนริมฝีปากอาจเลือนหายไปเนิ่นนานเเล้ว..
    …เเต่ฉันจะยังคงเก็บรักษารอยรักนั้น..ไว้ในหัวใจ..

    *~*~*~*

    “ผมรักคุณตั้งเเต่เเรกพบเเล้ว”
    คำกระซิบกระซาบฝากรักเสียงทุ้มนุ้มหูของคุณ..ยังคงก้องกังวานอยู่ในส่วนโสต.เมื่อใบหน้าอันร้อนผ่าวของคุณประทับเเนบลงบนปลายเเก้ม..ข้างหู

    “ฉันรักคุณ…”
    ฉันก็สารภาพถ้อยคำที่คั่งค้างอยู่ในใจ…ปล่อยออกมาตามที่มันร่ำเรียกร้อง..

    เเล้วหลังจากจุมพิตเเรกอันเร่าร้อน เราก็สวมกอดซึ่งกันเเละกัน ราวกับปราถนาให้ความอบอุ่นจากเรือนกาย..ส่งทอดผ่านไปยังหัวใจทั้งสองดวงที่เเนบสนิทกัน…

    ณ วินาทีนั้น..
    มันหลอมละลายเเม้เเต่ความเย็นชาที่เกาะกินอยู่ในใจของฉัน..

    *~*~*~*

    ฉันขยับตัวขึ้นไปนั่งบนขอบหินของบ่อน้ำ พลางถอดรองเท้าคู่เก่าโยนลงบนพื้นหญ้า

    ..เเหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า  ย้อนกับเเสงเเดดร้อนที่ลอดผ่านใบสนจนทำให้รู้สึกเเสบตา..

    ….บนนั้นมีสวรรค์จริงๆหรือ ?…

    ฉันจำได้ว่าเคยเอ่ยถามคุณเช่นนั้น
    ..ในคืนอันเหน็บหนาวที่เรานั่งเเอบอิงกันอยู่หลังโรงละครลับตาคน

    *~*~*~*

    “ไม่รู้สิ..เเต่ที่เเน่ๆ คืนนี้ผมคงกำลังอยู่บนสวรรค์ล่ะ”

    “คุณยังไม่ตายนี่นา…จะขึ้นไปบนนั้นได้อย่างไรกัน”
    ฉันท้วงถามเบาๆพลางซุกตัวลงบนเเผ่นอกกว้าง..ปล่อยให้ฝ่ามือเรียวของคุณลูบเรือนผมยาวอย่างทะนุถนอม

    “ซาดะจัง..เเค่ผมได้อยู่กับคุณ…ก็มีความสุขเหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์เเล้ว”
    คำหวานเอ่ยกระซิบอยู่ข้างหู..ก่อนที่คนพูดจะเเนบริมฝีปากลงบนปลายเเก้มอุ่นนิ่มราวกับจะเน้นย้ำความหมายในประโยคที่กล่าวเอาไว้..

    “จะดีเเค่ไหนนะ…ถ้าหากเราได้เเสดงความรักต่อกันเเบบไม่ต้องหลบต้องซ่อนเเบบนี้”
    คุณรำพึงเบาๆ มีเค้าของความน้อยใจแฝงเจือปนอยู่ในน้ำเสียง

    ฉันขยับตัวลุกขึ้น..เเต่กระนั้น ก็ยังคงอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นของคุณ..ฉัน จึงค่อย ๆช้อนตาสำรวจจนทั่วใบหน้าเรียวคมเข้มของชายหนุ่มผู้เป็นที่รัก

    ..เเละจดจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่นั้น.ราวกับจะค้นหาอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ข้างใน..

    เเล้วฉันก็จรดริมฝีปากบางระเรื่อ..ประทับลงบนหน้าผากเรียบเนียน..เเนบสนิท..นิ่งนาน..เพื่อที่จะสื่อความนัยให้เขาได้รับรู้…

    ว่า…ในรอยรักอันนุ่มนวล..คือถ้อยคำนับร้อยที่มิอาจเอ่ยมาได้ จนหมด..

    “คุณโทยาม่า…”

    ฉันเอ่ยเรียกพลางชี้มือไปบนฟากฟ้าที่ประดับดาวระยิบระยับ…ตรงนั้น ดาวน้อยดวงหนึ่งกำลังส่องประกายวับเเวมตรงปลายเสี้ยวเเหลมเว้าของดวงจันทร์..

    “ตอนกลางวัน คุณเคยเห็นดวงดาวไหมคะ…”

    “เวลานั้นจะมีดวงดาวได้อย่างไรกัน..มันก็ถูกแสงอาทิตย์บังหมดสิ”

    คุณตอบพลางยิ้มอย่างใจเย็น…เเละโอบกอดร่างของฉันให้เเนบเเน่นยิ่งขึ้น

    “ทั้งๆที่ไม่เห็น เเต่คุณก็รู้..ว่ามีดวงดาวอยู่บนนั้น..ไม่ใช่หรือคะ”

    คราวนี้..คนที่ถูกถามเงียบไปอึดใจหนึ่ง..เปิดโอกาสให้ฉันได้พูดต่ออีกสักประโยค..ที่กลั่นออกมาจากความรู้สึกที่เเท้จริง ในหัวใจ

    “บางที…สิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตา ก็ไม่ได้เเปลว่าไม่มีเสมอไป…เหมือนกับความรักของฉันที่มอบให้คุณ..เเม้จะไม่ได้เเสดงออกให้ใครต่อใคร ได้รับรู้…เเต่เราทั้งสองก็ยังเข้าใจในกันเเละกันไม่ใช่หรือคะ

    …หรือคุณไม่เชื่อใจฉัน”

    “ผมเชื่อคุณ…มากเท่า ๆ กับที่ผมรักคุณนั่นล่ะ..”

    ชายผู้เป็นรักเเรกเเละรักเดียวของฉัน…คลี่ยิ้มอ่อนโยน ก่อนที่ดึงร่างของฉันให้โน้มลงบนอกกว้างที่ถูกปกปิดด้วยเสื้อเชิ๊ตเเขนยาว

    ..เมื่อฉันเเนบใบหูลงไปใกล้ตรงหัวใจของเขา..จึงได้ยินเสียงเต้นระรัวอย่างเปี่ยมสุข..

    “หากผมขอพรจากพระเจ้าได้…จะขอเพียงข้อเดียว”

    “จะขออะไรหรือคะ…..”
    ฉันกระซิบถามเบา ๆ พลางเงยหน้าจากแผ่นอกขึ้นมาสบสายตาของคุณ..

    “ขอให้ผมได้ตายในอ้อมกอดของคุณ…ซะดะโกะ”

    คำตอบนั้นทำให้ฉันนิ่งไปอึดใจ..เเม้เเต่นิ้วที่กำลังม้วนพันผมสีน้ำตาลยาวประบ่าของคุณก็พลันต้องชะงัก..

    “คุณโทยามะ…อย่ารักฉันให้มากไปกว่านี้เลย..เพราะฉันไม่อยากเสียคุณไป..”

    จำได้ว่าเสียงอันเเผ่วเบาของฉัน..เอ่ยต่อตอบไปอย่างนั้น

    “ทำไมล่ะ..”

    ฉันเพียงเเต่คลี่ยิ้มน้อย ๆ ก่อนที่จะเเนบใบหน้าลงบนอกข้างซ้ายของคุณ…เเละบรรจงจูบเบา ๆ ที่เนินราบอันอบอุ่น..ตรงนั้น

    …เเต่คุณจะรู้ไหม..ว่าเวลานั้น หัวใจของฉัน..กำลังร้องไห้..

    ..ถ้าหากคุณได้รับรู้ถึงตัวตนที่เเท้จริงของฉัน…เเล้วจะยังรักกันอยู่อีกหรือ..

    ฉันก็ได้เเต่ภาวนาในใจ ว่าอย่าให้มีวันนั้น..

    คือวันที่สายตาอันอ่อนโยนที่เปี่ยมไปด้วยความรักของคุณ..ถูกแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดกลัว..ชิงชัง

    เฉก..มนุษย์ผู้หนึ่งจะกระทำสนองตอบปีศาจร้ายอย่างฉัน…ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้หญิงที่คุณเคยรักมากที่สุด..

    ..ที่รัก…อย่ารักฉันให้มากไปกว่านี้เลย….ได้โปรด….

    *~*~*~*


    มีต่อ...

    แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 46 23:39:53

    จากคุณ : อชันฏา - [ 11 ธ.ค. 46 23:22:56 ]