วันที่พบเธอครั้งสุดท้าย ตอนจบ

    ตอนที่แล้วเจ้าค่ะ

    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2578847/W2578847.html

    *********

    เมื่อเลื่อนเม้าท์ไปที่หัวข้อเรื่อง  “รักดี-ดี”   เกิดเป็นแถบรูปมือ   แล้วดับเบิ้ลคลิก  โปรแกรมเอ็กซ์พอลเลอร์รันตัวครู่หนึ่ง   ด้านล่างของจอคอมพิวเตอร์ปรากฏแถบสีน้ำเงินเข้มกำลังวิ่งเพื่อเปิดข้อความ    ตัวหนังสือสีน้ำตาลแดงปรากฏขึ้นบนจอคอมพิวเตอร์  สายตาของหญิงสาวมาหยุดอยู่ที่ย่อหน้าแรก

    "รักดี-ดี" ของเรา! มันไม่ใช่รักแบบคนรักหรอกนะ มันเป็นรักแบบเพื่อน...มิตรภาพ เป็นไง...มีค่ามั๊ยหล่ะ? ที่จริงรักแบบไหนมันก็มีค่าอยู่ในตัวของมันอยู่แล้ว เพียงแต่รักแบบเพื่อนดูแล้วจะมีค่ายั่งยืนมาก ๆ รองจากรักจากพ่อแม่

    "อาร์ต" ชื่อเนี่ยะแหล่ะ! My Friend ...เพื่อนรักเราเลย บ้านอาร์ตอยู่ติดกับเรา อาร์ตเกิดวันเดียวกับเรา โรงพยาบาลเดียวกัน ต่างกันตรง อาร์ตเป็นผู้ชายเราเป็นผู้หญิง แล้วก็คนละพ่อคนละแม่ก็เท่านั้น อาร์ตตอนเด็ก ๆ น่ารักมาก ๆ อาร์ตเหมือนตุ๊กตา ผิวขาว หน้าหวาน ตาใส มองแล้วเพลินดี อาร์ตออกเป็นเด็กเงียบ ๆ ขี้อาย

    ส่วนเราหน่ะเหรอ? "มะเหมี่ยว" นั่นแหล่ะชื่อเรา ทุกอย่างที่เป็นบุคลิกของอาร์ต ตรงข้ามกับเราซะเกือบหมด อยากรู้ใช่มั๊ยว่าเราเป็น.. เราก็...เด็กผู้หญิง ผิวขาว ตาโต เรียกว่าเห็นตามาก่อนเลย จะน่ารักก็ต่อเมื่อนั่งนิ่ง ๆ ซึ่งภาพนั้นก็ไม่มีใครได้เห็นเท่าไหร่ เราซน เล่นแรง ๆ แบบเด็กผู้ขาย นิสัยผู้ชายเลยแหล่ะ

    เรากับอาร์ตสนิทกันมา 19 ปีแล้ว ก็ตั้งแต่เกิด แต่เรื่องของฉันมันไม่เหมือนเรื่อง "แฟนฉัน" หรอก ถึงแม้มันจะมีส่วนคล้าย (ก็หนังเรื่องนี้มันตรงกับชีวิตตอนเด็ก ๆ ของหลายคนนี่) แถวบ้านเรามีแต่เด็ก ๆ รุ่นเดียวกัน ส่วนใหญ่ก็ผู้ชาย แต่ผู้หญิงกับผู้ชายจะไม่เล่นด้วยกันนะ ยกเว้นเรา...เล่นกับผู้ชายได้ทั้งวัน ที่สำคัญ เรานี่แหล่ะหัวหน้าแก็งค์ เราทะโมนเหมือนเด็กผู้ชาย ก็เลยต้องเล่นอะไรที่ผู้หญิงเค้าไม่เล่นกัน

    อาร์ตก็ชอบเล่นกับผู้ชายนะ แต่อาร์ตจะเป็นพวกคอยตาม ไม่ออกความคิดเห็น จะเล่นอะไรก็เล่น อาร์ตเล่นหมด ฟัง ๆ ดูเหมือนเราเป็นผู้นำ ซึ่งมันก็จริง อาร์ตออกจะเชื่อฟังเรา ดูแล้วเหมือนเราเป็นพี่อาร์ตซะมากกว่า แต่เราก็สนุกนะ อยู่ด้วยกันอย่างนี้ทุกวัน แทบจะไม่ทะเลาะกันเลย เช้าตื่นนอน ใครตื่นก่อนก็ไปปลุกคนนั้น ไปโรงเรียนพร้อมกันเพราะเราเรียนที่เดียวกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว จนโตเราก็ยังเรียนด้วยกัน ห้องเดียวกันด้วย เย็นก็กลับบ้านด้วยกัน ใครเลืกก่อนก็ต้องรอกัน เหมือนแฟนกันซะอย่างนั้น เพื่อนก็เชียร์ แต่เราก็คบกันแบบเพื่อนเรื่อย ๆ มา ไม่เปลี่ยน ที่เปลี่ยนก็อาร์ต อาร์ตไม่หน้าหวานแล้ว กลายเป็นหล่อ หน้าคม ใครเห็นก็หันหลังมองตามกันทั้งนั้น แถมไม่ขี้อาย กลายเป็นคนอารมณ์ดี และมักจะเอาเราเป็นไม้กันหมาเสมอ ก็จะทำไงได้ ก็เพื่อนกัน เลยต้องช่วยกัน

    เราเคยคิดนะว่าเรามีเพื่อนที่สนิทที่สุดคนนี้คนเดียวก็พอแล้ว เราโชคดีกว่าใครที่มีเพื่อนที่เข้าใจเรามาก ๆ

    แต่...เมื่อเดือนที่แล้ว อาร์ตก็ไป... อาร์ไปไกลเกินกว่าเราจะตามไปด้วย อาร์ตหายไปเฉย ๆ ไม่บอกใคร ไม่ลาใคร "อาร์ตตาย" อาร์ตถูกรถชนเพราะพวกมักง่าย ไม่เคารพกติกาสังคม เมาแล้วขับเสยขึ้นฟุตบาทที่อาร์ตกำลังเดินกลับบ้านตอนซ้อมบาสเสร็จแล้ว อาร์ตเสียที่โรงพยาบาลเพราะทนพิษบาทแผลไม่ไหว

    หลังจากเรารู้เรื่อง มันทำอะไรไม่ถูกนอกจากเสียใจ อาร์ตไปแล้ว อาร์ตทิ้งเราไว้คนเดียว เราทำใจอยู่นานกับเรื่องนี้ ซึ่งมันก็ยาก เพราะบ้านอาร์ตติดกับบ้านเรา เห็นบ้านทุกวัน เห็นห้องอาร์ตทุกวัน แต่ไม่มีอาร์ตออกมารอเราที่ระเบียงเหมือนทุกวัน ฉันไปขอของจากห้องอาร์ตมาเก็บไว้บางส่วนที่พอจะทำให้ภาพความทรงจำเกี่ยวกับอาร์ตชัดเจนขึ้น รูปถ่าย... ไดอารี่...เปิดอ่านแล้วมันเศร้าปนดีใจยังไงเราก็บอกไม่ถูก

    "เหมี่ยว...สำหรับอาร์ตเป็นสิ่งที่ดีที่สุดรองจากรักของพ่อกับแม่อาร์ต
    เหมี่ยว...เป็นเพื่อนรักของอาร์ต เป็นที่ปรึกษา เป็นคนที่อาร์ตไว้ใจ
    เหมี่ยว...เป็นตัวตลกตอนอาร์ตเหงา เบื่อ
    เหมี่ยว...น่าเป็นห่วงสำหรับอาร์ตตอนเหมี่ยวจริงจังกับการต่อจิ๊กซอร์ (กินข้าวบ้างนะ)
    เหมี่ยว...เป็นเพื่อนก็ได้ เป็นแม่ก็ได้ เป็นน้อง เป็นพี่ เป็นแฟน เหมี่ยวเป็นทุกอย่างนั่นแหล่ะ
    เหมี่ยว...น่ากลัวตอนโกรธ (แต่เราโกรธกันไม่ถึง 10 นาที)
    อาร์ตขอบคุณที่เหมี่ยวไม่คิดหาใครมาแทนอาร์ต (อาร์ตก็ไม่คิดหาใครมาแทนเหมี่ยวนะ) ถึงเราจะไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่อาร์ตก็ดีใจที่เราเป็นเพื่อนกัน ได้รักกันอย่างนี้ทุกวัน ขอบคุณที่เหมี่ยวมี "รักดี-ดี" ให้กับอาร์ต ขอบคุณนะ"

    เรารู้ว่าทำยังไงก็เรียกอาร์ตกลับมาไม่ได้ แต่อาร์ตก็คงรับรู้ได้ว่าเราไม่เคยลืมอาร์ตเลย อาร์ตจะอยู่เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดสำหรับเราเสมอ จะไม่มีใครมาแทนอาร์ตได้เลย เราแน่ใจว่าความรู้สึกดี-ดีของอาร์ตจะกลบความทุกข์ที่เรามีได้ในไม่ช้า

    วีรภาเลื่อนเม้าท์มองตัวหนังสือจากบทความหนึ่งในเวปความรู้สึกดีดีจนถึงตัวอักษรสุดท้าย   ความรู้สึกบอกเธอว่า  ไม่ว่าจะรักแบบไหน  ความตายก็พรากให้เราต้องจากกันอยู่ดี   แต่เราคงอยู่อย่างไม่รักใครเลยไม่ได้  เธอคลิกเม้าท์ที่ห้องเพื่อนกันฉันพี่น้อง  ไม่พบนิคของแจคอย่างเคย    

    มีชายหนุ่มเข้ามาขอแชตคุยกับเธอ  แล้วขอเบอร์โทร  เธอไม่ลืมที่จะให้เขาดูรูปเธอก่อน  เผื่อวัดความจริงใจของคน ๆ นั้น  และแน่นอนว่า  เมื่อเขาคนนั้นดูรูป  ก็ไม่มีใครขอเบอร์โทรของเธออีกแล้ว

    “ไม่เห็นมีใครเหมือนนายเลย  แจค…  “  เธอคิดถึงเขา  เขาจะคิดถึงเธอบ้างหรือเปล่า…อดมีคำถามขึ้นมาในใจไม่ได้

    วีรภาละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์มองดูนาฬิกา  เวลาบนหน้าปัดบอกเวลาบ่ายสามกว่าแล้ว  เธอหันกลับมาที่จอคอมพิวเตอร์อีกครั้ง  แล้วปิดโปรแกรมต่าง ๆ ที่เปิดค้างไว้อยู่ทั้งหมด  ขยับตัวลุกขึ้น  เก็บข้าวเก็บของให้เรียบร้อย  เย็นนี้เธอจะไปงานศพญาติของชมจันทร์  แววตาหญิงสาวมีความกังวล  เพราะยังไม่รู้จะไปวัดถูกหรือเปล่า  แล้วก็รู้สึกไม่ค่อยสบาย  เหมือนจะเป็นไข้  ตัวรุม ๆ ชอบกล  เมื่อเก็บของเสร็จคว้ากระเป๋าสะพายสีดำออกจากร้าน  ทันทีที่ดึงประตูเข้าหาตัว  ชายหนุ่มก็เปิดประตูเข้ามาเช่นกัน  ต่างคนต่างอึ้งไปชั่วอึดใจ

    “สวัสดีครับคุณวี”  เสียงหล่อ ๆ เอ่ยทักทายก่อน  พร้อมรอยยิ้ม
    “สวัสดีค่ะคุณชัยอรุณ”
    “ปิดร้านเร็วจังครับวันนี้”  เขามองเห็นป้ายคำว่า  “ปิด”  ห้อยอยู่ที่ประตูกระจก
    “ค่ะ  จะไปงานศพญาติของชมจันทร์น่ะค่ะ  มีไรป่าวคะ”
    “แถวไหนหรอครับ  ผมว่างครับ  ขอไปร่วมแสดงความเสียใจด้วยนะครับ”
    “อืม…แถวบางกอกน้อยค่ะ  วัดดงมูลเหล็ก”
    “อ๋อ…วัดดงมูลเหล็กนี่เอง  ผมเคยเรียนชั้นประถมที่นั่นนะครับ”  เขามองหน้าเธอที่ดูซีดเซียว
    “หน้าคุณดูซีด ๆ นะครับวันนี้  ไม่สบายหรือเปล่าครับ”  

    วีรภายิ้มเล็กน้อยในความช่างสังเกตของเขา  
    “นิดหน่อยค่ะ  รู้สึกไม่ค่อยสบายเหมือนจะเป็นไข้นะคะ”
    “แล้วจะไปไหวหรือครับ”  น้ำเสียงของเขาแสดงความห่วงใยเธอไม่น้อยเลย
    “ไหวค่ะ  แต่ยังไม่รู้จะไปยังไงนะคะ  ไม่คุ้นทางเท่าไหร่ค่ะ”
    “งั้น…ในฐานะเพื่อน….”  เขามองคนตรงหน้าอย่างช่างใจ

    วีรภามองหน้าชายหนุ่มเหมือนจะรู้ประโยคถัดมาที่จะเอ่ย   เธอจะทำอย่างไรดี  รู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก   ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยไปไหนกับผู้ชายสองต่อสองแบบนี้เลย  แล้วจะไว้ใจเขาได้ขนาดไหน

    “ผมขออนุญาตไปส่งนะครับ  อยากไปร่วมแสดงความเสียใจกับคุณชมจันทร์ด้วย  การจากกันไปตลอดชีวิตแบบนี้มันเศร้าจังเลยนะครับ”  แววตาแสนเศร้าของเขายิ่งเศร้าเข้าไปอีก

    “ได้รึเปล่าครับ”  เขาถามย้ำเมื่อเห็นเธอนิ่งเงียบไป

    “ไม่เป็นไรค่ะ  ขอบคุณนะคะ”  เธอตัดสินใจตอบปฏิเสธ  ซึ่งเป็นนิสัยส่วนตัวที่มีมาแต่เดิม  ไม่เคยยอมรับความช่วยเหลืออะไรจากใครง่าย ๆ เสมอ

    “ไม่เป็นไรครับ  ถ้าคุณลำบากใจ”  สีหน้านั้นสลดลง  เขาเว้นจังหวะเล็กน้อยก่อนพูดต่อ
    “แต่…ผมไม่อยากให้คุณไปคนเดียวในขณะที่คุณไม่สบายแบบนี้นะครับ”
    “วันนี้เป็นวันสวดวันสุดท้ายแล้ว   ฉันยังไม่ได้ไปฟังสวดซักวันเลยค่ะ  ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง  ฉันไม่เป็นไรค่ะ  ไปไหวค่ะ”  เธอมองชายหนุ่มที่ยังยืนขวางประตูอยู่  เธอเริ่มรู้สึกปวดหัวหนึบ ๆ แล้วตอนนี้
    “ขออภัยนะคะ  ขอทางด้วย  ฉันจะปิดประตูแล้วค่ะ”

    เขายังไม่ยอมหลีกไป

    “ผมขออนุญาตไปส่งนะครับ”

    วีรภามองหน้าชายหนุ่ม  เพิ่งรู้เหมือนกันว่า  ผู้ชายเงียบขรึมอย่างเขา  ดื้อเอาการน่าดู  แต่เป็นการดื้ออย่างสุภาพ  เธอคิดทบทวนเรื่องราวเกี่ยวกับเขา  ก่อนจะตัดสินใจตอบ  ตั้งแต่รู้จักกัน  เขาเป็นคนสุภาพ  และขี้เกรงใจมากมาตลอด  เขาน่าจะเป็นคนที่ไว้ใจได้  อาจจะไม่มีอะไรอย่างที่เธอกังวลใจ  ที่สำคัญเธอไม่รู้ทางที่จะไปวัดนั้นเลย

    จากคุณ : ส้มโชกุน - [ 23 ธ.ค. 46 11:10:34 A:203.113.36.11 X: ]