จริงอย่างพี่นุว่า กว่าที่แฟมิเลียคันจ้อย จะพาพวกเรามาถึงที่หมายแรก ซึ่งเอโล่กับซา ต้องลงเป็นประเดิม อาวุธหนักที่เติมจนเต็มท้องก็พร่องไปกว่าครึ่ง ระยะทางร่วมห้าสิบกิโลเมตรบนถนนลูกรังเพียบหลุม ทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนกำลังขี่ม้าพยศข้อลำหนัก ที่กระโดดกระเด้งสะบัดกายสุดแรงกล้าม ผิดกันที่คาวบอยยังมีโอกาสร่วงรอด แต่พวกเรากลับไร้ทางเลือกอื่นนอกจากฝืนทนนั่งต่อไป
ร่มรื่นดีนี่หว่า โย่งเปรยเบาๆ เมื่อเห็นที่พักของเพื่อน กราดสายตาสามร้อยหกสิบองศาอย่างเร็ว และผมเห็นบ้านสองชั้นทาสีแดงครั่ง ครึ่งบนไม้ครึ่งล่างปูน สองหลังปลูกไม่ห่างกัน ถังเก็บน้ำฝนแฝดสามขนาดสี่คนโอบ มุมพืชสมุนไพร ไม้ดอกไม้ยืนต้น หูกวาง มะม่วง และอาคารยกใต้ถุนสูงด้วยเสาซีเมนต์กว่าสิบต้น มีสะพานไม้ทอดเชื่อมระหว่างประตูอาคารกับถนน ด้วยพื้นที่ที่เรากำลังขนย้ายสัมภาระกันอยู่นั้น เป็นที่ราบจากลาดเนินถนนที่ลดระดับลงมาประมาณสองเมตร
เจ้าที่ไม่อยู่นะน้อง แต่ทิ้งโน้ตไว้ บ่ายสองจะกลับ รอก่อนแล้วกัน บ้านพักเปิดไว้เรียบร้อยแล้ว พี่นุตะโกนบอกความตั้งแต่ยังโหย่งเท้าลงบันไดบ้านพัก
ไม่ใช้เวลาเกินจำเป็น เราก็จากเพื่อนทั้งสองมา ในรถไม่นับพี่นุ ก็เหลือเพียงสาม ผม ดอด และ โย่ง
ไอ้กาดบัดดี้แกล่ะวะโย่ง นัดกันยังไง? ดอดถาม
ถามใครไม่ทราบ? ผมงง
อ๊ะ
ไอ้นี่ หูฝืดหรือไง ก็ได้ยินกันอยู่เนี่ย ดอดว่า
ได้ยิน ชัดด้วย แต่ถ้าไอ้โย่งได้ยินมันก็บ้าแล้ว เมาแดดหรือเปล่า? มันไปนั่งหน้าคู่กับพี่นุโน่น ในกระบะหลังนี่เหลือแค่แกกับฉันเท่านั้น ไอ้ฝืด
เหรอ
ที่จริงมันน่าจะได้ยิน
เออ มันน่าจะได้ยิน แล้วแกเองก็น่าจะแสบซี่โครงจริงๆเว้ย
ทำไม? ดอดข้องใจ
นั่น
ก็เอาสีข้างเข้าถู ไม่แสบก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว ในห้วงนึกผมมองเห็นฝุ่นคลุ้งจากริมคูแดงฮึ่มพอกับที่เห็นจากสายตาจริง เมื่อแฟมิเลียแก่เก่าห้อสุดตีนราวม้าหนุ่มไปบนถนนลูกรัง สงสารก็แต่ผู้คนบนอานมอร์เตอร์ไซค์ที่ต้องวิ่งไล่หลังพี่นุเท่านั้น ปอดของเขาคงทรุดเอาง่ายๆ โดยไม่ต้องพึ่งบุหรี่
ถนนกี่เส้นสายกันในประเทศนี้ ที่ทำร้ายระบบทางเดินหายใจของผู้ใช้ยวดยานสองล้อ
หลุดจากลูกรัง เข้าสู่ถนนดำยางมะตอยขนาดสองเลน เราค่อยๆคืบใกล้สู่เขตชุมชน เลี้ยวซ้ายวกขวาประมาณสามถึงสี่ทบ เป็นอันถึงจุดหมายที่โย่งต้องลงก่อน ที่นั่น กาด ออกมารอรับคู่หูตั้งแต่ก่อนล้อจะหยุดหมุน
นั่น
อยากรู้นัก ไม่ลงไปถามไอ้กาดมันล่ะว่ามาได้ไง ผมพูดในอารมณ์ขันปนประชด
เชี่ยเอ๊ย
ดอดแบะปากตอบโต้
ประเมินคร่าวๆด้วยสายตา ที่หมายของบัดดี้ลำดับสอง มีองค์ประกอบแทบจะไม่แตกต่างกับจุดแรกที่เพิ่งจากมาเมื่อสักครึ่งชั่วโมงก่อน เห็นชัดโดยไม่ต้องเล็งซ้ำ คือ ที่นี่มีรั้วรอบขอบชิด และความหนาแน่นของบ้านเรือนร้านค้ามีมากกว่าในอัตราห้าต่อหนึ่ง ร้านชำตั้งอยู่ริมถนนเยื้องมุมรั้ว ถัดออกไปเพียงสองคูหา ตู้กระจกแขวนไก่นึ่งเคียงคู่ชิ้นหมูแดง ตั้งหราท้าต่อมหิว ฟากตรงข้ามเรียงรายด้วยร้านอาหารลานตา มีทั้งร้านอาหารตามสั่ง ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว ส้มตำ ไก่ย่าง
เปรมแหงๆ งานนี้ผีจับวางอย่างไม่ต้องเถียง ผมพูดกับดอดและกับตัวเอง
นั่นสิ ดอดเห็นพ้อง
เหมือนมวยถูกคู่ เหมือนดูคนรักหมาดใหม่ ราวไก่ได้ข้าวเปลือก ไม่ว่าเพื่อนเราถูกเลือกให้มาลงที่นี่ด้วยพลังปิศาจอะไรก็แล้วแต่ ผมกับดอดเห็นว่ามันเหมาะสมกันดีแท้ ระหว่างจอมรับทานระวางสิบพุ่น * กับแหล่งกินที่ดื่มขนาดสิบห้าห้องแถวทอดแนวกระชั้นชิด มองซ้ำอีกรอบ ก็ให้หายห่วงว่าโย่งของเราจะรันทดอดข้าวมากไหม เมื่อต้องไกลบ้าน บนระยะทางปริ่มสามร้อยกิโลเมตร เวลาห้าเดือนครึ่งนับจากนี้ไป เป็นอันวางใจได้เต็มร้อย ว่าความอวบอัดที่คุ้นเคย จะไม่หายไปไหนให้เป็นภาระต้องปรับรูม่านตา
 พุ่น : กะละมัง หรือ ชามอ่าง ชามโคม ขนาดใหญ่ / ปักษ์ใต้ใช้เรียก
จากคุณ :
ด.ช.นันท์
- [
22 ธ.ค. 46 00:14:14
A:203.113.77.132 X:
]