@^0^@ เรื่องรักวันรับน้อง @^0^@ ตอนที่ 6 ให้ใจไหวลู่ตามลม
ลานคณะวิศวกรรมศาสตร์ แม้จะเป็นยามเย็นท้องฟ้าเริ่มมืดหากก็ยังมีนักศึกษาเดินไปเดินมา บ้างจับกลุ่มนั่งคุยกันตามม้านั่งใต้ต้นไม้
" โอ้ย! เหนื่อย เรียนตั้งแต่เช้ายันค่ำ เฮ้อ! เมื่อไหร่จะจบสักทีนะ "
" เอ้า! บ่น บ่นเข้าไป ยัยแป้งเอ้ย อีกหน่อยแกเรียนจบ แกก็บ่น งาน งาน งาน
ทำไม๊มันมีแต่งานแล้วก็งาน "
อ้อบ่นบ้าง หากไม่ได้บ่นเพราะเหนื่อย แต่บ่นเนื่องจากอยากขัดคอเพื่อนเล่น
"แกก็ ให้ฉันบ่นบ้างไม่ได้เหรอไง ก็บ่นแล้วมีความสุข เรียกความสงสาร
ความเห็นใจได้ "
" ไหนยะ คนที่แกอยากเรียกร้องความสนใจ " อ้อหันซ้ายมองขวา
" ความเห็นใจและความสงสารย่ะ ไม่ใช่ความสนใจ "
" เจ้าค่ะ คุณแป้ง เดี๊ยนผิดเองค้า ลืมไปว่าหล่อนน่ะมีคนสนใจแล้ว "
อ้อพูดพลางยักคิ้วหลิ่วตาให้เพื่อน
" ถามจริงเถอะ แกอยากให้คนที่มาสนใจแกน่ะเป็นใคร "
"ทำไมพี่ป้องยังไม่มานะ เห็นบอกจะมารับ นี่ก็ 6 โมงจะครึ่งแล้ว " แป้งก้มมองนาฬิกาข้อมือ เสพูดเรื่องอื่น
" นี่ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง พี่เอกเหรอ เห็นไปที่บ้านแกบ่อยๆ " อ้อซัก
" พี่เอกเป็นเพื่อนพี่ป้อง เขาก็ไปหาเพื่อนเขาสิ เกี่ยวไรกะฉันล่ะ "
" งั้นพี่บอล หรือ พี่ต้น หรือพี่... "
" หยุดเลย แกไม่ต้องเดา เพราะมันไม่มีทางถูก "
" ขอเดาอีกคนเดียวได้เปล่า ถ้าไม่ถูกนะ จบเลยไม่พูดเรื่องนี้อีก แต่ฉันมั่นใจว่า
คนนี้ต้องถูกแน่ " อ้อยังต่อรอง
" มั่นใจจริงนะ อ้ะใครล่ะ " แป้งชักนึกสนุก อยากรู้ว่าเพื่อนตัวดีจะยกชื่อใครมาอ้างอีก
ใจไพล่ไปคิดถึงหน้าใครบางคน ไม่ได้เจอกันตั้งแต่ไปกินข้าวครั้งนั้น
ไม่รู้เป็นไงบ้าง ได้ยินว่าโหมทำโปรเจ็คหนัก เฮ้อ...
" พี่วินทร์ "
"........"
" เฮ้ย...ว่าไง ถูกเปล่า ทำไมไม่ตอบ อ้าว! แล้วทำไมหน้าแดงงั้นล่ะ นั่นแน่!
ฉันทายถูกล่ะสิ ใช่เปล่า "
" บ้าสิ " แป้งพูดอุบอิบ
"ว่าไงนะ แกพูดดังกว่านี้ได้เปล่า อายเหรอ ไม่ต้องอายหรอกน่า คนกันเอง รับรองไม่บอกใคร สาบาน สัญญา" อ้อบ่นเพื่อนพลางเอียงหูเข้ามาใกล้ๆ
"ไอ้บ้า" แป้งตะโกนสุดเสียง
"ไอ้แป้ง แกแกล้งฉัน " อ้อตะโกนเสียงดังไม่แพ้กันพร้อมวิ่งไล่แป้งที่วิ่งนำไปก่อน
"โอ้ย!"
"เจ็บเปล่าแป้ง " อ้อถามพลางฉุดเพื่อนที่ลงไปกองที่พื้นข้างตัวมีสมุดหนังสือกระจัดกระจายให้ลุกขึ้น แล้วหันไปโวยคู่กรณีของเพื่อน
" เดินยังไง ตาบอดหรือไงถึงมองไม่เห็นเพื่อนฉัน ผู้ชายอาไร๊ ขอโทษสักคำก็ไม่มี "
"น้องคร้าบ จะให้พี่แทรกตรงไหนล่ะครับ ก็น้องพูดอยู่ฉอดๆอย่างนี้ อีกอย่าง ที่นี่ไม่ใช่สนามเด็กเล่นที่ให้เด็กมาวิ่งไล่จับกัน แล้วน้องก็โตเป็นสาวออกอย่างนี้
ไม่น่าเล่นอะไรเหมือนเด็กเลยนะครับ "
คนพูดกวาดตามองหญิงสาวตรงหน้าไปทั่วตัวอย่างเน้นอาการ 'เป็นสาวออกอย่างนี้'
" อ้าว! เฮียไหงพูดงี้ล่ะ " อ้อชักฉุนกับสายตาที่ไม่สุภาพนั้น
" น้องครับ กระผมชื่อนายพล ไม่มีเชื้อจีน เรียกว่าพี่จะดีกว่าน่ะครับ " พลพูดแล้วโปรยยิ้มหวาน
"นี่..."
" อ้อไปเถอะ เราผิดเองแหละที่วิ่ง ขอโทษนะคะพี่ "
แป้งที่มองหน้าคนโน้นทีคนนี้ทีรีบพูดแทรกก่อนที่เรื่องจะบานปลายมากไปกว่านี้
"เดี๋ยวซิ" อ้อยังดึงดันจะเอาเรื่องต่อ
" ไปเถอะ " แป้งทั้งลากทั้งดึงเพื่อนออกมา
"ฝากไว้ก่อนนะ ไอ้-พี่-พล " อ้อยังตะโกนกลับมา
เฮ้อ! ทำไมเด็กสมัยนี้มันไม่มีสัมมาคารวะเลยวะ วันนี้ยัยแสบก็ดูจ๋อยๆ
แล้วความคิดก็สว่างวาบเข้ามาในสมอง
" น้องๆ เดี๋ยว ยัยแสบ เอ้ย น้องแป้ง "
"แป้งๆ"
แป้งหันไปมองพลที่วิ่งมาขวางหน้าอย่างไม่เข้าใจ
"มีอะไรเหรอคะ"
"กลับมาเอาเรื่องหรือไง" อารมณ์คุกรุ่นยังไม่หายไปจากอ้อ
" แป้งเอาข้าวเนี่ยขึ้นไปให้เพื่อนพี่หน่อยสิ " พลชูข้าวกล่องในมือขึ้น
"ทำไมเพื่อนฉันต้องทำตามที่สั่งด้วยเนอะ " อ้อหันไปพยักเพยิดกับแป้ง
"นั่นสิคะ ทำไมแป้งต้องทำ"
เอาสิ ยัยแสบที่เขาว่าจ๋อยๆ เริ่มแสบอีกล่ะ
" ก็ไถ่โทษไงที่วิ่งชนพี่ พี่มีนัดตอนทุ่มเนี่ย เดี๋ยวไม่ทัน ห้อง432นะ ตึกนี้"
พลส่งข้าวให้แป้งแล้วชี้มือไปตึกด้านหลัง แล้วคว้ามืออ้อให้ตามมา
"เฮ้ย อะไรเนี่ย ปล่อย " อ้อโวยวาย
" เงียบดิ เดี๋ยวเล่าอะไรดีๆเกี่ยวกะไอ้วินทร์ให้ฟัง " พลบอก
' อะไรดีๆเกี่ยวกะไอ้วินทร์' ทำให้อ้อหยุดโวยวายลงได้ เอาก็เอา เผื่อรู้อะไรไปบอกไอ้แป้งมัน
"จริงอ้ะ" อ้อเงยหน้าถามพล
"อืมม" พลพยักหน้า
"แป้งๆเรากลับก่อนนะพรุ่งนี้เจอกัน" พอได้รับคำยืนยันก็หันไปโบกไม้โบกมือกะเพื่อน
"แล้วทำไงดีล่ะเนี่ย " แป้งมองข้าวกล่องในมือ
เสียงเคาะเบาๆตามด้วยเสียงเปิดประตูอย่างถือวิสาสะ ทำให้วินทร์ละสายตาจากงานในมือแล้วต้องแปลกใจเมื่อพบร่างบาง คนที่เป็นสาเหตุให้เขาต้องพร่ำบอกตัวเองอยู่ทุกวันให้ตัดใจ
"สวัสดีค่ะ พี่พลฝากข้าวมาให้ค่ะ "
" อ๋อ ขอบใจนะ แล้วแป้งขึ้นมาได้ไง "
วินทร์ถามเพราะตึกเรียนที่คณะห้ามนักศึกษาเข้าออกหลัง 18 นาฬิกา นอกจาก
นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ซึ่งต้องทำโปรเจ็คจนถึงมืดค่ำดึกดื่น
" แป้งก็ยิ้มหวานๆไงคะ " แป้งตอบทั้งยังยิ้มหวานทั้งตาทั้งปากให้คนถามใจเต้น
"แค่ยิ้ม" วินทร์ถามย้ำ
" แหม ก็ยื่นบัตรนักศึกษาไงคะ แล้วก็ชักแม่น้ำทุกสายในโลกมารวมกันที่หน้าตึก เพื่อให้คุณยามหน้าตาดุดัน ที่เกือบจะใจร้ายยอมให้แป้งขึ้นมา"
" ทำไมต้องเกือบใจร้าย" วินทร์ถามในขณะเดียวกันก็พยายามกลั้นยิ้ม ไม่ให้ขำท่าทางที่หญิงสาวตรงหน้าแสดงออก
" ก็ถ้าใจร้าย ข้าวกล่องนี้ก็ไม่ถึงมือพี่วินทร์สิคะ"
" ถึงอย่างไรก็ไม่ถึง "
"คะ" แป้งถามเสียงสูง
"ก็แป้งส่งให้ถึงมือพี่เปล่าล่ะ " วินทร์เลิกคิ้วถามมองข้าวที่วางบนโต๊ะ
" งานเยอะเหรอคะ ไม่ค่อยเจอเลย พี่วินทร์ผอมลงด้วยนะ"แป้งมองตามสายตา
วินทร์ไม่ยอมตอบคำถาม แต่ขอเป็นฝ่ายตั้งคำถามเสียเอง
" งานเยอะ แล้วไม่ค่อยมีใครส่งข้าวส่งน้ำ " วินทร์บอก
คำบอกของวินทร์รวมทั้งสายตาที่ส่งมาทำให้แป้งร้อนๆหนาวๆ
เป็นไรไปยัยแป้งเอ้ย ทีเมื่อก่อนจะต่อปากต่อคำทีไม่เห็นต้องคิดนานขนาดนี้
ตอนนี้จะนึกอะไรก็ไม่ออก หาคำเถียงก็ไม่เจอ สมองหยุดพัฒนา หรือเราโง่ลงเนี่ย คิดแล้วก็นึกโมโหตัวเอง
" แป้งต้องไปแล้วล่ะค่ะ จะไปหอสมุดหาหนังสือค่ะ ไปล่ะค่ะ สวัสดีค่ะ "
แป้งยกมือไหว้ร่ำลา พร้อมที่จะผลุบหายไปอย่างเร็ว
" เดี๋ยวแป้ง พี่ไปส่ง "
" แป้งจะไปหอสมุดนะคะ " แป้งหันมาบอกย้ำ สงสัยว่าวินทร์จะไปส่ง ไปส่งที่ไหนก็หอสมุดอยู่ใกล้คณะแค่นี้
" คือ... คือพี่จะไปหอสมุดพอดี อยากได้หนังสือเหมือนกัน " บอกไปแล้วก็ลอบถอนหายใจ
" อ๋อ ค่ะ "
วินทร์หันไปมองงานบนโต๊ะ งานก็กองอยู่เต็ม
เอาวะ ขอตามใจตัวเองหน่อยแล้วกัน หากความรักเป็นเหมือนลม ใจคนคือต้นไม้
และในยามที่ลมพัดแรง เขาขอทำใจให้เป็นต้นไม้ที่ไหวลู่ตามลมนั้น ไม่แข็งขืนให้ตัวเองต้องหักโค่นก่อนเวลาอันควร
เมื่อความรักบทที่หนึ่งเกิดขึ้นในใจแล้ว แม้รู้ทั้งรู้ว่าต้องผิดหวัง
อย่างน้อยก็ขอมีความสุขบ้างจากนี้ไปจนถึงบทสุดท้ายของความรัก
" ปล่อยได้ยังล่ะ " อ้อโวยทั้งสลัดมือสลัดไม้
" ปล่อยอะไร " พลยังยึดมือหญิงสาวตรงหน้าแน่น ถามทั้งปากและตา
ท่าทางยียวนกวนโมโหนั้น ทำให้อ้อทนไม่ไหว เอามือข้างที่ว่างซัดไปที่อกข้างซ้ายคนยียวนอย่างเต็มแรง
" โอ้ย! ตัวก็เล็ก ทำไมมือหนักจัง แล้วเจ็บมั่งไหมล่ะนั่น "
" ทำไมต้องเจ็บ ฉันไม่ได้โดนทุบนี่นา " อ้อลอยหน้าลอยตาเถียง
" อ้าวไม่รู้เรอะ ก็เราน่ะอยู่ในใจพี่นี่นา แล้วไม่เจ็บมั่งเหรอไง " พลชี้แจงพร้อมเอามือคลำที่อกตัวเอง ทำหน้าเจ็บซะเต็มประดา
"ยี้ แสลงหู พูดมาได้ "
ท่าทางแสลงหูของอ้อทำให้พลต้องปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว หยุดไม่อยู่
" เอ้า! ขำ ขำเข้าไป สาธุ...ขอให้ขากรรไกรค้าง หัวเราะไม่ได้ไปอีกสามปี"
"เฮ้ย แรงไป ไม่ได้หัวเราะแค่ 3 วันก็จะเฉาตายอยู่แล้วนี่ตั้ง 3 ปี "
"นี่เฮีย ไม่ต้องอุทธรณ์ ไหนล่ะอะไรดีๆเกี่ยวกับพี่วินทร์ " อ้อ ทวงสาเหตุที่ทำให้ตัวเองยอมให้ถูกลากออกมา
" เอ เท่าที่รู้มา สาวๆสมัยนี้เนี่ย เวลาที่เขาอยากจะได้อะไร อยากรู้อะไรจากใคร เขาต้องพูดหวานๆเพราะๆไม่ใช่เหรอ ไหนลองพูดซิ พี่พลขา เล่าให้อ้อฟังหน่อยสิคะ ประมาณนี้น่ะ พูดเป็นเปล่า "
" อืมมนะ เฮียนี่ หน้าตาก็หล่อ รูปร่างก็ดี " อ้อพูดพลางเดินวนพิจารณารูปร่างของพล
"เพิ่งรู้วันนี้เองทำไม ไม่ยักมีแฟน ที่แท้เฮียก็ชอบพวกไม่จริงใจนี่เอง มิน่า อกหักแล้วอกหักอีก เป็นโสดนานอย่างนี้ไม่เหงาเหรอค้าาา....เฮีย"
อ้อประชดประชันเสร็จก็ยืนหัวเราะคิกๆคักๆ
"นั่นสินะ เป็นโสดนาน มันก็เลยเหงา ตอนนี้กำลังหาคนมาแก้เหงา เอาที่ปากเก่งๆ ชอบยั่วให้โมโหก็ได้ ทำให้ขำก็เป็น หิว ไปกินข้าวดีกว่า ปะ"
พลไม่สะทกสะท้านกับคำกล่าวหา' อกหักแล้วอกหักอีก' แถมเอามือมาดึง
แขน 'คนปากเก่ง' ไปกินข้าว
" เฮ้ย ปากว่ามือถึงนี่หว่า ไปแล้ว ไม่เล่าก็อย่าเล่าไม่ง้อโว้ย " อ้อหันมาทำตาเขียวเสียงเขียวใส่
" เดี๋ยวสิ ไม่กินเหรอ พี่เลี้ยง ของฟรีไม่สนเหรอ " พลยังส่งเสียงยั่วตามหลังมา
" ไม่กิน ไม่สน ไอ้พี่ลามก คนโกหก "
ลามกยังไงวะ แค่จับมือ แล้วโกหกตรงไหน ก็จะเล่าไปกินข้าวไป
ท่าทางยังกะยัยแสบเหมือนฝาแฝด มิน่า เป็นเพื่อนกันได้
ป่านนี้ไอ้วินทร์กะยัยแสบจะเป็นไงวะ ข้าก็ช่วยเอ็งได้เท่านี้แหละวะ มากกว่านี้ก็
ไม่รู้จะช่วยยังไง ช่วยตัวเองแล้วกันนะเพื่อน
@^0^@ เรื่องรักวันรับน้อง @^0^@
แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 47 16:58:17
จากคุณ :
อุณากรรณ
- [
5 ม.ค. 47 16:44:40
]