อ่านแล้วชอบ จึงอยากแชร์

    เรื่องนี้ได้รับจากการ Forward mail อ่านแล้วชอบ จึงอยากแชร์
    **********************************************************************************เทียน

    จอร์จ คอลลิน เขียน ณ วันที่ 11กันยายน
    (ตึกเวิรด์เทรดถล่มและภรรยาเขาตาย)

    amazing that George Carlin - gross and mouthy comedian
    of the 70's and 80's - could write
    แปลกไหมที่ จอร์จ คอลลิน ซึ่งโด่งดังในฐานะดาราตลก
    จะสามารถเขียน

    something so very eloquent ...
    อะไรบางอย่างที่ซาบซึ้ง

    and so very appropriate post 9-11.
    และเหมาะสมกับวันนั้น

    A wonderful Message by George Carlin
    นี่คือข้อความที่วิเศษ โดย จอร์จ คอลลิน

    The paradox of our time in history is that we have
    taller buildings but shorter tempers, wider freeways,
    but narrower viewpoints.
    We spend more, but have less, we buy more, but enjoy
    less. We have bigger houses and smaller families, more
    conveniences, but less time. We have more degrees but
    less sense, more knowledge,but less judgment, more
    experts, yet more problems, more medicine,but less
    wellness.
    นี่เป็นความขัดแย้งอันยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของเรา
    เรามีตึกสูง! เสียดฟ้าแต่อารมณ์ฉุนเฉียวง่าย
    มีถนนกว้างใหญ่ แต่ความคิดสั้นแคบ
    เราใช้จ่ายมาก แต่มีสมบัติน้อยลง
    เราซื้อมากแต่มีความสุขน้อยลง
    เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่มีครอบครัวที่เล็กลง
    เรามีความสะดวกสบายมากขึ้น แต่มีเวลาน้อยลง
    เรามีการศึกษาสูงขึ้นแต่มีความสำนึกที่น้อยลง
    มีความรู้มากขึ้น แต่ตัดสินใจได้น้อยลง
    มีผู้เชี่ยวชาญมากขึ้น แต่ก็มีปํญหามากยิ่งขึ้นอีก
    มียารักษาโรคมากขึ้น แต่สุขภาพกลับเลวลง

    We drink too much, smoke too much, spend too
    recklessly, laugh too little, drive too fast, get too
    angry, stay up too late, get up too tired, read too
    little, watch TV too much, and pray too seldom. We
    have multiplied our possessions, but reduced our
    values. We talk too much, love too seldom, and hate
    too often.
    เราดื่มเหล้ามาก สูบบุหรี่มาก ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย
    และหัวเราะน้อยมาก ขับรถเร็วเกินไป โกรธง่าย นอนดึก
    และตื่นเช้าขึ้นมาเจอกับความอ่อนเพลียทุกวัน
    เราอ่านหนังสือน้อย ดูทีวีมาก และ สวดมนต์ภาวนา น้อยมาก
    เราได้เป็นเจ้าของสิ่งของมากมาย แต่ก็ต้องสูญเ!
    สียคุณค่าของชีวิต
    เราพูดมาก รักน้อยลง และเกลียดคนโน้นคนนี้บ่อยบ่อย

    We've learned how to make a living, but not a life.
    We've added years to life not life to years. We've
    been all the way to the moon and back, but have
    trouble crossing the street to meet a new neighbor.
    We conquered outer space but not inner space. We've
    done larger things,but not better things.
    เราเรียนรู้ที่จะดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอยู่แต่ไม่ได้เรียนรู้ชีวิตเลย
    เราเพิ่มเวลาเข้าไปในชีวิต
    แทนที่จะเพิ่มชีวิตเข้าไปในเวลาที่เหลืออยู่
    เราสามารถไปถึงดวงจันทร์และกลับมาโดยไม่มีอุปสรรค
    แต่มีอุปสรรคมากมายที่ขวางเราไว้จากการเดินข้ามถนนไปคุยกับเพื่อนบ้านที่
    ย้ายเข้ามาใหม่ฝั่งตรงข้าม
    เราพิชิตอวกาศ แต่ไม่สามารถพิชิตสิ่งที่อยู่ในใจเรา
    เราสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่ไม่ใช่ สิ่งที่ดีกว่า

    We've cleaned up the air, but polluted the soul. We've
    conquered the atom, but not our prejudice. We write
    more, but learn less. We plan more,but accomplish
    less. We've learned to rush, but not to wait. We
    build more computers to hold more information, to
    produce more copies than ever, but we communicate less
    and less.
    เราได้พยายามทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมรอบรอบตัวเราในขณะที่เราทำให้จิตใจเราสกปรก
    เราสามารถค้นพบสิ่งมองไม่เห็นเช่น
    อะตอมแต่ไม่สามารถค้นพบความอคติและความลำเอียงในใจเรา
    เราเขียนมากขึ้นแต่เรียนรู้น้อยลง
    เราวางแผนมากขึ้น แต่ประสบความสำเร็จน้อยลง
    เราถูกสอนให้เร่งรีบขึ้นแทนที่จะถูกสอนให้รอคอย
    เราสร้างคอมพิวเตอร์ขึ้นมากมายเพื่อบันทึกข้อมูลและเก็บสำเนาข้อมูลไว้เพื่ออ่าน
    แต่เราพูดคุยติดต่อสื่อสารระหว่างกันน้อยลง เรื่อยเรื่อย

    These are the times of fast foods and slow digestion,
    big men and small character, steep profits and shallow
    relationships. These are the days of two incomes but
    more divorce, fancier houses, but broken homes.
    These are days of quick trips, disposable diapers,
    throwaway morality, one night stands, overweight
    bodies, and pills that do everything from cheer, to
    quiet, to kill. It is a time when there is much in the
    showroom window and nothing in the stockroom. A time
    when technology can bring this letter to you, and a
    time when you can choose either to share this insight,
    or to just hit delete.
    นี่เป็นเวลาของการกินอาหารจานด่วน
    และระบบย่อยอาหารที่ต้องทำงานช้าลงเพราะอาหารจานด่วนนั้น
    นี่เป็นเวลาของผู้ยิ่งใหญ่และคนที่ไม่มีความหมายอะไรเลยบนโลก
    นี่เป็นเวลาของการทำการค้าแบบเน้นทำกำไรสูง
    แต่ความสัมพันธ์ทางการค้าที่มีต่อกันนั้นตื้นเขิน
    นี่เป็นเวลาของการทำงานหลายอาชีพเพื่อเงินมากขึ้น
    แล้วก็การหย่าร้างที่มากขึ้นตามไปด้วย
    นี่เป็นเวลาของ การมีบ้านที่สวยงาม
    แต่มีครอบครัวที่แตกสลาย
    นี่เป็นเวลาของการเดินทางแบบรวดเร็ว
    กระดาษชำระแบบใช้แล้วทิ้ง ไม่มีศีลธรรม
    ความสัมพันธ์แบบชั่วค่ำคืน คนที่มีน้ำหนักเกิน
    ยาที่สามารถให้คุณทุกอย่าง ตั้งแต่ เสียงหัวเราะ
    ความเงียบ หรือ แม้แต่ความตาย
    นี่เป็นเวลาที่คนจะโชว์สมบัติมากมายเพื่อแสดงออก
    ทั้งทั้งที่ไม่มีสมบัติอะไรหลงเหลือเก็บไว้เลย
    เวลาที่เทคโนโลยี่สามารถทำให้คุณได้เห็นจดหมายฉบับนี้
    และเวลาที่คุณสามารถที่จะอ่านและแบ่งปันความรู้สึกนี้ให้กับเพื่อนคนอื่นหรือลบทิ้งไป

    Remember, spend some time with your loved ones,
    because they are not going to be around forever.
    Remember, say a kind word to someone who looks up to
    you in awe, because that little person soon will grow
    up and leave your side. Remember, to give a warm hug
    to the one next to you,because that is the only
    treasure you can give with your heart and it doesn't
    cost a cent.
    จงจำไว้ว่า คุณควรใช้เวลาอยู่กับคนท ี่คุณรักให้มากมาก
    เพราะเวลาเหล่านี้ไม่ได้คงอยู่ชั่วนิรันดร์
    จงจำไว้ว่า
    คุณควรพูดจาอ่อนโยนให้กับลูกลูกที่หวาดกลัวคุณ
    ก่อนที่วันหนึ่งเขาเหล่านั้นจะโตขึ้นและจากคุณไป
    จงจำไว้ว่าคุณควรกอดคนที่คุณรักด้วยความอบอุ่นบ่อยบ่อย
    เพราะนี่คือสิ่งที่คุณทุกคนสามารถให้กับคนที่คุณรักได้ด้วยใจ
    และไม่ได้ทำให้คุณเสียเงินแม้บาทเดียว

    Remember, to say, "I love you" to your partner and
    your loved ones,but most of all mean it. A kiss and an
    embrace will mend hurt when it comes from deep inside
    of you. Remember to hold hands and cherish the moment
    for someday that person will not be there again. Give
    time to love, give time to speak,and give time to
    share the precious thoughts in your mind.
    อย่าลืมที่จะพูด "ผมรักคุณ" ให้
    แฟนของคุณหรือคนที่คุณรัก
    และสิ่งมากไปกว่านั้นคือแสดงให้เขาเห็นตามคำที่คุณพูด
    การกอดจูบและแสดงความรักจะช่วยประสานความรู้สึกที่เจ็บปวดในใจของคนที่คุณรัก
    มื่อการกระทำนั้นมาจากก้นบึงของหัวใจคุณ
    อย่าลืมที่จะกุมมือและทนุถนอมความรู้สึกที่ดีดี
    และแสดงให้เขาเห็นว่าคุณมีความสุขกับเขาในเวลาที่คุณมีความสุข
    เพราะคนคนนั้นและเวลาเหล่านั้นจะไม่ย้อนกลับมาอีก
    ให้เวลากับความรัก ให้เวลาที่จะพูดที่จะแสดง
    และให้เวลาที่จะแบ่งปันความรู้สึกดีดีในใจของคุณ กับ
    คนที่คุณรัก

    Life is not measured by the number of breaths we take,
    but by the moments that take our breath away.
    ชีวิตไม่ได้ถูกวัด ด้วยจำนวนครั้งของลมที่เราหายใจ
    แต่ถูกวัดด้วย
    จำนวนครั้งที่เราลืมหายใจเพราะความดีใจต่างหาก

    George Carlin
    จอรจ์ คอลลิน เขียน
    บ้อบบี้ แปล

    จากคุณ : น้าสือสาว - [ 3 ม.ค. 47 08:43:20 ]