ถือศีล
เพื่อให้เราลืมเลือนส่ายังอยู่ระหว่างสงคราม อิรัคเลือหใช้นโยบายใหม่...
"ผมได้ยินว่าพวกมันตกลงจะใช้หัวรบกับเรา"เพื่อนคุณพ่อกล่าวขึ้นในวงสนทนาเมื่อ
มาเยี่ยมเราพร้อมภรรยา
"คุณพูดอะไรน่ะ? เราไม่ได้อยู่ในสงครามกัยโซเวียตนะ ผมไม่เชื่อว่าอิรัคมีอาวุธ
พรรค์นั้น" คุณพ่อค้าน
"จากชายแดนอิรัคถึงเตหราน มันเป็นระยะทางไกลนับพัน ๆ ไมล์ จรวดมิสไซล์ ที่
ยิงไปไกลได้อย่างนั้นต้องใช้เงินมหาศาลเชียวนะ"คุณพ่อเสริม
"เออ ก็แค่ข่าวลือน่ะ"
"เราชาวอิหร่านเป็นแชมป์เรื่องซุบซิบเสมอล่ะค่ะ" ฉันออกความเห็น
"เธอพูดถูก เราชอบพูดเกินจริง" คุณพ่อสนับสนุน
"อาการคุณน่ะเป็นตรงข้ามนะคะ" คุณแม่ว่าอย่างล้อเลียน
"ทำไมคุณพูดอย่างนั้นล่ะ?"
"แม้แต่เมื่อคุณเห็นอะไรมากับตาคัวเอง คุณยังต้องมีบีบีซีมายืนยัน"
"ผมมองโลกในแง่ดีโดยธรรมชาติอยู่แล้วแต่ก็อดระแวงไม่ได้"
888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888
การมองโลกในแง่ร้ายไม่ช้าก็มีชัยเหนือการมองโลกในแง่ดีของคุณพ่อ ปรากฏว่าอิรัค
มีมิสไซล์จริง พวกมันมีชื่อว่า"จรวดสกัด"และแล้วเตหรานก็กลายเป็นเป้าโจมตีของมัน
เมื่อเสียงหวอดังขึ้น มันหมายความว่าเรามีเวลาสามนาทีที่บอกให้เรารู้ว่าวาระสุด
ท้ายมาถึงแล้ว
"เราไม่ไปชั้นใต้ดินหรือคะ?" ฉันถามคุณพ่อคุณแม่
"ไม่ต่างอะไรกันหรอก"คุณพ่อบอก
"ลองนึกดูถึงความเสียหายไม่ส่าเราอยู่ใต้ดินหรือบนหลังคา ก็เหมือนกันน่ะ"คุณแม่ออกความเห็น
เวลาสามนาทีนานราวกับสามวัน เป็นครั้งแรกที่ฉันตระหนักว่าเราอยู่ในอันตรายเพียงใด
ตูม!!
"หนูยังไม่อยากตาย"ฉันโผเข้ากอกคุณแม่ระล่ำระลักบอก
"ไม่หรอกจ๊ะลูกรัก แม่สัญญา"
888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888
ตอนนี้เมื่อเตหรานถูกโจมตีหลาย ๆ คนหนี เมืองร้าง สำหรับเราเรายังอยู่ ไม่ใช่แค่
หมดศรัทธา หากส่าจะมีอนาคต ในสายตาของคุณพ่อคุณแม่ อนาคตนั้นเกี่ยวข้อง
กับการศึกษาของฉันที่ฝรั่งเศส และมีแต่ที่เตหรานเท่านั้นที่ฉันจะสามารถทำได้
"คนบางคนที่รอบคอบมากก็จะหลบภัยในชั้นใต้ดินของโรงแรมใหญ่ ๆ ที่ขึ้นชื่อ
เรื่องความปลอดภัย เห็นกันชัด ๆ ว่าโครงสร้างคอนกรีตเสริมแรงน่ะป้องกันแรง
ระเบิดได้" ฉันเดินไปก็บ่นไปบนท้องถนนอันว่างเปล่า
"ตัวอย่างหนึ่งก็คือเพื่อนบ้านของเรา ครอบครัวบาบา-เลวี พวกเขาเป็นครอบครัว
ชาวยิวจำนวนน้อยทียังอยูาหลังจากการปฏิวัติ คุณบาบา-เลวีบอกว่าบรรพบุรุษเขา
มาอยู่ที่นี่ตั้งสามพันกว่าปีแล้ว อิหร่านก็คือบ้านของพวกเขา"
...เนดาลูกสาวของเขา ที่ไม่ค่อยชอบเล่น แต่ชอบคุยฟุ้งเรื่องเพ้แฝันตลอดเวลา
"...วันหนึ่งเจ้าชายผมบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าจะมาพาฉันไปอยู่ที่ปราสาทเขา" นาดาว่า
"ใช่เลย ฉันด้วย"
แต่ ชีวิตก็ยังดำเนินต่อไป...
888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888
...วันหนึ่ง ที่เหมือนวันอื่น ๆ
"แม่ขาหนูขอสตังค์หน่อยนะคะ? หนูจะไปซื้อยีนส์ กะรองเท้าแตะ"
"เท่าไหร่ล่ะ"
"เออ สักพันนึง พันสอง "
"ตั้งพันนึง" คุณแม่ทวนเสียงหลง
"ค่ะ นั่นราคาของมัน"
"เข้าใจล่ะ"
ค่าเงินของเราตกตลอดเวลา ตอนชาห์ยังอยู่ สี่ ตูมานต์อลกได้หนึ่งดอลลาร์ สี่ปีให้
หลัง หนึ่งร้อยสิบตูมานส์แลกได้แค่หนึ่งดอลลาร์ สำหรับคุณแม่แล้วอัตราแลกเปลี่ยนรวดเร็วเกินกว่าท่านจะตั้งตัวทัน
ฉันไปกับเพื่อนชื่อ ชาดี
"ดูเป็นไงบ้าง" ฉันถามความเห็นขณะลองกางเกงยีนส์
"ดูเยี่ยมเลย"
"ตกลงฉันซื้อยีนส์ตัวนี้ แล้วตุ้มหูคู่นี้ด้วย" ฉัยบอกพนักงานขายที่เคาน์เตอร์
"ฉันเอาแหวนวงนั้น นั่นน่ะ" ชาดีชี้
เรากำลังจับจ่ายอย่างเปรมปรีดิ์ทันใดนั้นก็ ...
ตูม
"จรวดมิสไซล์เพิ่งลงที่ละแวกทาวานีร์"เสียงประกาศจากวิทยุ
"อะไรนะ" ฉันอุทานตกใจ
ทาวานีร์เป็นถิ่นที่ฉัยอาศัยอยู่
ไม่รอช้าฉันถลันออกจากร้านโดยไม่สนใจอะไร
"ยีนส์ครับ"เสียงคนขายไล่หลังมา
หากมีใครมาจับเวลา ฉันคงลบสถิติความเร็วโลก
"แท็กซี่"
ไมื่ออยู่ในรถฉันพร่ำแต่บอกคนขับว่า " เร็วๆ ค่ะ เร็วกว่านี้หน่อย"
888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888
ฝูงชนมาออกันบนถนนหน้าบ้านฉัน ระเบิดลงที่ถนนบ้านฉัน
"คุณคะ ตึกไหนที่โดนระเบิด"ฉันเดินเข้าไปถามผู้หญิงคนหนึ่ง
"มันระเบิดที่ปลายถนนจ๊ะ" เธอตอบ
ตึกที่ฉันกับพวกบาบา-เลวีอาศัยอยู่ปลายถนน
"ให้ฉันไปหน่อย" ฉันร้องขอทางพลางแทรกตัวผ่านฝูงชน
มีโอกาสหนึ่งในสองที่จะเป็นตึกที่ฉันอยู่
"ให้ฉันไปหน่อยเถอะค่ะ"
"เธอไปต่อจากนี้ไม่ได้แล้ว" เจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่คุมสถานการณ์อยู่บอก
"...ฉันอาศัยอยู่ที่นี่ค่ะ..."
แล้วเขาก็ยอมปล่อยให้ฉันผ่านไป
ฉันไม่อยากแหงนหน้ามอง ฉันมองที่ขาอันสั่นเทา ฉันไปต่อไม่ไหวแล้ว มันเหมือนฝันร้าย
"ขอให้ท่านมีชีวิตรอดด้วนเถิด ให้ท่านมีชีวิตรอด ให้ท่าน..."
"มาร์จี"เสียงคุ้นเคยเรียกชื่อฉัน
"มาร์จี"
"แม่" ฉันร้องทั้งน้ำตาแล้ววิ่งโปเข้ากแดคุณแม่
"คุณแม่สบายดีนะคะ? คุณพ่อสบายดีใช่ไหม? คุณย่าสบายดีหรือเปล่า?"
"ทุกคนสบายดี แมาอยู่แค่คนเดียวที่บ้าน"
"โอ้ แม่ขา"
"..."
"ระเบิดลงที่ไหนคะ"
"บ้านพวกบาบา-เลวี"
"อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ได่อยู่บ้าน"
"..."
"แม่คะ พวกเค้าไม่อยู่บ้สนใช่ไม๊คะ?"
"เออ แม่ไม่รู้จ๊ะ มันเป็นวันเสาร์ ลูกก็รู้ ๆ อยู่นี่"
"หนูรู้ค่ะว่าวันเสาร์ แล้วไงคะ"
"วันเสาร์เป็นวันถือศีลของพวกยิว ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน พวกเขาต้องกลับบ้าน"
"...แม่คิดว่าอย่างนั้นหรือคะ...?"
"จริงอยู่ว่าพวกเขาไม่ค่อยฉลาดเฉลียว แต่แม่ว่าหนูอาจจะพูดถูก พวกเขาคงพักที่
โรงแรมฮิลตัน" คุณแม่พูดปลอบ
"ลูกจำได้ไหมเทปที่แม่ติดไว้ตามหน้าต่างน่ะ? มันใช้ได้ปลเยี่ยม หน้าต่างแตกทุก
บานแต่ไม่มีกระจกแตกเกลื่อยบ้านสักชิ้นเลยล่ะ"
ฉันรู้ว่าคุณแม่พยายามเปลี่ยนแรื่องคุย
เมื่อเราเดินผ่านบ้านพวกบาบา-เลวี ที่พังพินาศสิ้น ฉันรู้สึกได้ว่าท่านพยายามดึงฉันออกมาให้ไกล ๆ มีอะไรบอกฉันว่าพวกบาบา-เลวีอยู่บ้าน มีบางสิ่งเรียกความสนใจฉัน
ฉันเห็นสร้อยคอเทอคว้อยซ์ มันเป็นของเนดา คุณป้าของเธอให้เธอตอนวันเกิดครบสี่ปี
สร้อยคอยังติดอยู่กับ...
ฉันไม่รู้ว่าอะไร...
ฉันปิดปากไม่ให้หลุดอะไรออกมา
ฉันปิดตาเพื่อไม่ให้เห็นภาพนั้น
ไม่มีเสียงกู่ร้องใดในโลกที่จักบรรเทาความเจ็บปวดและเครียดแค้นของฉันได้
แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 47 23:49:48
แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 47 14:47:27
แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 47 14:46:42
จากคุณ :
ส.ค.ศ. ๔๙๑๔
- [
2 ม.ค. 47 14:40:31
]