ฉันรู้ว่าทุกคนต้องมีความฝัน ฝันแบบเพ้อเจ้อน่ะนะ ฝันว่าอยากเป็นอะไร ฝันว่าอยากได้อะไร
ตลอดชีวิต ฉันก็จะฝันแปลก เปลี่ยนไปเรื่อย แต่มีอยู่ไม่กี่ฝัน ที่ฉันยึดมั่นว่าจะเป็นให้ได้ ชาตินี้ไม่ได้ ชาติหน้าก็จะรอ...
ฝันแรก ฉันอยากเป็นเจ้าพ่อ ผู้มากมีทั้งอิทธิพล รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ เจ้าพ่อที่อัดแน่นไปด้วยคุณธรรม ปราบเหล่าอธรรมให้อยู่กับหมัด (เห็บด้วยก็ได้)
เป็นเจ้าพ่อที่แสนจะใจดี แต่เฉียบขาด คอยช่วยเหลือคนดี ทำนุบำรุงศาสนา สร้างสาธาณูปโภค เช่น ส้วมทันสมัย ตั้งเด่นกลางทุ่งกุลา บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ มีฤทธิจรุงใจ เหมาะกับการเป็นศูนย์กลางจิตใจชาวบ้าน กล่าวคือ...
ต้องรู้จิตวิทยาชาวบ้านหน่อย ชาวบ้านเขามีความเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ หากเราจะไปป่าวประกาศ หรือเปลี่ยนทัศนคติความเชื่อแรงศัทธา นั่น... เป็นเรื่องที่หักหาญน้ำใจกัน ซ้ำร้าย ยังถือเป็นการแบ่งแยกเพื่อนมนุษย์ออกเป็นก๊กเป็นเหล่า ด้วยความเชื่อที่แตกต่าง อันนี้ เจ้าพ่อสือน้อยไม่นิยม
เจ้าพ่อสือน้อย จึงอยากสร้าง บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ เพื่อให้เป็นที่รวมจิตอธิฐาน ให้หมู่มวลศัทธาชน ได้แข่งกันอธิฐานเพื่อทำความดี หากตั้งใจมั่นแล้ว สิ่งที่ขอจะสัมทธิ์ผล
แต่หากตั้งใจทำชั่ว แล้วดันมาอธิฐาน ผลที่ได้รับ จะน่าเกลียดจนเจ้าตัวรับไม่ได้เลย อันนี้เป็นการติดป้ายทองคำ(ปลอม) ไว้หน้าบ่อน้ำ เพื่อเตือนจิต สะกิดต่อม และทางประชาสัมพันธ์ของเจ้าพ่อ ก็จะหาตัวอย่างของผู้คิดดี แล้วประสบความสุขในชีวิต มาโฆษณา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการทำดี โดยมีน้ำในบ่อเป็นกลไก ชาวบ้านจะได้เข้าถึงได้ง่าย --- นี่คือฝันแรก
ฝันสอง นางแบบ! อันนี้ก็ปรารถนายิ่ง ไม่รู้ว่าทำไม นี่ถึงขนาดคิดไว้เลยว่า ชาติหน้าจะไปเกิดเป็นใคร ที่ไหน มีชีวิตอย่างไร แล้วเป็นนางแบบแบบไหนกัน อยากรู้ไหม อยากรู้... ตามมา
ชาติหน้า สือน้อย จะไปเกิดเป็นหญิงสาวชาวผิวตกกระ ถิ่นนั้นอยู่แถบยุโรป สือน้อยจะไปเกิดในตระกูลทูต สือน้อยจึงชำนาญหลายภาษา และแล้ว เมื่อเติบใหญ่ สือน้อย นาม Gracia ก็ให้บังเอิญเดินสะดุดตาปลาของแมวที่กำลังมองมา
หลังจากนั้น สือน้อยก็โลดแล่นอยู่ในวงการนางแบบข้ามโลก แต่ใช่ว่าจะไม่มีอุปสรรค... อยากรู้ ตามมา
เนื่องจาก ท่านพ่อ ท่านแม่ และญาติโยม ไม่นิยมอาชีพนี้ สือน้อยจึงต้องฝ่าด่านหลายด่าน ด่านแรก สือน้อยต้องเรียนการทูตให้จบ ด่านที่สอง สือน้อย ต้องเจริญรอยตามบิดา คือเป็นทูต
สือน้อยทำตาม หลังจากที่โด่งดังลั่น สือน้อย ก็กลายเป็น นักการทูตสาวสวย เป็นที่นิยมยิ่งนัก แถมยังไม่วายที่จะทำนุบำรุงศาสนาอีกด้วย เป็นไง เพ้อเจ้อได้สุดสวิง
ฝันสุดท้าย ... ไม่บอก เพราะบอกไปเดี๋ยวไม่เป็นตามนั้น มันจะเป็นการเสียสัจจะ เพราะฝันที่สาม เป็นฝันที่สามารถทำได้ในชาตินี้แน่นอน
ไม่ว่าจะฝันอะไร ฝันแบบฟุ้งซ่านเพ้อเจ้อขนาดไหน หากฝันนั้นไม่ทำร้ายใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่ทำร้ายตัวเอง ฉันว่า... การนั่งฝันกลางวัน (แล้วอิน) ก็ไปกระตุ้น สารเอ็นดอร์ฟินให้หลั่งได้เหมือนกัน
หากคนเรารู้จักช่องทาง แห่งการหลุดจากโลกความเป็นจริงได้เป็นครั้งคราวอย่างนี้ ก็นับว่า มีความสามารถเฉพาะตัว ในการหาความสุข ได้ง่ายๆ
หากมันไม่บั่นทอนอะไร ก็ฝันกันเถอะ ไม่ผิดหรอก อย่าลืมสิ ที่โลกเรามีความเจริญ(ทางวัตถุ)อยู่ทุกวันนี้ ก็เริ่มมาจากความฝันเพ้อเจ้อทั้งนั้น
จากคุณ :
น้าสือสาว 
- [
29 ธ.ค. 46 13:17:36
]
+++ เคยฝันว่าอยากจะเป็นอะไร ? ? +++
)
