ความมืดแผ่ปกคลุมไปทั่ว เสียงกบเขียดดังแว่วมาจากหนองน้ำรอบข้าง
เสียงรองเท้าก้าวย่างแหวกผืนน้ำตี้นแค่พ้นเข่าดัง สวบซาบ
กอกก ถูกแหวกเป็นทางเมื่อกลุ่มชายฉกรรณ์ เคลื่อนที่ผ่านพ้นไป
ชายที่ยืนหน้ากลุ่มส่งสัญญาณให้ทุกคนนั่งลง
ชายฉกรรณ์ทั้งหมดนั่งย่อเข่าลง น้ำเย็นยะเยือกซึมผ่าน กางเกงเข้าไปจนรู้สึกได้
ชายคนที่อยู่ข้างหน้าส่งสัญญาณมือให้ทุกคนเคลื่อนเข้าหาตำแหน่งเบื้องหน้า
ข้างหน้าเป็นแนวป้อมค่าย บนหอสังเกตการณ์ ทั้งสองด้านสุดแนวกำแพงที่สร้างด้วยไม้ ข้างบนมีทหารยามยืนประการณ์อยู่ หอละคน
บนหอมีคบไฟที่คอยให้แสงสว่าง อยู่อย่างริบรี่ ลมหนาวพัดเปลวไฟวูบไหว สะบัดไปมา
ควับ!!!
ทหารบนหอ ด้านหนึ่งร่วงลงบนพื้นหอ ดัง ตึง ไม่แรงนัก ไม่กี่อึดใจ ทหารยามบนหออีกหอ ก็ร่วงผล็อยหายไปไม่ต่างกันนัก
ทุกอย่างยังเงียบสงบ กบเขียดยังร้องระงมอยู่เช่นเดิม...
ควับ! ควับ! ควับ! เสียงลูกธนูแหวก อากาศมุ่งสู่เป้าหมาย...
หทารที่ยืนอยู่ตามแนวกำแพงป้อมร่วง หายลับไปจากขอบกำแพง บางคนก็ร่วงข้ามตกมายัง พื้นที่ด้านนอก บางคนก็ตกย้อนกับเข้าไปภายในป้อม
เวลาไร่เรี่ยกัน เชือกถูกโยนข้าม กำแพงรั้วไปอีกฝาก ทหาร ในชุดผ้าเตี่ยว รีบปีนข้ามแนวกำแพงไปอย่างรวดเร็ว แสงจากเปลวไฟ บนป้อม ส่องให้เห็นรอยสักยันต์ติดอยู่เต็มตัวอย่างหน้าเกรงหาม บนศรีษะมีผ้าสีแดง ผูกคาดไว้อย่างแน่นหนา ข้างหลังมีดาบคู่ไพล่คาดอยู่...
เมื่อทหารคนนั้นปีนข้ามไปแล้ว ทหารคนอื่นๆ ก็ทยอยกันปีนข้ามไปอีกนับร้อยคน
ยังไม่ทันที่ทหารคนที่สองจะโดดลงมาจากแนวรั้ว ก็มีเสียงตะโกนดังออกมาจากในค่าย
"สับปะง่อย จะป่าง๋อย"(พวกเราถูกโจมตี)
"จาปากึ๋ย"(มันอยู่ตรงนั้น)
ทหารในค่ายคนหนึ่ง ชักดาบออกมาจากฝัก ชี้ไปที่ทหารที่เพิ่งโดดลงข้างกำแพง พร้อมกับวิ่งตรงเข้าไปหา
ทหารที่เพิ่งลงมาจากกำแพง ชักดาบสองมือออกมาจากด้านหลัง คมดาบสะท้อนแสงไฟ ดังเกร็ดแก้วต้องแสงไฟ
เบ้ง ๆๆ ฉับ อ้ากๆๆๆๆ
ทหารคนที่อยู่ในค่ายร้อง ออกมาด้วยเสียงอันดังเมื่อคมดาบ ตัดแขนขวาขาดกระเด็นไป
ทหารในค่ายที่เหลือกรูกันเข้าไปหาทหารที่เพิ่งบุกเข้ามาอย่างรวดเร็วทุกคนมีดาบอยู่ในมือ แต่บางคนก็เพิ่งวิ่งออกมาจากเพิงพัก มือหนึ่งก็ยังกุมสะโหร่ง แน่น แต่มือหนึ่งก็ยังถือดาบพร้อมเข้าประจัญ
ส่วนทหารที่บุกเข้ามา ซึ่งตอนนี้สามารถ เข้ามาในค่ายได้เป็นจำนวนมากแล้วก็ชักดาบของตัวเองออกมาพร้อมต่อสู้ และพวกที่ยังไม่ได้เข้ามาก็รีบปีนข้ามรั้วเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เสียงดาบถูกชักออกจากฝักขึ้นพร้อมกัน เหมือนดังเสียงของมัจุราชร้องคำราม
"ข้ามันให้หมด"
"สับปากุ"(ข้ามันให้หมด)
เสียงกบเขียด เงียบสนิท มีเพียงเสียงคมดาบกระทบกันออกมาจากในค่าย แสงไฟจากเหล็กกระทบกันส่องลอดออกมาจาก ช่องว่างของกำแพงไม้ เป็นระยะๆ
เสียงร้องด้วยความเจ็บ โหยหวนเหมือนเหล่าผีพรายกรีดร้องออกมาจากขุมนรก
แสงแดดยามเช้า สาดแสงอบอุ่นปกคลุมไปทั่วค่าย ศพทหารนอนตายเกลื่อนพื้น บ้างแขนขาขาดหรือไม่ก็หัวขาดกระจุย เลือดแดงไหลนองทั่วพื้น...
กลิ่นคาวเลือด กลิ่นเหม็นสาบและกลิ่นไอแห่งความตายแผ่ปกคุลมไปทั่ว...
แสงครวญด้วยความเจ็บปวดมาจากกลุ่มทหาร กลุ่มหนึ่งที่นอนเรียงกันอยู่ข้างแนวค่าย
ทหารม้ากลุ่มหนึ่ง วิ่งเหยาะๆ เข้ามาในค่ายอย่างไม่รีบร้อน เมื่อทหารกลุ่มนั้นเข้ามาในค่าย
ทหารในค่ายภายใต้ขุดผ้าเตี่ยวสีแดงก็นั่งคุกเข่าลงทำความเคารพ
เมื่อม้าทั้งหมดหยุดฝีเท้าลงตรงหน้าเหล่าทหารทั้งหลายแล้ว
"เอ็งทำได้ดีมากหมื่น หาญ" ชายผู้หน้าเกรงขามที่สุดในกลุ่มกล่าวขึ้นด้วยเสียงอันดัง
"ถ้าเป็นเยี่ยงนี้ วันมะเรื่องข้าจะให้เอ็งนำทัพเข้า ชิงอโยธยาคืนกลับมา"
"พระเจ้าข้า..."
ท่านหมื่นที่ถูกกล่าวถึงพนมมือขึ้นเหนือศรีษะแล้วก้มกราบลงแนบพื้นดิน...
หน้าบอร์ดเรื่องสั้น
http://www.212cafe.com/freewebboard/list.php?user=ruttikarnstory
จากคุณ :
เมฆรัตติกาล
- [
30 ธ.ค. 46 10:59:32
A:203.149.3.187 X:
]