อบอุ่นยามเหน็บหนาวคงใช้คำพูดนี้ได้ดีในยามเมื่อผมไปเยือนร้อยเอ็ด......(18-21 /12/03)
.....(1) ฝุ่นทรายพัดตลบอบอวนหนาวยะเยือกถึงปลายสมองชั้นในสุดเมื่อลงรถตอนตี3กว่าๆ ตอนลงแรกๆนึกว่าจะได้นอนพักจนฟ้าสางที่ไหนได้ต้องเดินปลุกตามบ้านยาติสนิท มิตรสหายอีก(ของพ่อเพื่อน)เดินไปบ่นไปทำไม ทำไม เช้าก่อนไม่ได้หรอ........
ประตูบานแรกเคลื่อนที่อย่างหน่วงหนักต้านแรกลม และทราย ที่อุดตามพื้นติดกับล้อของรั้วเหล็กดัด พ่อเฒ่าวัย64
ก้าวย่างเดินออกจากตัวบ้านขณะที่แสงไฟจากธรรมชาติยังไม่พ้นขอบเขตของธรรมชาติรอยยิ้มสว่างบนใบหน้าลบรอยย่นของวันวัยที่ล่วงเลย เฒ่าสองวัยไร้คำพูดใดๆ เว้นให้เป็นหน้าที่ของลูกหลานที่ ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมเรื่องราวสองสังคมให้หลอมรวมเข้าด้วยกัน ลมหนาวที่ปลายทุ้งกุลายังพัดท้าทาย และย้อล้อความคิดและความฝันของคน อย่างไม่ท้อแท้
........(2) ฝาเปิดอลูมิเนียมถูกกระชากออกอย่างรุนแรงรวดเร็ว เยี่ยงคนกระหายอยากมาเป็นปีทั้งทีขวดที่แล้วพึ่งถูกวางลงยังใต้แคร่เมื่อไม่นาน จานเปล่าสองสามใบถูกวางกระจัดกระจายทั่วบริเวณ ใครมาพบสบเจอคงเดาไม่ออกหลอกว่าที่แห้งแข็งลงเหลือเป็นคราบนั้นคืออาหารรสเลิศที่ผ่านการปรุงโดยพ่อครัวที่มีชื่อที่สุดในวงเหล้าวงนั้น คราบไก่ กระดูกเป็ด และเกร็ดปลา ยังคงทิ้งร่องรอยสะเทือนใจให้คิดถึงมันเสมอเมื่อยามท้องอิ่ม กระติ๊บตั้งตระการโต้ลมแรง เมื่อคนวัยแก่ที่ผ่านร้อนหนาวหาได้หวั่นสะเทือน หรือตระหนกตกใจ กับเรื่องราวใดๆทั้งปวง เรื่องราวบ้างอย่างค้นหาสุดแสนไกลหาทุกซอกค้นทุกซอยไม่เห็นเจอ บ้างอย่างไม่หวังอะไรก็กลับได้มาอย่างไร้ค่า ตัวผมเหล่าค้นหามาแสนนานอยู่กับตัวยามเหงา ยามเศร้า
ยามสิ้นค่าไร้ตัวตน ก็หาได้พานพบความหมายกับชีวิตได้เพียงคิดเพ่งพินิจกับกระพีกเล็กที่ตนเองคิดว่าเป็นความหมายสุดยอดก็ไม่ปาน
โถ...สงสารเวลาที่ผ่านมาจัง คนขลาดเขลาไร้วิญญาน
ลมยังหวนหาไม่สิ้น ดั่งคนรักจำพรากจากเมื่อยามค่ำเดือนสิบสอง ผู้คนรอบข้างบ้างก็หลับไหลท่ามกลางปลิวแสงแดดที่อ่อนละมุนละไม บ้างก็สาระวนกับแก้วเหล้าใบเล็กของตน คล้ายกับมันเป็นเครื่องพันธนาการชีวิตให้จองจำอยู่กับมัน.....
จากคุณ :
totan@hotmail.com
- [
29 ธ.ค. 46 15:16:19
A:168.120.41.9 X:
]