มนตรานาคาครุฑ บทที่ ๑ ข้ามแดน

    ใครๆเห็นเรื่องนี้อย่าสงสัยนะคะว่าทำไมอมราวตีลงหลายเรื่องจัง จะดองหรือ เรื่องนี้เท่านั้นแหละค่ะที่ไม่ดอง เพราะเป็นของขวัญปีใหม่ที่ช้าไปหน่อยแด่พี่สาวที่อมราวตีรักยิ่งค่ะ เพราะงั้นเลยจะส่งเดือนละครั้ง อย่าห่วงเลยค่ะ ^^

    ปล.สำหรับเรื่องขอโทษเถอะ ผมเกลียดเธอรอหน่อยนะคะ ตอนที่2ใกล้จบแล้วค่ะ พอขอโทษเถะฯจบ รับรองว่าเรื่องใหม่มาแทนสิงห์แน่ค่ะ

    มนตรานาคาครุฑ
    บทที่ ๑ ข้ามแดน

    เสียงจ็อกแจ้กของผู้คนดังแข่งกับเสียงกระหึ่มจากการที่สายน้ำไหลลงมาปะทะกับโขดหิน
    แต่เสียงจากธรรมชาติก็ยังเป็นฝ่ายมีชัย…
    ทำให้ต้องมีการเร่งเสียงเพื่อให้ได้ยินถึงหูผู้ฟังกันอย่างชัดเจน

    “ถ้าพวกแกไม่ไป ฉันจะไปกับเจ๊ฟางสองคนนะ!”
    เสียงใสๆตะโกนลั่นของร่างบางดังได้ยินถึงหูเพื่อนสาวกลุ่มของหล่อนแน่
    เพราะระดับเดซิเบลสูงกว่าปกติหลายเท่าทีเดียว

    ฝ่ายเพื่อนทำได้แค่โบกมือเป็นสัญญาณการรับรู้เพียงแค่นั้น

    “ไปเหอะ “ หญิงสาวร่างระหงอีกคนเอื้อมมือมาฉุดแขนคนพูดให้เริ่มเดินขึ้นเขาไปด้วยกัน

    กัณตาหรืออีกนัยหนึ่งเจ๊ฟางผู้มีศักดิ์เป็นญาติผู้พี่ของสาวน้อยไต่เดี๊ยะเพื่อขึ้นไปดูต้นน้ำของน้ำตกที่พวกหล่อนยกขโยงกันมาเที่ยวตามคำร่ำร้องของเจ้าตัวดีอนันตญา
    หรือยายอมที่นิสัยได้สมชื่อจริงๆกับการขอบอมหนุ่มหล่อๆของเจ้าตัว

    แล้วเจ้าตัวต้นคิดชวนเธอมาดูต้นน้ำบัดนี้เพิ่งเดินมาได้ไม่ถึง5กิโลมันก็เริ่มโอดครวญ

    "เจ๊ฟาง….. จะถึงหรือยังเนี่ย อมเหนื่อยแล้ว ฮือๆๆ หนุ่มๆข้างล่างท่าทางหล่อด้วย”
    อนันตญาว่าพลางพยายามชะโงกหน้าลงไปดูที่ชั้นล่างของน้ำตกที่ผู้คนใช่เล่นกัน แต่ทำไม่ได้มาก
    เพราะเผลอๆหล่อนคงได้ดิ่งพสุธาแน่

    กัณตาหยุดจากการไต่เขาหันมามองดูหญิงสาวในชุดกางเกงยีนส์ที่เจ้าตัวยันหัวชนฝาว่าจะใส่มาแม้มันจะหนักแค่ไ
    หนเวลาลงน้ำเพื่ออวดสายตาหนุ่มๆ
    แถมยังพกแจ็คเก็ตยีนส์ด้วยเหตุผลที่ค่อยฟังเข้าท่าหน่อยว่ากันหนาวเวลากลับ

    อนันตญาสะบัดผมสีดำที่ยาวสยายอันเจ้าตัวทั้งรักทั้งหวงไปเบื้องหลัง
    ก่อนหันมาที่กัณตาอย่างรู้สึกถึงการจ้องมอง ริมฝีปากบางสีชมพูแย้มน้อยๆอย่างน่าเอ็นดู
    แต่ไอ้วาจาที่หลุดออกมาน่ากระทืบ

    “แหม อมรู้ตัวว่าอมสวยเจ๊ แต่พอดีไม่มีรสนิยมเลสเบี้ยน” เจ้าตัวว่าพลางหัวเราะคิกคัก

    กัณตาหัวเราะหึๆในลำคอ ยืนกอดอกพิงต้นไม้ใหญ่ก่อนเรียกเจ้าคนที่บ่นเหนื่อยแต่ยังมีแรงกวนโทสะ
    “อม……..” หญิงสาวลากเสียงที่อนันตญาฟังแล้วหนาวๆร้อนๆ “อยากลงเขานักใช่ไหมยัยน้อง เดี๋ยวพี่ถีบลงเอง”

    อนันตญาชะงักกึกหัวเราแหะๆในทันที เพราะเห็นตัวเล็กๆบางๆอย่างกัณตานั่นแหละ
    เคยต่อยผู้ชายร่วงมานักต่อนักแล้วข้อหามาวอแวกกวนใจ

    “โธ่ พี่ฟางก็..”
    จากเจ๊ที่ล้อเลียนเปลี่ยนโทนเสียงมาหวานเป็นพี่สาวได้ทันทีเพื่อรักษาความปลอดภัยของตนเอง

    “อมเหนื่อย ขอนั่งพักนิดเดียว เนี่ย อมว่านะเดี๋ยวฝนตกแหงเลย”
    หล่อนว่าขณะค่อยๆลุกยืนพลางสูดลมหายใจลึกๆ

    กัณตาขมวดคิ้วนิดๆ……..ทั้งที่ในใจเริ่มคิดว่าน่าจะตกจริงๆเสียล่ะมั้ง…..ฝนน่ะ
    เพราะเป็นญาติกันแต่ก็สนิทกันมาเหมือนพี่น้องพ่อแม่เดียวกัน
    ทำให้กัณตาเคยสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง……เกี่ยวกับอนันตญา

    ยายกรมอุตุฯนี่น่ะ ทักว่าฝนจะตกทีไรเป็นตกจริงทุกที!

    แต่ดูท่าทางเจ้าตัวจะไม่ค่อยรู้ตัวนัก…เพราะยังคงทำท่าเรื่อยเฉื่อยจนเดินมาถึงจุดที่กัณตายืนอยู่

    “งั้นจะลงไหม ไม่ต้องดูแล้วต้นน้ำตก” หญิงสาวเอ่ยตัดสินใจเขื่อกรมอุตุฯเคลื่อนที่ข้างๆ
    เพราะถือหลักไม่เชื่ออย่าลบหลู่ไว้ก่อน

    แต่พอจะลงจริงๆอนันตญากลับทำสีหน้าอิดเอื้อนพอๆกับท่าทางที่กัณตานึกอยากถีบสักเปรี้ยงให้ตกเขาไปเลย

    หากก่อนที่กัณตาจะทำอย่างที่คิดไปจริงๆนั้นเองหยาดน้ำก็ค่อยๆโปรยลงจากฟากฟ้าทะลุผ่านแมกไม้ลงมากระทบตัวสองสาวก่อนจะเทลงมาราวฟ้ารั่ว

    ฝนตกจริงๆดังคำอนันตญา!!!

    สองสาวเลยต้องวุ่นวายกับการหาที่หลบฝน ครั้นจะไต่ลงไปเล่า ทางก็ลื่นเกินไป
    ขนาดเดินๆเลาะหาร่มไม้คุ้มฝนอนันตญากับกัณตายังผลัดกันลื่นไม่เป็นท่าอยู่หลายรอบ

    บนเขาแม้จะอุดมสมบูรณ์ด้วยไม้ใหญ่ แต่ยามนี้มันไม่พอกับการหลบภัยจากหยาดฝนเสียแล้ว ในเมื่อฝนตกคราวนี้
    มันควรจะเรียกว่าพายุฝนแล้ว!

    แต่จะเพราะดวงดีหรือยังไม่ถึงคราวซวยจริงๆอะไรก็ตาม
    กัณตาลากอนันตญาไปเจอถ้ำเล็กๆที่ควรเรียกว่าซอกมากกว่า
    ถ้าไม่ติดว่าภายในมันจะลึกทอดยาวไปในความมืดมิดอันไร้แสงไร้ที่สิ้นสุดนั้น

    “อม เขยิบหน่อยสิ ฝนมันสาดเข้ามาน่ะ”
    กัณตาที่อยู่ด้านนอกเอ่ยสั่งมาแต่อนันตญาเพียงเขยิบเข้าไปนิดเดียวเท่านั้น เพราะสำหรับเธอ
    ความมืดภายในน่ากลัวกว่าการตากฝนหลายเท่านัก

    กัณตาแยกเขี้ยวอย่างขัดใจ
    แต่รู้ดีว่าคราวนี้ให้เอาช้างมาฉุดคนมีศักดิ์เป็นน้องเข้าไปลึกมันก็ไม่ยอมเข้าไปหรอก
    เธอเลยทำได้แค่นั่งรับไอฝนไปพลางๆแค่นั้น

    อนันตญาถอนหายใจเบาๆ เธอรู้ว่ากัณตาหนาว
    แม้ตนเองจะไม่ค่อยหนาวเท่าใดอาจเพราะอนันตญาชอบอากาศเย็นๆเวลามีฝนตกก็เป็นได้

    ดวงตาสีดำอยู่ไม่สุขค่อยๆแลไปภายในความมืดลึกนั้นอย่างกล้าๆกลัวๆก่อนจะเบิกกว้าง

    “พี่…พี่ฟาง….” อนันตญาคิดว่าตัวเองต้องตะโกนแน่ๆ แต่ในความเป็นจริงมันเบากว่าเสียงกระซิบเสียอีก

    กัณตาหันกลับมาด้วยทีท่ารำคาญกึ่งหงุดหงิด
    หากเมื่อเห็นสิ่งที่ทำให้เจ้าคนเคยหลอดเสียงดีกลายเป็นเสียงเบาได้เธอเองก็แทบจะไม่เชื่อสายตาเหมือนกัน

    อะไรนั่น?

    สตรีร่างระหง ผมสีดำขลับ..แต่งตัวเหมือนนางกษัตริย์ในสมัยโบราณ...ผมดำ...แต่เปียกชุ่มทั้งตัว หน้าขาวซีด
    เห็นเส้นเลือด ตาเบิกโพลงมองจ้องมายังทั้งคู่

    ก่อนที่สมองจะทันประมวลผลว่าเป็นอะไร
    เสียงกรี๊ดของอนันตญาก็ดังขึ่นแทบจะกลบเสียงพายุฝนไปหมดก่อนที่เจ้าตัวดีจะเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนไม่รู้ฉุด
    เธอวิ่งไปท่ามกลางสายฝนเหมือนจะลืมเสียสนิทว่าฝนมันตกหนักเพียงไร

    ทันทีที่หลุดพ้นจากที่คุ้มฝนชั่วคราวนั้นกัณตาแทบลืมตาไม่ขึ้นเพราะความเจ็บจากการที่น้ำฝนเม็ดโตๆปะทะใบห
    น้า เธอพยายามร้องเรียกคนข้างหน้า ขณะมือกุมกันไว้แน่น
    ก่อนที่เธอจะรับรู้ถึงแรงฉุดลงไปเบื้องล่างพร้อมเสียงอุทานอย่างตกใจ

    “อม..อนันตญา!” กัณตาหลุดปากร้องก่อนที่ร่างกายจะเสียสมดุลล้มลงไปสัมผัสกับความเจ็บปวดทั่วร่างกาย

    อนันตญาได้ยินเสียงนั้นเหมือนกันแต่เธอไร้เรี่ยวแรงจะโต้ตอบไป เพราะสติเลือนรางเต็มที
    ทั้งความเจ็บจาการลื่นล้มและความเย็นเยือกเริ่มรุมเร้าเหมือนกับอีกคนที่อยู่ข้างๆ

    ก่อนที่อนุสติสุดท้ายจะเลือนหายไป สองสาวได้ยินเสียงเย็นๆดังขึ้นกึ่งกลางหัวอย่างเยือกเย็น

    “กัณตา อนันตญา พวกเจ้าต้องกลับไป…กลับไปใช้หนี้ให้โภควดี และไปหาจอมครุฑ และจอมนาคาของพวกเจ้า!”

    “นิศามนินตรา!”

    + + + + + +

    หนักจริง…..

    คือความรู้สึกแรกที่กัณตารับรู้ได้ เธอขยับตัวอย่างอึดอัด…ใครเอาอะไรมาทับนะ หนักชะมัด…

    แพขนตางอนขยับก่อนที่ดวงตาคู่สวยของกัณตาจะลืมขึ้นมารับภาพอากาศยามเย็นของป่าและรับรู้ว่าที่เธอคิดว่าใครเอาอะไรมาทับเธอน่ะ
    เพราะอนันตญานอนก่ายเธอต่างหาก!!

    หลังจากเขี่ยร่างของญาติผู้น้องออกไปได้
    เจ้าตัวดีก็ไม่ยอมลืมตาตื่นเสียทีกัณตาเลืกจัดแจงเอาเท้าสะกิดๆมันเพื่อจะได้ลืมตาตื่นขึ้นมาเสียที

    ร่างบางที่โดนสะกิดด้วยบาทาบิดกายเกียจคร้านก่อนลุกมาเผชิญกับความเป็นจริงอันดับแรกด้วยการมองหน้าที่มีโ
    ทสะเป็นริ้วๆของกัณตาพลางยิ้มแหยๆ

    “……มีอะไรรึเจ๊”

    “ที่นี่ที่ไหนห๊า แก” กัณตาถามเสียงห้วนบ่งบอกถึงความโกรธ “เล่นฉุดฉันวิ่งมาไม่รู้ทิศรู้ทาง
    นี่ตกเขามาแล้วเหรอเนี่ย”

    ว่าพลางกวาดตาแลไปรอบๆ อนันตญามองตามจึงพบว่าแม้สภาพแวดล้อมรอบๆจะยังเป็นป่าอยู่
    แต่มันเป็นป่าที่ไม่ใช่เนินแบบบนเขา แต่มันเรียบไปเลยต่างหาก เหมือนเธอกำลังยืนอยู่ที่ราบทั่วๆไป

    “น่าเจ๊ อย่าซีเรียสเลย”
    อนันตญาว่าขณะสปริงตัวลุกขึ้นนั่งนิ่วหน้านิดๆกับรอยเปื้อนละม้ายๆรอยรองเท้ากัณตาที่เจ้าตัวทำหน้าไม่รู้
    ไม่ชี้

    “อมว่าในที่แบบนี้เขาคงมีเจ้าหน้าที่อยู่ เดินๆไปเราคงเจอหรอก”
    เจ้าตัวสรุปง่ายๆทำเหมือนเดินเล่นในสวนหน้าบ้านยังไงยังงั้น

    กัณตาถอนใจแต่มันคงไม่มีทางอื่นดีกว่านี้แล้วเลยเริ่มจะเดินตามเจ้าตัวที่เธอว่ามันแหละต้นเหตุไป

    โครม!

    กัณตาชะงักก่อนแทบจะปล่อยก๊ากเมื่อเห็นภาพอนันตญานั่งจำเบ้าอยู่กับพื้นหน้าตาเหยเกอยู่…

    “อูยเจ๊…..” เจ้าตัวบ่นอะไรก่อนก้มหน้าและเงยหน้ามามองกัณตาอีกรอบพร้อมดวงตาที่เบิกกว้าง

    “พี่ฟาง…พี่….ตอนอยู่ในถ้ำเห็นเหมือน..อม…รึเปล่า?” เจ้าตัวถามเสียงขาดเป็นห้วงๆ
    หน้าซีดเมื่อนึกถึงภาพนั้นได้

    กัณตาเองก็มีสีหน้าไม่แตกต่างนักเมื่อโดนสะกิดความทรงจำ
    ทำไมเธอลืมไปได้นะ! ว่าภาพที่เห็นในถ้ำน่ะ…คือตัวการที่ทำให้พวกเธอต้องวิ่งกันจนตกเขา….

    “…นิศามนินตรา…” ชื่อที่หลุดจากปากอนันตาทำให้กัณตาขมวดคิ้ว
    อ้าปากจะถามอะไรบางอย่างถ้าสายตาไม่สะดุดกับอะไรบางอย่างที่โผล่พ้นดินอยู่ข้างอนันตญา
    ความสนใจของเธอเลยหันเห

    “อม นั่นอะไรน่ะ” กัณตาว่าพลางบุ้ยใบ้ไปยังวัสดุอะไรบางอย่างที่โผล่พ้นดินมา

    อนันตญาเลิกคิ้วหันไปมอง
    จึงพบว่ามันเป็นคล้ายๆด้ามจับอะไรบางอย่างสีเขียวใสโผล่พ้นดินมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
    ซึ่งถ้าเธอไม่ล้มเพราะมันก็คงไม่เห็นเหมือนกัน

    กัณตามองอย่างสนใจ ก่อนจะเงยหน้าสะบัดผมที่ปลิวลงมาแล้วต้องอ้าปากค้าง

    ห่างกับที่อนันตญากำลังก้มหน้าไปเบื้องหน้าไม่กี่ก้าว……ร่างที่เธอเคยเห็นปรากฎอยู่!

    ร่างระหงในชุดนางกษัตรีย์ ผิวขาวซีดจนเห็นเส้นเลือดบนวงหน้า
    และร่างที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำยืนมองมาที่เธอ

    ผู้หญิงที่เธอเห็นในถ้ำ!

    “นิศามนินตรา!”
    + + + + + +
    จบบทที่ ๑

    จากคุณ : อมราวตี - [ 5 ม.ค. 47 00:26:23 A:203.113.45.101 X: ]