. . . เปอร์เซโปลิส . . . ( Persepolis) . . . (จบ)

                                             สินสมรส


    หลังการตายของเนดา บาบา-เลวีชีวิตฉันเริ่มพบจุดหักเห ในปี ค.ศ. ๑๙๘๔ ฉันอายุ
    ได้สิบสี่ขวบและมีหัวเป็นกบฎ ไม่มีสิ่งใดที่ฉันเกรงกลัวอีกต่อไป

    "ชั้นบอกพวกเธอเป็นร้อย ๆ หนแล้วใช่ไม๊ ว่าห้ามใส่เครื่องประดับกับยีนส์" คุณครู
    ใหญ่ถามต่อหน้าพวกเราในวันหนึ่ง

    "นั่นเธอสวมสรอยข้อมือใช่ไหม เอามาให้ชั้นเดี๋ยวนี้นะ"คุณครูใหญ่ตรงเข้ามากระ
    ชากข้อมือฉัน

    "ข้ามศพหนูไปก่อนเถอะ มันเป็นของขวัญที่แม่ให้หนู"

    ฉันเรียนรู้ว่าฉันต้องตะโกนให้เสียงดังกว่าคนที่มาข่มขู่

    "ถ้าเธอยังใส่เครื่องประดับอีกพรุ่งนี้..."

    "ค่ะ หนูรู้"

    888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888

    แล้ววันต่อมา...

    "ขอชั้นดูข้อมือเธอหน่อยซิ"คุณครูใหญ่ทักเมื่อเจอหน้าฉัน

    "เพื่ออะไรคะ?" ฉันมองอย่างยียวน

    "บอกว่า ขอชั้นดูหน่อย" คุณครูใหญ่ตรงเข้ามากระชากข้อมือฉัน

    "ถ้าครูขโมยเครื่องแระดับของเรา ครูต้องชดใช้หัวโตแน่"

    แล้วเราก็ยื้อยุดฉุดกระชากกันจนฉันเป็นอิสระ และคุณครูใหญ่ไปนอนแอ้งแม้งอยู่
    บนพื้น

    "เกิดอะไรขึ้นน่ะ" เพื่อนคนหนึ่งถาม

    "มาร์จิตีกะครูใหญ่" อีกคนบอก

    "เธอเอ๋ยเสร็จแน่"

    "ขอโทษค่ะ! หนูไม่ตั้งใจ"

    "สาตราปิ เธอถูกไล่ออก" คุณครูใหญ่ร้องบอก

    888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888

    เพราะฉันถูกไล่ออก เลยต้องกระเสือ    กกระสนหาโรงเรียนใหม่ ที่ยอมรับฉัน ทุบ
    ตีครูใหญ่อาจถือเป็นอาชญกรรม แต่ขอบคุณคุญป้าที่รู้จักนักการเมืองในกระทรวง
    ศึกษาหลายคน  พวกเขาจัดการรับฉันในโรงเรียนใหม่ และที่นั่น...

    "นับแต่ก่อตั้งสาธารณรัฐอิสลาม เราไม่มีนักโทษการเมืองอีกเลย" คุณครูบอก

    "คุณครูคะ" ฉันยกมือขอพูด

    "คุณลุงหนูถูกขังในสมัยพระเจ้าชาห์ แต่สาธารณรัญต่างหากที่ประหารท่าน"

    คุณครูอึ้งไป

    "ครูบอกว่าเราไม่มีนักโทษการเมือง เรามีนักโทษเพิ่มจาก๓๐๐๐คนเป็น๓๐๐,๐๐๐
    คน "ฉันกล่าวต่อ

    "คุณครูกล้าดีไงถึงมาหลอกพวกเราอย่างนี้" ฉันสรุปตบท้าย

    " สาตราปิ" คุณครูเรียกชื่อฉันอย่างไม่พอใจ ขณะเพื่อน ๆ ในชั้นตบมือกราว

    888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888

    แล้วคืนนั้นคุณพ่อก็ได้รับโทรศัพท์

    "ใช่ แน่นอน...ใช่..."คุณพ่อพูดกับปลายทาง

    "ใครคะ"คุณแม่ถาม

    "จากครูใหญ่โรงเรียนของมาร์จิ  ลูกไปโต้เถียงกับครูเคร่งศาสนาคนหนึ่ง เอาอย่าง
    ลุงเขา เชื้อไม่ทิ้งแถวเลย" พ่อว่าพลางวางแขนบนบ่าฉัน

    "คุณอยากให้ลูกจบอย่างเค้าด้วยเหรอ? ถูกประหารนะ?"คุณแม่ประชด

    "ลูกคงรู้ว่าเค้าทำไงกับเด็กสาวที่จับไปนะ?"คุณแม่ตรงเข้ามาจับไหล่ฉัน

    "ลูกก็รู้ว่าเกิดอะไรกับนิลูฟาร์นี่ ?  คนที่ลูกเจอที่บ้านคอร์โซ  ชายที่ทำพาสปอร์ตไง"

    "ลูกก็รู้ว่าการฆ่าสาวพรหมจรรย์มันขัดต่อกฏหมาย ดังนั้น พวกผู้คุ้มกฏจึงจับเธอ
    แต่งงานด้วย....แล้วพร่าพรหมจรรย์ก่อนสังหารเธอ ลูกรู้ไม๊นั่นหมายความว่าไง?"
    สองมือคุณแม่เขย่าไหล่ฉัน

    "ถ้ามีใครมาแตะลูกแม้ปลายเส้นผม แม่จะฆ่ามัน!"

    "แล้วแม่แน่ใจได้ไง  เขาอาจแค่สังหารเธอ"

    "ไม่ใช่ แม่ของลูกพูดถูกแล้ว ตามธรรมเนียมเมื่อเด็กสาวแต่งงาน เจ้าบ่าวต้องให้
    สินสอดเธอ ถ้าเด็กสาวตายลง สามีจะมอบสินสอดคืนแก่ครอบครัวเธอ นั่นแหละที่
    เกิดกับนิลูฟาร์  หลังจากสังหารเธอพวกเขาส่ง๕๐๐ตูมานส์(*เท่ากับ ๕ ดแลลาร์ )
    ให้แก่ครอบครัวเธอ อันเป็นที่เข้าใจถึงชะตากรรมของเธอ"

    "๕๐๐ตูมานต์ค่าชีวิตและพรหมจรรย์ของเด็กน้อยที่น่าสงสาร"คุณแม่ออกปาก

    "หนูไม่รู้เลยค่ะ" ฉันบอก ทรุดตัวนั่งบนโซฟา

    ตลอดทั้งคืนฉันครุ่นคิดถึงประโยคที่ว่า "พลีชีพตายเพื่อศาสนาคือการฉีดโลหิต
    เลี้ยงเส้นเลือดสังคม" นิลูฟาร์เป็นวีรสตรีที่แท้จริง แต่โลหิตของเธอไม่ได้ ไปหล่อ
    เลี้ยงสังคมเรา

    888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888

    หนึ่งสัปดาห์ต่อมา...

    พ่อกับแม่เข้ามาหาฉันขณะฟังเพลงอยู่บนเตียง

    "มาร์จีลูกมากับเราหน่อยได้ไหม เราอยากคุยกับลูก" คุณพ่อบอก

    เมื่อฉันไปพบท่านที่ห้องนั่งเล่น คุณพ่อกล่าวกับฉันว่า

    "พ่อไปหาครูใหญ่มาวันนี้ เธอรับปากว่าจะไม่ส่งรายงานไปในคราวนี้ แต่เมื่อมา
    พิจารณาถึงนิสัยและการศึกษาของลูก เราคิดว่าจะให้ลูกไปเสียจากอิหร่านจะดีกว่า"

    "อะไรกัน" ฉันตะลึง

    "แม่กับพ่อตกลงส่งลูกไปอยู่ออสเตรีย"

    "ทำไมถึงเป็นออสเตรียคะ?"

    "ประการแรก เพราะออสเตรียได้สีซ่าง่าย ประการที่สองเพราะเพื่อนรักแม่อยู่ที่
    เวียนนา ลูกจำเธอได้ไหม? น้าโซโซ ? แม่ของเชรีนไง?"

    "อ๋อ ค่ะแต่หนูพูดเยอรมันไม่ได้นี่คะ"

    "มีโรงเรียนภาษาฝรั่งเศสโรงหนึ่งที่เวียนนา โรงเรียนที่ดีสุดแห่งหนึ่งในยุโรป
    เชียว"คุณพ่อบอก

    "แล้วท่านจะไปทำอะไรที่นั่นล่ะคะ" ฉันถาม

    "ลูกล่วงหน้าไปก่อน เรายังมีธุรกิตที่ต้องดูแล เราจะไปสมทบในอีกสองสามเดือน
    ข้างหน้าต่อจากนี้" คุณพ่ออธิบาย

    "แต่หนูอายุแค่สิบสี่ ท่านไว้ใจหนูหรือคะ?"

    "ลูกอายุสิบสี่แล้วและแม่รู้ว่าเลี้ยงลกมายังไง ยิ่งกว่านั้นแม่เชื่อภูมิรู้ลูก จำได้ไหม
    ลูกเป็นคนเดียวกับที่ไปเที่ยวฝรั่งเศสคนเดียวตอนหยุดเรียนไง"

    ก่อนหน้าการปฎิวัติ คุณพ่อคุณแม่ส่งฉันไปเข้าค่ายที่ฝรั่งเศส ท่านไมาต้องการให้
    ฉันโตมารู้สึกเหมือนลูกโทน

    "จริงสิคะ ตอนั้นเยี่ยมจริง ...เป็นอิสระแท้เลย"

    "เรารักลูกมากจึงอยากให้ลูกไป" คุณพ่อว่า

    "เราว่าดีสำหรับลูกถ้าไปอยู่ไกล ๆ แล้วมีความสุขกว่าจะอยู่ใกล้แล้วทุกข์ระทม เมื่อ
    พิจารณาสถานการณ์ขณะนี้ ลูกควรไปอยู่ที่อื่นนะ" คุณแม่ว่า

    "เรารักลูกมาก"คุณพ่อว่าแล้วเราสามคนพ่อแม่ลูกก็สวมกอดกัน

    "อย่าลืมว่าลูกเป็นใครนะ"คุณพ่อสั่ง

    "ไม่ค่ะ หนูไม่มีวันลืม" ฉันรับปากอย่างงง ๆ


    888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888

    ฉันเฝ้าทบทวนสิ่งที่ท่านทั้งสองบอกฉันครั้งแล้วครั้งเล่าในหัว ฉันแน่ใจเลยว่าท่านทั้งสองคงไม่ไปเวียนนา

    ฉันอดนอนตลอดทั้งคืนแล้วให้สงสัยว่าพระจันทร์ที่เวียนนาจะสว่างสุกสกาวหรือเปล่า

    วันต่อมา ฉันเอาดินในสวนของเราใส่ในกะปุก ดินอิหร่าน

    ฉันปลดโปสเตอร์ลงหมด ฉันโทรฯหาเพื่อน ๆ เพื่อนัดมาบอกลา

    "นี่นะ ฉันให้สิ่งมีค่าที่สุดแก่เธแอ เธอจะได้ไม่ลืมฉัน" ฉันยอกแล้วยื่นม้วนโปสเตอร์ให้แก่เพื่อนที่มา

    ฉันไม่เคยตระหนักว่าพวกเขารักฉันเพียงใด

    แต่ฉันรู้ว่าพวกเขาสำคัญต่อฉันเพียงใด


    888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888

    วันก่อนแกเดินทาง คุณย่ามาค้างที่บ้านเราในคืนสุดท้าย

    "หนูนอนกับย่าได้ไหมคะ"

    "นั่นล่ะย่าถึงได้มาไงล่ะ"

    ฉันมองคุณย่าผลัดเสื้อ ทุกเช้าท่านจะเก็บดอกมะลิใส่ในเสื้อในเพื่อให้ท่านมีกลิ่นหอมสดชื่น เมื่อท่านผลัดเสื้อ คุณก็จะเห็นดอกไม้ร่วงจากหน้าอกท่าน

    มันเป็นสิ่งน่าดู

    "คุณย่าขา ทำไมอายุขนาดนี้แล้ว หน้าอกท่านถึงยังตึงอยู่คะ?" ฉันถามเมื่อนอนซบหน้าอกท่าน

    "ย่าแช่ในอ่างน้ำแข็งนานสิบนาทีทุกเช้าทุกเย็น"

    ท่านทำเช่นนั้นจริง ๆ ฉันรู้ ฉันแค่อยากได้ยินท่านบอก

    "หนูคงคิดถึงย่า"

    "แล้วย่าจะไปเยี่ยมนะ"

    ท่านก็โกหกฉันอีกคน

    "ฟังนะ ย่าไม่อยากจะสั่งสอนหรอกแต่ย่าจะให้คำแนะนำหนู ที่อาจช่วยหนูได้ตลอดไป" คุณย่าบอกฉันอย่างอ่อนโยน

    "ในชีวิตนี้ หนูจะเจอคนงี่เง่าเยอะแยะ ถ้าพวกนั้นทำให้หนูเสียใจ บอกตัวเองนะว่า
    เพราะพวกนั้นมันงั่ง นั่นจะช่วยให้หนูมีปฏิกิริยาต่อเรื่องโหดร้ายของพวกเค้า เพราะ
    ไม่มีสิ่งไหนอีกแล้วจะแย่ยิ่งกว่าความขมขื่นและเจ้าคิดเจ้าแค้น ...จงรักษาความ
    ภาคภูมิใจในตัวเองและซื่อสัตย์ต่อตัวเองนะจ๊ะ"

    ฉันสูดกลิ่นดอกไม้ของคุณย่า มันหอมดี ฉันจะไม่มีวันลืมกลิ่นหอมนั้น

    888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888

    และเช้าวันต่อมา

    คุณพ่อคุณแม่มาปลุกเราที่ห้อง

    "ตื่นได้แล้ว เจ็ดโมงเช้าแล้วเราต้องไปกันแล้ว"

    "ฉันจะซื่อสัตย์ต่อตัวเอง" ฉันยอกแก่ตัวเองหน้ากระจก

    "ย่าไม่ไปส่งนะ" คุณย่าบอกเราก่อนออกจากบ้าน

    "อย่าลืมที่ย่าสอนนะ"

    "คุณย่าขา"ฉันสวมกอดคุณย่าเป็นครั้งสุดท้าย

    888888888888888888888888888888888888888888888888888888888888

    ตลอดทางเราไม่ได้พูดจากันเลย คุณพ่อคุณแม่หน้าตาเศร้าสร้อย

    "เรามาถึงแล้ว" คุณพ่อเอ่ยเมื่อเข้าไปจอดในลานจอดรถของท่าอากาสยาน เมหราบัด

    มีแถวต่อกันยาว คนมากมายกำลังจะไปจากประเทศ

    โดยเฉพาะเด็ก ๆ พวกเขาจะเป็นทหารในอนาคต หลังจากอายุได้สิบสาม  พวกเขา
    จะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกนอกประเทศ

    "ลูกจ๋า แล้วทุกอย่างจะดีเอง" คุณแม่บอก " อย่าร้องไห้นะจ๊ะ นึกถึงอนาคตเอาไว้
    ยุโรปรอลูกอยู่"

    "ไปถึงเวียนนาเมื่อไหร่ ลูกไปกินSachertorte  มันเป็นเค็กช๊อคโกแล็ตที่อร่อยมาก
    นะ"คุณพ่อแนะ

    "แล้วอีกหกเดือนเราจะตามไป" คุณแม่บอก ปั้นสีหน้ายิ้มแย้ม


    สิ่งที่ฉันกริ่งเกรงนั้นเป็นจริง ท่านอาจแวะไปเยี่ยม แต่เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกต่อ
    ไปแล้ว

    เรานิ่งกันไปชั่วครู่ ฉันสวมกอดคุณแม่ครั้งสุดท้ายทั้งน้ำตา

    "อย่าร้องไห้ หนูเป็นสาวแล้ว" คุณแม่บอก

    "ลูกต้องไปแล้ว อย่าลืมว่าลูกเป็นใครมาจากไหนนะ" คุณพ่อสั่งเป็นครั้งสุดท้าย
    กอดฉันแล้วร้องไห้


    "หนูรักท่านค่ะ" ฉันโบกมือลาท่านทั้งสอง เข็นกระเป๋าไปตรวจ
     

    ฉันไม่อาจทนมองหน้าท่านที่ยืนอยู่หลังกระจกได้ ไม่มีสิ่งไหนเลวร้ายไปกว่าการ
    บอกลา มันคล้ายดังกำลังเจียนตาย

    "ไปเถอะค่ะ ๆ" ฉันบุ้ยใบ้บอกท่านทั้งสอง

    "ปิดกระเป๋า คุณไปได้" เจ้าหน้าที่สั่ง

    ฉันไม่อาจไปเสียเฉย ๆ ได้

    ฉันหันกลับไปมองท่านทั้งสองอีกเป็นครั้งสุดท้าย

    คงดีกว่าถ้าฉันจะไปเลย



    8888888888888888888888888888 จบ 888888888888888888888888888

    แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 47 00:01:59

     
     

    จากคุณ : ส.ค.ศ. ๔๙๑๔ - [ 2 ม.ค. 47 23:53:22 ]