เรื่องนี้แต่งด้วยอารมณ์จริงๆ....แต่ถ้าคนอื่นจะทำตามที่ตัวละครขอไว้ตอนท้ายก็ดีนะ
เฮ้อ......รู้สึกไงอย่าลืมเขียนบกอนะฮับ เพราะเพิ่งเคยแต่งเรื่องสั้นอ่ะ
...............................
สิ่งที่เปลี่ยนไป
ผมเดินมานั่งที่โซฟาตัวโปรดอย่างเพลียๆกับงานพิธีที่เพิ่งผ่านพ้นมาเมื่อเย็นนั้น
ก่อนที่จะเหลือบแลไปยังโซฟาอีกตัวที่อยู่ใกล้ๆกันอย่างไม่ตั้งใจ
เธอ เคยนั่งอยู่ตรงนั้น
ไม่กี่วันมานี้ เธอ ยังนั่งอยู่ตรงนั้น คุยกับผมอยู่แท้ๆ
.
แต่มาในวันนี้ เธอ คงจะไม่มานั่งที่นี่อีกแล้ว
..
ในเมื่อ เธอ กล้ายเป็นเถ้าถ่านไปพร้อมกับเปลวเพลิงในเมรุแล้วเมื่อเย็นนี้เอง
ผมลองคิดทบทวนดูทุกสิ่งเกี่ยวกับ เธอ
ผมกับเธอไม่ใช่คนรักกัน ไม่ใช่สามีภรรยา เราไม่มีความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาวกัน
ทั้งๆที่เธอก็ออกจะหน้าตาดีแท้ๆ และผมก็คิดว่าตัวเองก็ไม่ใช่คนขี้ริ้วเท่าไรนักหรอก
ถ้าเราจะรักกันมันก็ไม่มีอุปสรรคอะไรแท้ๆ
.
แต่ทำไม
จนป่านนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกัน
เธอ เคยหัวเราะเมื่อผมปรารถเรื่องนี้ดังๆให้เธอฟัง
ก่อนที่เธอจะตอบผมด้วยคำตอบที่ไม่ให้ความสว่างแก่ผมเลยแม้แต่นิดเดียวว่า
ดีแล้ว
แต่ เธอ ก็เป็นของเธออย่างนี้เอง ไม่มีใครเข้าใจความคิดของเธอ
และเธอเองก็ไม่คิดจะให้ใครเข้าใจมันด้วย
เพื่อน ของเธอจึงมี ผม คนเดียวเท่านั้นเอง
ผมรู้ว่า เธอ มีปัญหาครอบครัวหลายๆเรื่อง แต่เธอก็ไม่เคยให้รายละเอียดผม
เพราะถ้าผมถามหรือเลียบเคียงเธอ เธอก็จะยิ้มๆและค่อยๆเบี่ยงประเด็นไปโดยที่ผมไม่ทันเธอเสียที
แต่ผมคิดว่าปัญหาของเธอมันคงไม่ใช่น้อยๆแน่ ในเมื่อพอบางทีเธอก็มานั่งอยู่บ้านผมจนเย็นจนค่ำ
มันไม่เป็นปัญหาเพราะเราซี้กัน และเธอเองก็ทำตัวเหมือนเพื่อนทั่วๆไป กินข้าว อ่านหนังสือ ดูทีวี
ก็แค่นั้นเอง
..
แต่เวลาผมเหลือบดูนาฬิกา เธอก็จะยิ้มให้ผมและบอกว่า
ขออยู่อีกหน่อยนะ ยังไม่อยากกลับน่ะ
ใครๆอาจจะหาว่าผมด่วนสรุปไม่ได้หรอก เพราะผมเจออย่างนี้หลายครั้ง และเธอก็ไม่ได้ ให้ท่า ผมเสียด้วย
ผมเป็นผู้ชาย ผมรู้ดี
ท่าทางเธอเหมือนเด็กๆที่ติดใจสนามเด็กเล่นแล้วเล่นเพลินเลยยังไม่อยากกลับ
..
ผมดูท่าจะเป็นคนเก็บความคิดไม่อยู่แน่ๆ เพราะไม่นานผมก็บอกความคิดเรื่องนี้ให้เธอฟัง
เลยเรียกคำพูดแปลกๆ แต่ฟังดูเศร้าสำหรับผมจากเธอได้อีก
สมัยเป็นเด็ก
เวลาที่เราเล่นเพลินๆเราจะรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปรวดเร็ว จนค่ำมืดแล้วก็ไม่อยากกลับ
เพราะรู้สึกเหมือนเราได้อยู่ในโลกแห่งความฝัน เลยไม่อยากกลับบ้านไปรับรู้อะไรอีกหลายอย่าง
..
เธอหัวเราะเบาๆ ก่อนซบหน้าลงกับแขนของตัวเองที่วางบนโต๊ะ
ตอนเป็นเด็กๆเคยอยากเป็นผู้ใหญ่นะ
..เพราะผู้ใหญ่ทำอะไรหลายๆอย่างที่เราถูกห้ามได้
ไม่ต้องฟังใครมากมาย ตัดสินใจด้วยตัวเองได้
แล้วตอนนี้ล่ะ ผมในตอนนั้นย้อนถามเธอ
อยากกลับไปเป็นเด็ก
..มั้ง
. เพราะเป็นเด็กไม่ใช่ไม่รู้อะไรหรอกนะ แต่เป็นเด็กไม่ต้องคิดอะไรมากมาย
ถึงจะถูกจำกัดในโลกแคบๆของเรา แต่สำหรับตอนนั้นโลกใบนั้นก็กว้างใหญ่และสนุกสนานพอแล้ว
ไม่เหมือนเวลาที่โตมา มองเห็นอะไรมากมาย คิดว่าไง
จู่ๆเธอก็ย้อนถามผมเล่นเอาผมงงเหมือนกัน
เธอเลยต้องอธิบายต่อด้วยน้ำเสียงที่เหมือนมีกังวานความเศร้าแฝงอยู่
โลกเปลี่ยนไปเรื่อยๆ หรือว่าตัวเรา แววตาของเราที่มองโลกกันแน่นะที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ผมบอกเธอว่าผมคงตอบไม่ได้ เพราะผมไม่ได้จบปรัชญามา
เธอสวนทันทีพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้มนิดๆ
ถ้าเห็นบางอย่างอยู่ทุกวัน มันอาจจะให้อะไรกับเรามากกว่าเรียนก็ได้นะ
เธอทิ้งไว้แค่นั้นในตอนนั้น และผมเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมันอีก
จนมาเมื่อไม่นานนี้ เธอดูละคร
.อ๋อ แน่นอนว่าโทรทัศน์ที่บ้านผม
.
อย่างไหนกันนะ จู่ๆเธอก็พึมพำออกมาขณะทอดตามองไป
แต่ผมรู้สึกหมือนแววตาเธอไม่ได้จับอยู่ที่ภาพในจอโทรทัศน์เบื้องหน้าเลย
อะไร? ผมได้แต่ย้อนถามเธอไป
ผู้หญิงในเรื่องนี้ ตายไป
เป็นเปรต
แต่เขาไม่ได้บอกไว้น่ะ ว่าผู้หญิงคนนี้
.
เธอพูดได้ไม่จบเสียงโทรศัพท์ก็ดังขัดจังหวะ ผมเลยต้องลุกไปรับ
กลับมาอีกทีเธอก็เปลี่ยนช่องไปดูรายการอื่นต่อไปแล้ว
และผมก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอคิดอยู่ดี
จนมาวันหนึ่ง ผมที่กำลังปวดหัวกับงานและพาลหงุดหงิดรำคาญเสียงฝนไปเสียเฉยๆงั้นแหละ
เธอก็มาหาผม
..
ผมไม่ได้แปลกใจอะไรเลย เพราะมันเป็นเรื่องปกติสำหรับผมกับการมาเยือนของเธอ
แต่วันนี้ผมรู้สึกว่าขอบตาเธอมันบวม ช้ำ
เหมือนคนที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักทั้งๆที่เธอก็ยังยิ้มอ่อนๆให้ผมเหมือนเคย
เธอเข้ามานั่งข้างในบ้านผมแบบเดิม ที่โซฟาตัวเดิม ก่อนเหลือบไปยังงานผมที่กองอยู่ ถามว่ายุ่งมากไหม
ผมตอบปฎิเสธเธอไปว่าไม่เพราะผมกำลังอยากพักพอดี
เธอมองหน้าผมก่อนบอกลอยๆด้วยประโยคง่ายๆคำเดียว
ฉันอกหัก!
ผมชะงักมองหน้าเธออย่างงงจริงๆเพราะผมคาดไม่ถึง
ขณะที่เธอค่อยๆเล่าเรื่องออกมาด้วยประโยคเดียวที่ช่วยให้ผมรู้เรื่องของเธอเกือบจะทั้งหมด
เขา
..ตอนนี้เป็นคู่หมั้นน้องสาวน่ะ น้องสาวคนละพ่อกับฉันที่เป็นลูกชู้ของแม่กับผู้ชายที่ไหนไม่รู้
เธอบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยเหมือนไม่หนักหนา แม้แต่แววตาคู่สวยคู่นั้นก็ไร้แววใดๆทั้งปวง
เธอทำเหมือนมันเป็นเรื่องเล็กน้อย
แต่ผมรู้ว่าไม่
.เพราะไม่งั้นเธอจะไม่อยากกลับบ้านทำไม
และเธอที่แสนฉลาดเพราะมักเดาความคิดผมออกคราวนี้ก็ไม่ได้พูดต่อเพื่ออธิบายกลับแย้มยิ้มน้อยๆแทนคำพูด
ผมได้แค่ย้อนถามเธอไปว่า เสียใจมากไหมที่เขาทำอย่างนั้น
เธอมองหน้าผมก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเหมือนพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ
มนุษย์
.เป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลก
. ตรงที่หัวใจมันแหลกสลายได้หลายๆครั้ง
ทั้งๆที่เราคิดว่าหัวใจเรามันแหลกสลายไปนานแล้ว แต่พอเจอความเจ็บปวดครั้งใหม่
เราก็รู้สึกว่าหัวใจเรายังทำหน้าที่ของมันอยู่
หน้าที่ที่จะให้ความเจ็บปวดแก่มนุษย์คนนั้นผู้เป็นเจ้าของหัวใจ!
ไม่รู้ทำไมมามองจากตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่แย่เต็มทนที่ได้แค่มองเธอเงียบๆเท่านั้นเอง
ดูเหมือนเธอเองก็ไม่ต้องการคำพูดจากผม เธอจึงพูดต่อเสียเอง
จำได้มั้ย..วันนั้นที่ดูหนังกัน ฉันถามว่าผู้หญิงที่เป็นเปรตทรมานเพราะอะไร
.
ฉันอยากถามนายว่าผู้หญิงคนนั้นทรมานเพราะเป็นเปรต ไม่ได้รับส่วนบุญ
หรือเพราะ
ไม่มีใครสักคนที่มีชีวิตอยู่คิดถึงเธอ
เธอไม่อยู่ในหัวใจใครที่จะทำบุญไปให้เธอเลยกันแน่!
เธอถามผมสองคำถามแล้วที่ผมตอบไม่ได้
. และคำถามสุดท้ายที่เธอถามผม
ตกลงนายว่าไง
โลกเปลี่ยนไปอย่างที่ใครๆพูดกัน หรือว่า
.ตัวเราที่เปลี่ยน?
มันเป็นคำถามปริศนาสุดท้ายที่เธอชอบทิ้งไว้ให้ผม
ก่อนที่เธอ
..
เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจล้มเหลว
คือสาเหตุการตายของเธอ
แต่คนที่บ้านพากันพูดว่า
เธอหลับไป
.แค่นั้นเอง เพราะตอนเช้าเธอแค่ไม่ตื่น
ไม่เหมือนกับเธอตายสักนิด
ผมก็คิดอย่างนั้น
เมื่อไปรดน้ำ เธอ เหมือนเธอจะลืมตา และทวงคำตอบจากผมได้ทุกเมื่อ
.
คำตอบจากคำถามที่เธอถามถึง สิ่งที่เปลี่ยนไป
จนตอนนี้
.ผมก็ยังหาคำตอบให้เธอไม่ได้เหมือนกัน ผมรู้แค่ว่าพรุ่งนี้ผมจะใส่บาตรให้เธอ
และจะทำไปเรื่อยๆแน่
..
มันอาจไม่ใช่คำตอบที่เธอต้องการ แต่ผมก็อยากให้รู้ว่า เพื่อน ของเธอคนนี้ยังมีหัวใจไว้ให้เธอออยู่
อย่าห่วงเลย
แต่ถ้ามีใครสักคน
.
ตอบคำถามของเธอแทนผมก็ผมดี
.
ใครก็ได้
.
ตอบที
โลกเปลี่ยนไปอย่างที่ใครๆพูดกัน หรือว่า
.ตัวเรา แววตาของเรา ทุกสิ่งของเรา
.ที่เปลี่ยน?
จากคุณ :
อมราวตี
- [
23 ธ.ค. 46 17:14:49
A:203.113.45.100 X:
]