พอ.61

    เดินทาง

    พฤษภาคม
    บ้านพักริมทางแม่กลอง - ราชบุรี
    ดอด   กระชับสายสะพายกระเป๋าเดินทางขนาดประมาณลูกควายครึ่งตัว อย่างจะคะเนน้ำหนัก หนุ่มน้อยนิ่งกายชั่วครู่ แล้วพยักหน้าหงึกหงักบ่งสัญญาณ …”ช่วยยกกระเป๋าข้าที”… ผมรู้ได้จากหุ่นบางก้างโกร่งของดอด ก่อนจะทันอ่านความหมายของสายตาคู่นั้นเสียอีก
    โยนกระเป๋าตูมใหญ่ขึ้นท้ายกระบะ  เหวี่ยงขาพาตัวขึ้นนั่งอิงขอบไฟเบอร์ ชันขา งอเข่าไปตามเรื่อง   เท่าที่สัมภาระทั้งหลายทั้งปวงจะอนุญาต อาทิตย์แผดแสงแรงจัดตั้งแต่ยังไม่ทันเวลาเคารพธงชาติ  ภาพที่ผมนั่งพิงกระบะกลางแดดเหงื่อแตกพรูจนไหลลามท่วมหน้านองเสื้อ คงทำให้ดอดคิดอะไรขึ้นมาได้
    “ ไม่ต้องบ่นเลยครับ ของในนี้เกินครึ่งสำหรับ:-)แทบทั้งนั้น “  ดอดระบุ ของ ที่ว่าด้วยปลายรองเท้าเขี่ยกระเป๋าแกรกกราก
    “ กูรู้น่า  “  ผมหยีตาพูดสวนแดดทันควัน
    “ ก็เป็นซะอย่างนี้ อ้างง่ายๆว่าบ้านไกล ลำบากมากถ้าจะขนของมาเอง ช่างคิดนักนะ:-) ไอ้เพื่อนประเสริฐ “  ดอดดักคอซ้ำอีกรอบ ก่อนเหลียวไปตะโกนถาม เอโล่ ที่กำลังวุ่นวายวิ่งซ้ายป่ายขวาอยู่หน้ารถ
    “ เมื่อไรจะไปได้เสียทีละครับพี่ “  
    “ ไม่ต้องใส่กลิ่นประชดมาในเสียงเลยครับเอ็ง รออีกแป๊บ กำลังเช็คน้ำมันเครื่อง “
    ผมสงสัยอยู่ว่าทำไมเอโล่ต้องใส่ใจรถขนาดนั้น ทั้งที่สี่ชีวิตคละกองสัมภาระท้ายกระบะ กำลังจะเฉาแดดตายกันรอมร่อ พระอาทิตย์พฤษภาไม่ใช่ของควรล้อเล่น ดอดใกล้มอดเกรียม โย่งกำลังระบายความร้อนผ่านปุ่มลิ้นเลียนแบบหมา ซาก็ซับหัวล้านเปียกเหงื่อจนผ้าเช็ดหน้าชุ่มแฉะ  แต่ก็แปลก เหตุใดจึงไม่มีคำถามผุดโผล่ออกมาว่า ในเมื่อเอโล่ยังเช็ครถไม่เสร็จ พวกเราดันทะลึ่งจับจองที่นั่งกันอย่างเป็นทางการไปทำไมปานนั้น?

    

    สามชั่วโมงเต็มบนถนนจากแม่กลองถึงอำเภอเมืองราชบุรี ไม่มีใครใส่ตามองทิวทัศน์ข้างทาง ที่พร่าเลือนด้วยแรงม้าห้อตะบึง  รอจนสี่กีบล้อพ่วงพีหยุดสนิท สี่ศพท้ายรถจึงทยอยโงหัวแสดงสัญญาณชีพออกมา เริ่มที่ผมเป็นคนแรก ตบท้ายด้วยดอด คั่นกลางสองและสามคือ โย่งกับซา
    “ ถึงแล้วโว้ย ไอ้บ้า ร้อนจะตายอ่า นอนท้ายรถยังมีหน้ามาหลับอีกนะเอ็ง “  เอโล่หมายถึงดอด  
    ห้าคนกุลีกุจอขนสัมภาระลงจากรถ ไม่น่าเชื่อว่าชีวิตทั้งห้าจะขนสัมภาระมาด้วยมากมายปานเนินทรายลูกย่อมๆ   : กระเป๋าเสื้อผ้าห้าใบยักษ์ หนึ่งในนั้นเป็นแบบเจมส์บอนด์ ยาวครึ่งวา หนาและกว้างราวศอกครึ่ง ขึ้นรูปด้วยพลาสติกหนาหนัก อายุงานนานสองทศวรรษ…ซาไม่บอกใครแน่นอนว่าเขาคือผู้ถือครอง “ประวัติศาสตร์ ” ชิ้นนี้ หากไม่จำเป็นจริงๆ
    นอกจากนั้น เป็นรองเท้า เตารีด วิทยุเทป ลังกระดาษลูกฟูกใส่ของ  และหม้อเคลือบทรงโบราณผิวกระเทาะร่อนเป็นดวงด่างขนาดกำลังโอบของโย่ง
    “ ในนี้น่ะ…ของดีนะ:-) “ โย่งบอกสั้นๆเพียงเท่านี้ ไม่พาใจไม่ใส่หู แม้เพื่อนจะซักไซ้ไต่ถาม จนถึงขนาดเค้นจะเอาคำตอบหนาหนักชนิดถึงขั้นจะลักพาหม้อ ด้วยความกระหายใคร่รู้      แต่ตลอดสามวันที่รวมตัวกันก่อนหน้าการเดินทาง ไม่มีใครง้างขากรรไกรให้โย่งหล่นคำตอบออกมาได้     อย่างมากที่สุดคือ ให้เพื่อนกลั้นใจรอคำตอบ ซึ่งเขาระบุว่ามันจะเผยออกมาเองเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม
    มันจำเป็นสำหรับพวก:-)…โย่งย้ำคำหนักลึก

    

    เราทั้งห้าออกแรงขนของกันอีกรอบ เมื่อมาสด้าแฟมิเลีย สีแดงก่ำแก่เกรอะไอลูกรังของพี่วิษนุมาถึง และทันทีที่ร่างอ้วนๆของแกหลุดออกจากรถ ทั้งสีหน้า แววตา และบุคลิกแรกเห็นของหนุ่มใหญ่คนนี้ ก็ทำให้ผมรู้สึกประทับใจที่ได้มาถึงเมืองโอ่งอย่างบอกไม่ถูก พี่นุรับไหว้ด้วยรอยยิ้มสว่างกลางรูปหน้าอวบอูม  พลางตบบ่าน้องๆอย่างสนิทสนม
    “ ลุยเลยน้อง วันนี้หัวหน้าติดราชการ มารับพวกเราไม่ได้ พี่เลยมาคนเดียว ไม่เป็นไรนะ อย่าถือ เอาแค่พี่ก็พอ เพราะพี่หล่อ จริงไหมน้องว่า? ฮ่ะ ฮ่ะ “  หัวหน้าของพี่นุหมายถึงสาธารณสุขอำเภอ : ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของหน่วยงานสาธารณสุขระดับอำเภอ
    “ แกก็น่ารักดีนะ:-) “  ดอดกระซิบ ขณะมองไปที่พี่นุซึ่งหอบหายใจกระเพื่อมพุงจนอกโยน หน้าแดงหูแดง ด้วยออกแรงช่วยซา เขยื้อนกงล้อประวัติศาสตร์ใบนั้นขึ้นรถ  ในการรับนักศึกษาเข้าฝึกปฏิบัติงานในพื้นที่นั้น จะต้องมีเจ้าหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบมาดูแลโดยตรง นั่นรวมถึงการมารับ ณ จุดนัดพบและนำไปส่งยังสถานที่ฝึกงานชนิดถึงหัวบันไดเลยทีเดียว  
    “ กินข้าวกินน้ำกันก่อนน้อง ไม่ต้องรีบ เวลาเพียบ ใครจะเอาอะไรก็สั่งเลย กันเองทั้งนั้น เออ..พี่ล่วงหน้าไปก่อนแล้วกัน ไม่ว่ากันนะ เอ้าสั่งไวๆ อีกโขอยู่กว่าจะถึงที่หมาย “  พี่นุพูดพลางรินโค้กใส่แก้วใบเขื่อง
    …แกคงกะฟาดเป็นลิตร
    “ ขอบคุณมากครับ  แหม ผมเกรงใจพี่จัง แต่ เอ๊ะ…ถ้าเกรงใจแล้วทำให้ต้องขัดข้องกัน มันก็ชวนให้กลายเป็นไม่ให้เกียรติ ซึ่งมันไม่ดีนะครับ ใช่ไหม? พวกเอ็งจำไว้ นี่คือการแสดงคารวะแก่รุ่นพี่ที่ควรตระหนัก งั้นผมเอาเลยนะครับ…น้อง…ต่อโต๊ะ “  เอโล่รับลูกทันควัน
    จากนั้นก็แล้วแต่ใครจะสั่งจริงๆ เมื่อพี่นุร้องหาเส้นเล็กหมูต้มยำควบข้าวมันไก่มาเป็นเพื่อนเคียงโค้ก เราจึงไม่รีรอด้วยมารยาทและกลัวอดโอกาสอิ่มท้อง การต่อโต๊ะเริ่มต้นขึ้นอย่างกระชับไว ด้วยทีมงานเปี่ยมประสิทธิภาพระดับมืออาชีพ      รายการอาหารเริ่มต้นด้วยจานคลาสสิคระดับประเทศ กะเพราไก่ – ไข่ดาวราดข้าว , เล็ก – ใหญ่ หมู - ไก่ต้มยำ , เกี๊ยวปูหมูแดง , หมี่แห้งลูกชิ้นปลา และราดหน้ายอดผัก
    ระหว่างนั่งรออาหาร กับโค้กแก้วที่สอง ผมใช้กิริยาจิบอย่างต่อเนื่อง พลางกวาดสายตามองอาณาบริเวณของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดราชบุรี ที่ไปๆมาๆก็แทบจะไม่มีความแตกต่างกับที่ตั้งประจำอยู่ในจังหวัดอื่น  หรือเพราะความเป็นหน่วยงานราชการ  ความแตกต่างทางสถาปัตยกรรมจึงกลายเป็นสิ่งล้นเกิน
    จังหวะคิดของผมที่กำลังขยับต่อเนื่อง ถูกขัดด้วยกลิ่นหอมยั่วน้ำลายจากรายการอาหารที่ทยอยมาถึงตรงหน้า
    “ ขอกะเพราหมูกรอบสามกล่อง เป็บซี่สองป๋อง น้ำเปล่าหนึ่งด้วยนะครับป้า “  เอโล่ ร้องสั่งทั้งที่ข้าวยังตุงปาก
    “ เฮ้ย..:-)จะสั่งไปไหนอีก ไอ้บ้า เกรงใจพี่เค้า “ ซาเค้นเสียงลอดชิ้นหมูแดง พอให้ได้ยินกันสองคน
    “ อ้าว ก็ไว้มื้อเย็นไง เผื่อเอ็งด้วย ลืมแล้วเหรอ ว่าเอ็งจับคู่บัดดี้กับใคร? “
    “ จำได้ แต่ทำไมสั่งตั้งสามกล่อง? “
    “ เอ็งหนึ่ง…แต่ข้าสองไง “
    ( มีต่อ )

    จากคุณ : ด.ช.นันท์ - [ 18 ธ.ค. 46 22:09:34 A:203.113.77.132 X: ]