วันที่พบเธอครั้งสุดท้าย ตอนที่ 7

    ตอนที่แล้วเจ้าค่ะ

    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2561824/W2561824.html

    ---------------------

    “สวัสดีค่า…พี่วี”  เสียงสดใสของชมจันทร์ดังมาจากหน้าประตูทันทีที่เธอเปิดประตูเข้ามาในร้าน
    “เป็นไงบ้าง  ดีกันแล้วหรอชม”  วีรภาเงยหน้าจากกองหนังสือบนเค้าท์เตอร์   ถามถึงป้าที่โกรธกันอยู่
    “ค่ะ  เมื่อวานกลับไปหาป้ามาค่ะ  ป้าเขาก็ชวนค้างด้วยน่ะค่ะ”
    “จ้ะ  ดีแล้วล่ะนะ”   มองหน้าเด็กสาวที่ดูสดชื่นแจ่มใสเหมือนเดิมแล้ว
    “พี่วีทานน้ำเต้าหู้ร้อน ๆ นะคะ  ชมซื้อมาฝากค่ะ”  ว่าแล้วสาวน้อยก็หายเข้าไปในครัว   แล้วกลับออกมาพร้อมกับแก้วน้ำเต้าหู้  
    “ขอบใจจ้ะ”  วีรภายิ้มให้กับการดูแลเอาใจใส่  และความเป็นแม่บ้านของชมจันทร์  พร้อมกับรับแก้วน้ำเต้าหู้ที่ยังร้อน   มองเห็นไอความร้อนสีขาวลอยกรุ่น ๆ อยู่เหนือแก้ว   ยกขึ้นป่าวและดื่มช้า ๆ  

    เสียงกระดิ่งดังขึ้นที่หน้าประตู  ประตูกระจกถูกผลักเข้ามาพร้อมกับชายหนุ่มในชุดสีน้ำตาลอ่อนกับกางเกงสีน้ำตาลเข้มที่เสริมให้เขาดูเป็นผู้ชายที่อบอุ่น  แว่นดำถูกถอดออก  ให้มองเห็นแววตาหวานเศร้าของเจ้าของ

    “สวัสดีครับ”
    “สวัสดีค่ะ  มารับงานแต่เช้าเลยนะคะ”  วีรภายิ้ม  วางถ้วยน้ำเต้าหู้ไว้บนเค้าเตอร์  แล้วหยิบซองสีน้ำตาลที่มีชื่อ  ชัยอรุณ  ขึ้นมาส่งให้เขา

    ชายหนุ่มเอื้อมมือมารับ  แต่ซองสีน้ำตาลปัดโดนแก้วน้ำเต้าหู้หก  มือเขาไวพอที่จะคว้าถ้วยน้ำเต้าหู้นั้นไว้ได้ทัน  พร้อม ๆ กับมือของวีรภาที่รีบคว้าแก้วนั้นเอาไว้เช่นกัน  น้ำเต้าหู้กระเฉาะออกมาลวกมือของคนที่คว้าแก้วไว้ได้ทั้งคู่  ผิวสีแทนของชายหนุ่มตัดกับผิวสีขาวของหญิงสาว

    ทั้งคู่นิ่งมองกันชั่วอึดใจเดียว

    “ขอโทษนะครับ”  เขาได้สติ  แล้วเอามือออกจากมือของหญิงสาวพร้อมกับถ้วยน้ำเต้าหู้
    “ขออภัยด้วยนะคะ  โดนน้ำเต้าหู้ลวกหรือเปล่าคะ  เดี๋ยวเชิญล้างมือทางนี้ค่ะ”  เจ้าของร้านสาวหลบสายตาหวานเศร้าคู่นั้น  เดินนำเขาไปที่อ่างล้างมือในห้องครัว

    ชมจันทร์รีบคว้าผ้ามาเช็ดน้ำเต้าหู้ที่หกเลอะเทอะบนเค้าท์เตอร์

    “ผมต้องขอโทษอีกครั้งนะครับที่ซุ่มซ่าม”  เขาเปิดน้ำชะมือ
    “ไม่เป็นไรค่ะ  ฉันต่างหากที่ไม่ระวังวางไว้เกะกะคุณเอง”
    “มือคุณแดงหมดเลย”  เขายื่นหน้ามาดูมือของเธอขณะที่เธอล้างมือ
    “ของคุณก็เหมือนกันนะคะ”  เธอมองมือของเขาเช่นกัน   ฝ่ายตรงข้ามเงียบไป  ทำให้เธอต้องเงยหน้ามองเขาอย่างสงสัย  เขากำลังยิ้ม  เป็นครั้งแรกที่เห็นเขายิ้ม  ตั้งแต่เธอรับพิมพ์งานให้เขามาหลายครั้ง  ปกติเขาจะตีสีหน้าเรียบเฉยตลอดเวลา ที่มักแฝงความเศร้าไว้ด้วยเสมอ

    “ยิ้มอะไรคะ”  เธอรู้สึกแปลกใจ

    “เปล่าครับ   ผมแค่รู้สึกว่า  บางทีถ้าคนเรารู้จักการโทษตัวเองบ้าง  ปัญหาต่าง ๆ คงลดลงได้อย่างมากมายนะครับ  เหมือนที่เราต่างกำลังโทษว่าเป็นความผิดของตัวเราเองอยู่นี่ไงครับ”

    วีรภาจึงยิ้มออกอย่างเห็นด้วยกับเขา

    “มือคุณเป็นไรมากหรือเปล่า  ทายาหน่อยไหมคะ”
    “ไม่เป็นไรครับ  นิดหน่อย   แล้วของคุณละครับ”

    ทั้งสองมองหน้ากันอย่างแปลกใจว่า  ทำไมต้องถามคำถามเกือบเหมือนกันตลอดเลยด้วยนะ  ต่างพากันหัวเราะ

    “เอางี้นะครับ  เอามือของคุณและผมขึ้นมาดูพร้อม ๆ กันนะครับ  โอเคมั้ย”  

    ทั้งคู่จึงยกมือขึ้นมาวางในอากาศ  ก่อนจะเงยหน้ามองกันแล้วระเบิดเสียวหัวเราะใส่กันอีกครั้ง  ต่างหัวเราะแล้วอีกหัวเราะอีกอยู่อย่างนั้น

    “คุณอย่าหัวเราะสิครับ  ผมปวดท้องแล้วนะครับ”  เขาห้ามให้เธอหยุดหัวเราะก่อน  เพราะเสียงหัวเราะของเธอกระตุ้นให้เขาต้องขำ  ต้องหัวเราะไปด้วย
    “คุณก็หยุดก่อนสิคะ”  ยิ่งเห็นฝ่ายตรงข้ามพยายามหยุดหัวเราะ  ก็ยิ่งขำเข้าไปใหญ่
    “โอ๊ย!!  พอ ๆ  ไม่ไหวแล้ว” ใบหน้าเธอแดงก่ำ  ยกมือกุมท้อง   หัวเราะจนตัวงอ  เดินไปเดินมารอบห้องครัว

    ชัยอรุณหายใจเข้าลึก ๆ  หลังจากที่หยุดหัวเราะได้สำเร็จ  ยกหลังมือป้ายน้ำใส ๆ ที่หางตา

    เมื่อต่างหยุดหัวเราะได้แล้ว  จึงเดินออกไปด้านหน้า

    ชมจันทร์ยิ้มหวานให้ทั้งคู่  “หยุดหัวเราะกันแล้วหรอคะ”

    “อย่าแซว!”  วีรภาทำเสียงกึ่งดุกึ่งเล่น

    “เท่าไหร่ครับคุณวี”  เขาเอ่ยถามค่าพิมพ์
    “สองร้อยห้าสิบค่ะ   ว่าแต่เรื่องที่ให้พิมพ์ทำไมมีแต่เรื่องเศร้าของการจากกันทั้งนั้นเลยละคะ”  
    สีหน้าของเขากลับไปเศร้าอย่างเดิมอีกแล้ว
    “เพราะว่า  ไม่มีอะไรที่จีรังยั่งยืน  และต้องพลัดพรากจากกันไงละครับ”  เขาเผลอสบตาคนถามอย่างลืมตัว  ขณะส่งเงินให้เธอตามจำนวน
    สายตาของเขาเศร้าจนเธอรู้สึกเศร้าไปด้วย
    “แล้วผมจะมารบกวนคุณให้พิมพ์งานให้อีกนะครับ”  
    “ยินดีค่ะ  ขอบคุณที่ใช้บริการ”  เธอเลียนเสียงแบบเจ้าหน้าที่ตามศูนย์บริการโทรศัพท์มือถือ
    หน้าเศร้า ๆ ของเขามีรอยยิ้มแต้มขึ้นมาอีกครั้ง
    “ขอบคุณครับ”  เป็นคำขอบคุณจากความรู้สึกดีดี  ทุกครั้งที่เขามาที่นี่  มักจะได้ความรู้สึกดีดีกลับออกไปเสมอ
    เขายิ้มให้อีกครั้งก่อนเดินออกจากร้านไปพร้อมกับซองสีน้ำตาล  

    “นั่นสินะ  ไม่มีอะไรที่ไม่พลัดพรากจากกันเลย…”  เธอถอนหายใจเบา ๆ  เหมือนคน ๆ นั้นที่มาบอกความรู้สึกดีดีแล้วจากไปเช่นกัน   แล้วรีบปัดความคิดนั้นออกไป  บอกตัวเองใหม่ว่า  ดีแล้วที่เขาจากไปตั้งแต่ตอนนี้  ถ้าจากไปตอนสนิทกันกว่านี้  เหมือนเรื่องที่เธอพิมพ์เรื่องสุดท้าย  คงรู้สึกแย่กว่านี้อย่างแน่นอน

    เหมือนคำที่มีคนเคยบอก   ให้ฝึกจากกันทั้ง ๆ  ที่ยังมีลมหายใจอยู่   แต่เราจะอยู่อย่างที่ไม่รักใครเลยได้หรือ?

    ----------------------------------  

    ข้อความของแจคถูกเปิดค้างไว้บนจอคอมพิวเตอร์อย่างเคย  ในยามว่างของวันอาทิตย์ที่เธอปิดร้านหยุดทำงาน   เวลาผ่านไปสองอาทิตย์หลังจากที่เขาจากไป   เธอยังไม่ลืมเขา   และยังเฝ้าอ่านข้อความของเขาอย่างเคย   ข้างนอกหน้าต่างฝนกำลังตกหนัก   ฟ้ามืดหม่นมัว   ทำให้ใจคนอ่านข้อความบนจอคอมพิวเตอร์รู้สึกหดหู่หัวใจมากเข้าไปอีก

    <smegal> นายจะไม่ยอมบอกฟามรู้สึกจริงเหรอ
    <vee >  อยากรู้ไปทำไมล่ะ
    <smegal> น๊าน
    <vee >  บอกหรือป่าวก็มีค่าเท่ากันนิ
    <smegal> เอาคืนเหรอเนี่ย
    <vee >  อี่ ๆ  แล้วทำไมแจคถึงขอเบอร์เราหรอ
    <smegal> ก็เราอยากคุย
    <vee >  ทำไมอยากคุยอ่ะ
    <smegal> มีคนอยากคุยด้วยไม่ดีเหรอ
    <vee >  ดีจิ อิอิ   แล้วแจคจะโทรมาอีกป่าว
    <smegal> เราไม่ได้จดอะ

    ถ้อยคำนี้ของเขาเหมือนจะบอกว่า  เขาจะไม่โทรมาหาเธออีกแล้ว…  ตอนที่เขาโทรมาหาเธอ  เขาถามเธอว่า  จะจดเบอร์ของเขาไว้ไหม  แต่เธอกลับปฏิเสธ  และได้แต่คิดว่า  เขาจะโทรมาหาเธออีก   ทำไมตอนนั้นเธอไม่จดเบอร์ของเขาไว้นะ   แล้วรีบปัดความคิดถึงเขาออกไป  เมื่อเขาเองยังเข้มแข็งห้ามใจตัวเองที่จะไม่ติดต่อเธออีกได้  เธอต้องเข้มแข็งให้ได้อย่างเขาเหมือนกัน

    <smegal> วันก่อนเราใช้ของน้อง  อยู่ในเครื่องน้อง
    <vee >  อืม

    <smegal> ถ้าเราโทรคุยแล้วเกิดรักนายขึ้นมา นายต้องรับผิดชอบนะ

    ประโยคนี้ของเขา  ทำให้เธอต้องอมยิ้มอีกแล้ว  แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ให้เธอต้องรับผิดชอบมากกว่า  เพราะเขาไม่เคยโทรหาเธออีกเลย

    <vee > แป่ววว   อยากฟังพระเอกใจดวงใจเราป่ะ
    <smegal> ว่าไง
    <vee >  อืมม เรานะ
    <smegal> ง่ะ
    <vee >  จะตอบรับใคร  ยอมรับใคร  ให้เป็นแฟนยากมาก  ต้องใช้เวลานานมาก  ถ้าเราไม่มั่นใจ  เราไม่เสี่ยง
    <smegal> เอิ๊กๆ    ซีเรียสไปได้
    <vee >  และถ้าเรายอมรับใครนะ  เขาก็คือเพื่อนเราอ่ะแหละ
    <smegal> มุขอะ มุข
    <vee >  เราคงไม่แต่งงาน  อยู่เป็นเพื่อนกัน
    <smegal> อืมๆ
    <vee >  เพื่อนที่รู้สึกดีดีต่อกัน  ช่วยเหลือกัน  เข้าใจกัน  เราขอแค่นี้

    <smegal> นายคือเพื่อนเราอะ  วี

    <vee >  เราแค่อยากมีคนที่จะฟังเราบ่นได้  เข้าใจเรา
    <smegal> ง่ะ
    <vee >  แค่นั้นเอง   แต่...คงหาไม่ได้หรอก

    เธอรู้ดีเจ้าชายในฝันของเธอคงไม่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้   จะมีใครที่มาทุ่มเทอะไรเพื่อเธอมากมายเพียงเพื่อต้องการรับความเป็นเพื่อนจากเธอเท่านั้น  คงไม่มี…

    <smegal> นายเห็นเรามีประโยชน์ขนาดนั้นเหรอ
    <vee >  เพื่อนเราบอก นั่นมันพระแล้ว
    <smegal> แล้วเราไปฟังนายบ่นทำไมตั้งนมนานเนี่ย

    เขานึกถึงวันที่โทรมาคุยกับเธอ  เขานั่งฟังเธอพูดอยู่ได้ตั้งสองชั่วโมงกว่า

    <vee >  ไม่ใช่  ที่บอกนี่หมายถึงแฟนอ่ะ
    <smegal> อ่าว  อ่อ
    <vee >  แฟนเราต้องฟังเราบ่นทุกวันดิ  อิอิ

    น่าเสียดายที่เขาไม่อยู่ฟังเธอบ่นอีกแล้ว  และระยะทางระหว่างเธอและเขาก็อยู่ห่างไกลกันเหลือเกิน….

    เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ  วีรภารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าปัด  เบอร์ที่โชว์ไม่คุ้นตาเอาเสียเลย  หรือว่าเป็น  แจค  นะ?  แววตามีแววสดใสขึ้นมาทันที  เธอรีบกดรับโทรศัพท์
    “สวัสดีครับ คุณวีหรือเปล่าครับ  ผมชัยอรุณนะครับ”
    เสียงหล่อ ๆ ของปลายสายทำให้เธอแปลกใจ
    “ค่ะ  มีอะไรหรือคะ”
    “ผมไม่แน่ใจว่าผมลืมของไว้ที่ร้านคุณวีหรือเปล่าครับ  เป็นถุงพลาสติกสีส้มนะครับ”
    “หรอคะ  แล้วจะช่วยหาดูนะคะ”
    “ขอบคุณครับ  ถ้ายังไงผมจะเข้าไปพรุ่งนี้นะครับ”
    “ค่ะ”
    “ฝนกำลังตกหรือเปล่าครับ”
    “ใช่ค่ะ   คุณละคะ”
    “ตกครับ  หนักมากเลย  เวลาฝนตกแบบนี้ชวนให้คิดถึงใครบางคนนะครับ”
    หญิงสาวหัวเราะ  เธอสัมผัสน้ำเสียงของเขาได้ว่ากำลังเศร้า ๆ เหงา ๆ พอควรทีเดียว
    “คงงั้นนะคะ  กำลังคิดถึงใครอยู่หรือคะ”  
    เสียงสัญญาณจากปลายสายขาด ๆ หาย ๆ ไปเป็นระยะ  จนสุดท้ายเหลือไว้แต่เสียงตู๊ด ๆ ๆ เท่านั้น

    วีรภาลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง  ลมเย็นชื้นพัดเข้ามาปะทะอย่างแผ่วเบา  ฝนซาลงแล้ว  แต่ยังคงตกพรำ ๆ อยู่   ท้องฟ้ายามเย็นสดใส อากาศสดชื่น   แดดอ่อนฉายลำแสงสุดท้ายทางทิศตะวันตก  เธอลงไปข้างล่างเปิดประตูหน้าร้านออกไป  หวังที่จะได้พบรุ้งกินน้ำ  รุ้งเจ็ดสีจาง ๆ  ปรากฏบนขอบฟ้าด้านตะวันออก
    “แจคนายจะจำกลอนที่เราเคยให้อ่านได้มั้ย  กลอนรุ้งกินน้ำ  ที่เพื่อนเราเขียนไง”  เธอยืนตากฝนพรำ ๆ เฝ้ามองรุ้งกินน้ำจนจางไปจากขอบฟ้า

    เธอเป็นความงดงามในใจฉัน
    รู้ไหมว่าเฝ้าฝันถึงเธอเสมอ…เสมอ…
    เธอเป็นความงามที่ฉันรอคอยอยากพบเจอ
    แล้วฉันก็แอบรักเธอเต็มหัวใจ

    เธออ่อนโยนสวยงามอบอุ่น
    เกิดเมื่อต้องแสงละมุนของสายแดดอ่อนใส
    กระทบละอองน้ำหลังฝนตกรำไร
    มาครู่เดียวแล้วจางไปในพริบตา

    เมื่อไหร่หนอจะได้พบเธออีก
    หากฉันมีปีกจะโบยบินไปหา
    แต่เธออยู่ไกลเกินไขว่คว้ามา
    เพราะเธอมีคุณค่าต่อทุกสายตาที่ได้ยล

    ให้เธอสวยงามอยู่บนท้องฟ้า
    เป็นกำลังใจแด่ผู้กล้าผู้สับสน
    ลบความเศร้าลืมความหมองในกมล
    ลบเลือนความกังวลครู่หนึ่งที่พบเธอ

    แล้วเธอจะกลับมาพบฉันอีกไหม
    สัญญานะ  ว่าจะกลับมาใหม่  อย่าให้ฉันคอยเก้อ
    จะคอยมองหาเธอบนท้องฟ้าหลังฝนนะเออ
    เพราะว่า…  ฉันแอบรักเธอ…  เจ้ารุ้งงาม…

    -------------------------------------  

    จากคุณ : ส้มโชกุน - [ 12 ธ.ค. 46 11:24:32 A:203.113.37.12 X: ]