จ้าวสมุทร ตอนที่ 15 หมู่บ้านมนุษย์เงือกเอราวัน (2)

    “..แล้วทำไม.. ทำไมฉันต้องไปอยู่ที่บนนั้นด้วยล่ะ..” อูวดลถาม

     มาลาตีมองหน้าเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมา “เรื่องนั้นฉันก็ไม่รู้หรอก หลายครั้งที่ฉันพยายามจะถามท่านจ้าวสมุทร แต่ฉันก็ไม่เคยได้คำตอบเลย  และฉันก็เชื่อว่าคนที่อยู่ที่นี่รวมทั้งที่อื่น ต่างก็ต้องรู้เรื่องนี้ ด้วยเหมือนกัน บางทีคนพวกนี้อาจจะถูกสั่งไม่ให้พูด เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ได้..”

     “อะไรนะ.. ไม่ให้พูดงั้นเหรอ.. ใครก็ได้บอกฉันทีซิ.. นี่มันเรื่องอะไรกันแน่..” อูวดลทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ข้าง ๆ มาลาตี มือของเขากุมขมับไว้ ไม่ต้องถามก็รู้ว่าตอนนี้เขาเครียดแค่ไหน แค่เมื่อวานที่เขารู้ความจริงว่าเขาเป็นมนุษย์เงือก มันก็ทำให้สมองของเขาแทบจะหยุดทำงานแล้ว วันนี้ก็ต้องมาเจอเรื่องบ้า ๆ แบบนี้อีก..

     “..แต่ฉันแน่ใจว่า จะต้องมีการ สั่งไม่ให้พูด  เพราะเมื่อห้าปีที่แล้ว พ่อแม่ของนาคินมาหาเขา นาคินก็ถามเขาสองคนไปเหมือนกันว่า ทำไมนายต้องไปอยู่ที่โลกบนพื้น แม่ของเขาแสดงสีหน้าหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัดเลยนะ แล้วพ่อของเขาก็ตอบทั้ง ๆ ที่ใบหน้ายังไม่หายซีดเลยว่า ‘เรื่องนี้พ่อไม่รู้ เดี๋ยวสักวันหนึ่ง ที่เขากลับมา เจ้าก็อาจจะได้รู้จากปากของเขาเอง..’ เขาโกหกไม่เนียนเลย ฉันเชื่อว่าเขาต้องรู้อยู่แล้ว..” มาลาตีพูดพลางเดินไปที่หน้าต่าง เธอเปิดม่านออกและมองลอดหน้าต่างกระจกไปยังจ้าวสมุทรวาสุกรีที่กำลังกล่าวปราศรัยอะไรบางอย่างกับกลุ่มคนที่มาชุมนุม

     “ฉันว่าท่านจ้าวสมุทรกำลังพูดเกี่ยวกับ เรื่องนี้ อยู่แน่นอน และสิ่งต่าง ๆ ที่นายกับฉันกำลังสงสัยจะต้องกระจ่างหากเราได้ยินคำพูดของท่านจ้าวสมุทรในเวลานี้..” มาลาตีพูด

     อูวดลมองลอดหน้าต่างไปที่จ้าวสมุทรวาสุกรีเช่นเดียวกับมาลาตี เขาไม่ได้ยินเสียงพูดของจ้าวสมุทรเลยแม้แต่คำเดียว ในใจเขาคิดว่า จ้าวสมุทรวาสุกรีคงจะพูดด้วยเสียงที่เบามาก ๆ เลยทีเดียว เบาพอที่เขากับมาลาตีที่อยู่ภายในบ้านห่างจากตัวจ้าวสมุทรเพียงหกเมตรไม่ได้ยินอะไรเลย.. แต่ลองมาคิดอีกที การที่จ้าวสมุทรจะพูดปราศรัยกับคนนับร้อย จะต้องไม่พูดด้วยเสียงที่เบาเป็นแน่..

    “แปลก..” อูวดลมองหน้ามาลาตีเพื่อจะถามคำถามอีกข้อ “..ทำไมฉันถึงไม่ได้ยินเสียงของท่านจ้าวสมุทรเลย ทั้ง ๆ ที่เสียงโห่ร้องของกลุ่มคนยังทำให้ฉันหูแทบแตกอยู่..”

     “..อู..” อีกครั้งที่มาลาตีมองหน้าอูวดลด้วยสายตาเหนื่อยอ่อนอูวดลอยากจะขอซื้อแววตาแบบนี้เสียเหลือเกิน “ท่านจ้าวสมุทรมี พลังเวท..”

     “อะไรนะ..” อูวดลตาลุกวาว “พลังเวท.. เธอหมายถึงเวทมนตร์น่ะเหรอ.. ไม่ตลกเลยนะที่เธอจะบอกว่ามนุษย์เงือกมีเวทมนตร์.. และเธอกับฉันก็มีด้วย..”

     มาลาตีถอนหายใจอย่างอ่อนล้า “ไม่ใช่เวทมนตร์อู.. พลังเวท คือพลังที่ใช้ในการควบคุมสภาพแวดล้อม.. จริง ๆ แล้วสิ่งมีชีวิตทุกประเภทล้วนมีพลังเวทอยู่ในตัวทั้งนั้น.. มันขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถดึงมันออกมาใช้ได้หรือเปล่า.. มันต้องฝึกหนักพอสมควรเลยล่ะ.. และมนุษย์ธรรมดาก็สามารถใช้พลังเวทได้เหมือนกัน.. ไม่ใช่แค่มนุษย์เงือก..” มาลาตีหยุดพักหายใจสักครู่ก่อนจะอธิบายต่อ  “..จ้าวสมุทรวาสุกรีเป็นหนึ่งในน้อยคนที่สามารถดึงเอาพลังเวทมาใช้ได้.. และมันก็คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาถ้าเขาจะบังคับเสียงของเขาไม่ให้เดินทางมาให้เราได้ยิน.. เขาทำได้อยู่แล้ว.. โอ๊ย ! ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ.. ทำไมต้องปิดบังกันด้วยนะ..”

     ตอนนี้ อูวดลเลิกคิดเรื่องบ้า ๆ ที่เขาประสบเมื่อสักครู่ไปชั่วคราวเพื่อเอาสมองมาคิดเรื่อง พลังเวท ที่เขาได้ฟังจากมาลาตีเมื่อสักครู่.. พลังในการควบคุมสภาพแวดล้อมน่ะเหรอ.. เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเป็นสิ่งที่จะทำกันได้..

     “มาลาตี..” อูวดลเรียกเพื่อที่จะยิงคำถามเพิ่ม “..คนที่ทำแบบนี้ได้น่ะ.. มีเยอะหรือเปล่า..”

     “ไม่หรอก.. เพราะมันฝึกยากมาก ๆ เลย.. ถ้าจะพูดถึงคนธรรมดาฉันก็ไม่รู้หรอกว่ามีสักกี่คนที่ทำได้ แต่ฉันคิดว่าถ้าจะมีก็คงจะเป็นพวกพระสงฆ์แก่ ๆ มากกว่า เพราะคนธรรมดาคงไม่มีเวลาพอจะมาฝึกอะไรพวกนี้หรอก.. แต่ถ้าพูดถึงมนุษย์เงือก ตอนนี้เท่าฉันรู้ก็มีห้าคน หนึ่ง ก็คือ จ้าวสมุทรวาสุกรี สอง ก็ จ้าวสมุทรอันนัมแห่งโซมาลี  จะว่าไปจ้าวสมุทรของโซมาลี นี่จะใช้พลังเวทกันได้ทุกคนเลยนะ สามก็ ท่านโจเซฟ ผู้บัญชาการหน่วยรบแห่งท้องทะเล สี่ก็ ท่านเดอร์ลากูร์ ผู้นำศาสนาและการเคารพแห่งเทพ และห้าก็คือ…” อยู่ ๆ มาลาตีก็หยุดพูด เธอก้มหน้านิ่ง เหมือนระแวงอะไรสักอย่าง

     “ใคร.. คนที่ห้าคือใคร..” อูวดลถาม

     มาลาตีสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างเต็มที่ก่อนจะพูดออกมา.. “..ไซโซ .”

     อูวดลผงะทันที ไซโซ.. นักโทษประหาร..  เขาสามารถใช้พลังเวทได้อย่างนั้นเหรอ.. อูวดลเอามือกุมขมับอีกครั้ง.. เขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที.. ทำไมนะ.. เขารู้สึกว่าเขาได้รู้จักไซโซมาก่อนหน้านี้แล้วยังไงยังงั้น.. เขายังจำการสนทนาเกี่ยวกับตัวเขาระหว่างจ้าวสมุทรและราชเทวีดาหวันได้แม่นยำ.. ในการสนทนาครั้งนั้น มี ไซโซ เกี่ยวข้องด้วย.. และถ้าเขาจำไม่ผิด.. ในความฝันของเขา.. ก็มีคำว่า ไซโซ อยู่ด้วย.. มันต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญเป็นแน่..

     “ไซโซ.. เขาใช้พลังเวทได้อย่างนั้นเหรอ..” อูวดลรำพึงเบา ๆ แต่มาลาตีได้ยิน

     “ใช่... เขาใช้พลังเวทในการก่อคดี.. ฆ่าคน
    ตาย ..” มาลาตีพูดเสียงสั่น ดูเหมือนเธอก็จะกลัวอยู่ไม่น้อย ผิดกับตอนหัวค่ำที่โต๊ะอาหาร ในศูนย์การปกครองอ่าวไทย ตอนนั้นเธอยังสาปส่งไซโซอย่างไม่กลัวเกรง..

     เขาทั้งสองอยู่ในความเงียบเกือบหนึ่งนาที ไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ จนในที่สุดประตูบ้านก็ถูกเปิดออกพร้อมกับการเข้ามาของจ้าวสมุทรวาสุกรีและหัวหน้าหมู่บ้านวรุณ อูวดลและมาลาตีตื่นจากภวังค์ เขาทั้งสองมองลอดหน้าต่างไปอีกครั้ง กลุ่มชุมนุมแยกย้ายกันไปแล้วหลังจากการกล่าวปราศรัยของจ้าวสมุทร

     “เฮ้อ.. กว่าจะเรียบร้อย.. เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน..” จ้าวสมุทรวาสุกรีทอดตัวนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ข้าง ๆ อูวดลที่แต่เดิมมาลาตีนั่งก่อนที่จะไปเปิดม่านมองเหตุการณ์ภายนอก

     “เอ่อ.. ท่านจ้าวสมุทรคะ..” มาลาตีทำท่าจะถามอะไรบางอย่างกับจ้าวสมุทรวาสุกรี อูวดลรู้ดีว่าเธอจะถามเรื่องอะไร และดูเหมือนว่าจ้าวสมุทรวาสุกรีก็รู่เช่นกัน เพราะเขารีบตัดบททันที

     “นี่สามทุ่มกว่า ๆ แล้วนะมาลาตี.. อูวดลจะมีเวลาอยู่ที่นี่ได้อีกแค่เพียงสองชั่วโมง.. รีบพาเขาไปเปิดหูเปิดตาบ้างเถอะ.. แล้วก็จัดการเรื่องเสื้อผ้าให้เขาด้วย..” จ้าวสมุทรพูด

     “ค่ะ..” ใบหน้าของมาลาตีงอง้ำและจำใจยอมทำตาม อูวดลและมาลาตีรึบออกมาจากบ้านของวรุณทันที

     “ทำไมจะต้องปิดบังกันถึงขนาดนี้ด้วยนะ.. คอยดูนะ. ฉันจะต้องรู้ให้ได้เลย..” มาลาตีพูดอย่างไม่พอใจ

     อูวดลมองทัศนีย์ภาพโดยรอบ บ้านเพรียงหินเรียงรายเป็นทิวแถวยาวไปจนสุดลูกหูลูกตา ผู้คนเดินพลุกพล่านเต็มไปหมด มีแผงขายของมากมายบริเวณหน้าบ้านแต่ละหลัง

     “.. กฤษณาเกิดที่นี่เหรอ..” อูวดลถามในขณะที่ตาของเขาจ้องมองดอกไม้ทะเลชนิดต่างที่ถูกปลูกไว้ในกระถางวายขายที่แผงข้าง ๆ กับแผงขายของประดับจากเปลือกหอย มีผู้คนรุมซื้อเนืองแน่นเลยทีเดียว

     “ใช่.. นาคินด้วย..” มาลาตีบอก

     “นาคินก็เกิดที่นี่เหรอ..” อูวดลร้องถาม  

     มาลาตีพยักหน้า “พ่อแม่ของพวกเขาก็รู้จักกันดีด้วย..”

     อูวดลและมาลาตีเดินผ่านแผงขายอาหารจากตัวซัลพ์ที่ไม่มีคนรุมซื้อเลยสักคนเดียวผิดกับแผงขายของอื่น ๆ  และดูเหมือนว่าคนขายกำลังฟุบหลับอยู่กับโต๊ะ

     “แล้วเธอรู้มั๊ย ว่าฉันเกิดที่ไหน..” อูวดลถามออกไป แล้วอูวดลก็นึกอะไรขึ้นมาอย่างหนึ่งได้.. เขาจึงตอบคำถามของเขาเอง

     “หมู่บ้านเนรัญชรา..” อูวดลและมาลาตีพูดพร้อมกัน

     มาลาตีจ้องอูวดลเขม็ง

     “นายรู้ได้ไง..”

     อูวดลอึกอักรีบแก้ตัวเขาคงไม่อยากบอกมาลาตีว่าเขารู้จากความฝัน  “ฉัน.. ฉันเดาเอา..”

    จากคุณ : Waasuthep - [ 23 ธ.ค. 46 22:00:53 A:202.5.88.141 X: ]