ENIGMA ตอนที่ 10 พรมหิมะแดง



    ห้องโถงกว้างใหญ่สวยงามและภายในห้องก็ถูกตกแต่งแบบยุโรปกลาง มองไปก็เหมือนห้องโถงของปราสาทผีดูดเลือดใน โรมาเนีย โดยเฉพาะผ้าม่านแดงสีสดที่ประดับตามกระจกหน้าต่างใหญ่รายรอบห้อง และพรมแดงที่พื้น

    แม้นห้องจะกว้างแต่การวางโต๊ะ เก้าอี้เครื่องตกแต่ง กลับวางได้สัดส่วนทำให้ห้องดูไม่โล่งจนเกินไป โดยเฉพาะเมื่อมองไปเห็นชายที่นั่งเอนตัวบนเก้าอี้สีแดง ผมสีน้ำตาล ตาคมคล้ายเหยี่ยว แม้นแต่ คาง จมูก ก็คม ช่างเป็นบุรุษที่หน้าตาคมเข้ม และแฝงกลิ่นไอที่ชั่วร้าย เมื่อประกอบกับชุดที่ใส่ ก็คลับคล้ายกลับเป็นท่านเคานต์แด็กคูล่า กลับชาติมา ทั้งคนทั้งห้องคล้ายมาจากยุคกลางเลยทีเดียว

    ชายที่หน้าตาคมเข้มและมีกลิ่นไอชั่วร้ายนี้ ค่อย ๆ ละสายตาจากหนังสือที่อ่าน มองชายอีกคนหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปห้าเมตรด้วยหางตา ก่อนจะค่อย ๆ วางหนังสือไว้ที่โต๊ะใกล้ ๆ “ไทเก็ก” คือหนังสือที่ชายผู้นี้อ่าน

    “เรื่องที่ให้ไปจัดการไปถึงไหนแล้ว” ชายผู้คมเข้มถามเรียบ ๆ แต่คำพูดกลับมีพลังอำนาจ สะกดใจ
    “เราส่งผู้มีพลังพิเศษ 7 คน ไปจับตาดูนายพลแวนนิชแล้วครับ ถ้าท่านเวอรูเลินท์สั่งเมื่อไรคนของเราจะจัดการลอบสังหารมันทันที” ชายผู้ที่ดูเหมือนบ่าวรับใช้ตอบอย่างตะกุกตะกัก

    “อย่าพึ่งผลีผลาม ไว้เมื่อข้าเดินทางออกนอกเกาะนี้ได้เมื่อไรเจ้าค่อยสั่งให้พวกมันสังหารนายพลเฒ่าซะ”
    “แต่เจ้าคงไม่ลืมที่ข้าสั่งว่า ต้องลอบฆ่า ห้ามปะทะซึ่งหน้ากับแวนนิชเด็ดขาด” เวอรูเลินท์กล่าวอย่างช้า ๆ ทีละคำพูด เหมือนย้ำเตือนไม่ให้ลืม
    “เอ๋….ท่านไม่น่าห่วงนะครับ พวกเรามีตั้ง 7 คน แถมหนึ่งในนั่นเป็น 6 องค์รักษ์ ซึ่งมีฝีมือเป็นยอดด้วย”

    การพูดจาของบ่าวที่ไม่รู้ความทำให้ เวอรูเลินท์ มองบ่าวด้วยสายตาที่อำมหิต จนบ่าวไพร่ผู้นั้นมีสภาพเหมือนตายไปแล้วสองครั้ง จนทำให้ไม่กล่าวกล่าวอะไรมากความ จนห้องทั้งห้องเงียบดุจป่าช้า

    เพล้ง เพล้ง ๆๆๆๆๆ พริบตาเดียว หน้าต่างบานใหญ่นับสิบบาน ก็แตกโดยพร้อมเพรียงกัน และปรากฏทหารในชุดดำแบบหน่วย SWAT โหนตัวเข้ามาในอย่างรวดเร็ว และรวมพลอย่างพร้อมเพรียงล้อม เวอรูเลินท์ไว้ โดยยืนเป็นวงกลมล้อมห่างเพียง 4 เมตรเท่านั้น ส่วนบ่าวของเวอรูเลินท์ก็แน่นิ่งกับพื้นไปในพริบตา

    เวอรูเลินท์มองไปรอบตัวช้า ๆ ด้วยท่าทีที่ไม่ยี่หระ กับเรื่องที่เกิดขึ้น สายตายังคงคมกริบ ค่อย ๆ จ้องมองศัตรูอย่างช้า ๆ ฝ่ายตรงข้ามแต่งกายในชุดดำ มีทั้งหมด 12 คนสวมเกราะกันกระสุนอย่างดี และที่สำคัญสวมหน้ากากแบบป้องกันไอพิษไว้ด้วยเพื่อ ไม่ให้ติด G-VIRUS พร้อมทั้งปืนพกในมือขวา

    เวอรูเลินท์ ยิ้มที่มุมปากและคิดอย่างละเอียด “ผู้ที่เข้าใกล้เราจะได้รับไวรัสที่จะเกิดผลเมื่อหายใจเข้าไปเป็นเวลา 10 นาที  พวกมันเลยเตรียมหน้ากากมาพร้อม และกะจะล้อมเราและจ่อยิงด้วยปืนพก ซึ่งไม่ทำอันตรายพวกเดียวกันที่สวมเกราะกันกระสุน อีกทั้งปืนพกยังไม่สามารถส่งแรงกระแทกกับพวกมันให้เสียขบวน และจังหวะต่อเนื่อง แต่กับเราแค่นัดเดียวเต็ม ๆ ก็พอส่งเราไปนรกได้  เตรียมมาดี เตรียมมาดี”

    “ถ้าพวกแก ไม่ยิงซะที ฉันจะเริ่มล่าล่ะนะ” เวอรูเลินท์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เลือดเย็น

    พริบตาดุจประกายไฟเสียงปืนนัดแรกก็ดังขึ้น ในสายตาของเวอรูเลินท์ความเร็วของกระสุนเป็นเพียงสิ่งที่เคลื่อนช้า ๆ ในสายตาเท่านั้น “สามนาฬิกา” เวอรูเลินท์คิดในใจพร้อมหลบกระสุนจากศัตรูทางด้านขวา หรือทางทิศสามนาฬิกา เค้าเอี้ยวตัวไปด้านหลัง กระสุนค่อย ๆ ผ่านอกไปไม่เกิน 1 ซม. เสียงปืนนัดต่อมาก็ดังต่อเนื่อง “สิบเอ็ดนาฬิกา” กระสุนค่อย ๆ เข้าหาหัวของเวอรูเลินท์ แต่เค้ากับเอี้ยวตัวหลบ ให้กระสุนห่างหน้าไม่เกิน 1 ซม. เช่นเดิม “ห้านาฬิกา” “เจ็ดนาฬิกา” “เก้านาฬิกา” เวอรูเลนท์มองกระสุนที่เคลื่อนมาและค่อย ๆ เอี้ยวตัวหลบอย่างไปไม่เปลืองแรง พริบตาดุจประกายไฟศัตรูทั้ง 12 ทิศนาฬิกาก็ยิงจนครบ แต่เวอรูเลินท์ก็เอี้ยวตัวหลบโดยไม่ก้าวออกจากจุดเดินแม้นสักก้าว ในสายตาของทหารชุดดำ ก็เห็นเพียงภาพติดตา ที่เวอรูเลินท์เคลื่อนตัวดุจภูติพราย หลบทิศกระสุนอย่างสวยงาม

    “จะเริ่มล่าล่ะนะ” เวอรูเลินท์ยิ้มที่มุมปากอย่างน่ากลัว

    ปัง!!! “เจ็ดนาฬิกา” เวอรูเลินท์เอี้ยวตัวหลบไปทางซ้ายพร้อมต่อยคนที่อยู่ทางห้านาฬิกา “สิบนาฬิกา”
    เวอรูเลินท์ หลบลูกปืนพร้อมเคลื่อนแขนขวาไปจับปืนของคนทางสิบสองนาฬิกาแล้วเอานิ้วหักไกปืน “สามนาฬิกา” เวอรูเลินท์ใช้ฝ่ามือปัดปืนให้ยิงไปโดนหัวคนทางหกนาฬิกาแทน พร้อมทั้งดึงตัวคนทางสามนาฬิกามาบังกระสุนแทน ก่อนจะเตะกวาดศัตรูล้มไปสามรายแล้วหันมาหักคอเกราะมนุษย์ที่ไร้ค่า และเหวี่ยงไปโดนศัตรูอีกราย เวอรูเลินท์หายใจเข้าอย่างแรงพร้อมกับเพลงหมัดที่ถูกใช้ออกอย่างรวดเร็ว

    วงล้อมที่ดูหนาแน่นกลับถูกคลี่คลายได้โดยง่าย พริบตาคนทั้งสิบสองก็ล้มพับ ไปสิบเอ็ด เหลือเพียงคนทางสิบสองนาฬิกาที่ถือปืนไม่มีไก อยู่และยืนนิ่งอย่างเสียสติ

    “ฉันไว้ชีวิตแกเพื่อจะให้แกได้รู้ไว้ว่า แม้นใส่หน้ากากก็กัน G-VIRUS ของฉันไม่ได้” เวอรูเลินท์พูดพร้อมกับเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พร้อมหยิบหนังสือไทเก็กขึ้นอ่านแล้วบ่นพึมพำ “ไทเก็กนี้ก็ใช่ได้เหมือนกัน”

    กลับมาดูที่ป่าสนใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยหิมะ พื้นที่น่าจะขาวโพล่น แต่กลับพบเห็นพรมแดงที่ยาวเป็นทาง นั้นคือหิมะแดง หิมะที่ย้อมไปด้วยเลือด หรือเรียกว่า พรมหิมะแดง

    มิม ประคอง ไวท์ที่เต็มไปด้วยแผล แม้นจะไม่ลึกมาก แต่แผลที่มีอยู่อย่างมากมายก็ทำให้ร่างกายแย่ลงไปทุกที ส่วนแวเออร์ประคอง เมมวาร์ ซึ่งแม้นจะมีแผลเดียวแต่ก็ลึกอยู่กลางหลัง จะว่าไปแล้วคนประคองก็ไม่ต่างกันนัก แวริเออร์มีกระสุนฝั่งในที่ไหล่ขวา ส่วนมิม น่าจะซี่โครงร้าวหลายแห่ง

    แม้นทั้งสี่จะพยายามปฐมพยาบาลเบื้องต้นและห้ามเลือดไปแล้ว แต่สภาพก็ดูจะต้องเข้าโรงพยาบาลสถานเดียว สภาพตอนนี้เจอศัตรูอีกแม้นสักคน ก็จะพากันไปตายทั้งสี่ได้เลย ทั้งสี่คนจึงตะเกียดตะกายออกจากป่าสน เพราะอาจมีศัตรูดักอยู่ในป่าอีกก็เป็นได้

    เมื่อออกจากป่าได้ทั้งสี่ดูโล่งใจอย่างมาก เหนื่อยอ่อนอย่างมากจนต้องนั่งพักอย่างช่วยไม่ได้ แต่การเดินทางยังอีกยาวไกลนัก พริบตานั่นเอง บางสิ่งก็ค่อย  ๆ เคลื่อนมาหาชายทั้งสี่อย่างจงใจ

    ฝูงหมาป่าหิมะ ศัตรูเก่าที่ตามจองเวร

    ทั้งสี่ค่อย ๆ ยืนขึ้น แต่นั่นก็เต็มกำลัง ในตอนนี้แล้ว แม้นแต่ขายังสั่น ชายทั้งสี่โดนล้อมอย่างง่ายดายจากฝูงหมาป่าหิมะ

    “มิม แวริเออร์ นายสองคนยังมีแรง เหลือพอ รีบหนีไปเถอะ” ไวท์ กล่าวเสียงสั่น ๆ ด้วยความเหนื่อยอ่อน
    “…………” ไม่มีคำตอบใด ๆ หลุดจากปากชายทั้งสอง มีเพียงแค่รอยยิ้มเท่านั้น

    พริบตาฝูงหมาป่าก็กระโจนเข้าใส่ อย่างรวดเร็ว จุดจบใกล้เท่าตาเห็น……..
    พวกมันหยุด ทุกตัวต่างหยุดนิ่งชะงัก และแข็ง………
    และค่อย ๆ กลายเป็นน้ำแข็งไป…….

    ชายผมทองผู้มีใบหน้าเรียบเฉย ราวกับน้ำแข็ง ลงจากรถจี๊ป อย่างเยือกเย็น ไม่ใช่ใคร ไอซีเนส!!! ชายผู้เป็นดุจเจ้าชายน้ำแข็ง พริบตาใบหน้าที่เรียบเฉย กลับเปลี่ยนไปดูอบอุ่น ไอซีเนส ยิ้มพร้อมทั้งกล่าว

    “เจอกันอีกครั้งแล้วนะ จะมั่วอึ้งอะไรอยู่รีบไปจากที่นี้เถอะ คนเจ็บรอไม่ได้นะ ที่นี้ฉันจัดการเอง” ไอซีเนสพูดพร้อมกับโยนกุญแจรถให้ไวท์

    “พวกแกคิดหนีไปไหน ข้า 1 ใน 6 องค์รักษ์ของท่านเวอรูเลินท์จะกำจัดพวกเจ้าเอง ” พริบตา ก็ปรากฏร่างชายผอมผิวขาวซีด โผล่ตัวออกมาจากพื้นหิมะ

    “ยังไม่รีบไปอีก!!! โรงพยาบาลอยู่ห่างออกไปทางเหนือ 5 กิโล ที่นี้ฉันจัดการเอง” ไอซีเนสกล่าวอย่างรีบเร่ง

    ชายทั้งสี่ขึ้นรถอย่างทุลักทุเล แต่พริบตาที่รถกำลังจะเคลื่อนก็ปรากฏ หิมะรูปเขี้ยวได้ก่อตัวขึ้นจากพื้นทะยานดุจงวงช้างพุ่งเข้าโจมตีคนในรถอย่างดุดันจากสี่ทิศสี่ทาง

    คมเขี้ยวหิมะ!!!!!

    ก่อนจะเขี้ยวทั้งสี่จะหมายทะลุร่างชายทั้งสี่บนรถ เขี้ยวเหล่านั้นก็นิ่งสงัดกลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว

    ไอเย็น พลังน้ำแข็ง!!!!

    ไอซีเนส และ ชายผู้ใช้หิมะ จ้องมองกันอย่างไม่วางตา เหมือนคู่แค้นผูกพยาบาทกันมานาน ความสนใจต่อชายทั้งสี่บนรถของผู้ใช้หิมะ ก็หมดไปเมื่อเจอคู่ต่อสู้ที่ท้าทาย ยืนอยู่เบื้องหน้า รถจี๊ป จึงวิ่งแล่นห่างออกไปจนไกลสายตา

    ไอซีเนส และชายผู้ใช้หิมะ มองจ้องตา ก่อนจะทะยาน วิ่งเข้ามาหากันอย่างพร้อมเพรียง เมื่อเข้าใกล้จนได้ระยะหมัด ทั้งคู่ต่างระดมหมัดเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ทั้งคู่ต่างปัดป้องเพลงหมัดของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างทะมัดทะแมง ทั้งคู่ต่างยังชกไม่โดนเป้า แต่แค่เพียงการปัดหมัดของไอซีเนส ก็ทำให้ฝ่ายตรงข้าม สะท้านเพราะทุกจังหวะที่ปัดหมัดไอซีเนสแฝงไอเย็นจน ฝ่ายตรงข้ามมือชา

    “พลังแค่นี้จะทำอะไรได้” ชายผู้ใช้หิมะ หายใจเข้า อย่างแรงทวนพลัง และใช้สันมือปัดหมัดของไอซีเนสด้วยความพลังที่เกรียวกราดจน กระดูกข้อมือไอซีเนสร้าวเลยทีเดียว พร้อมทั้งต่อยด้วยความแรงเข้าที่อกไอซีเนสอย่างจังจนกัดฟัดทน

    “แค่นี้ไม่เท่าไรหรอก” ไอซีเนสใช้น้ำแข็งยึดขาไม่ให้ตัวเองกระเด็นออกไป พร้อมกับออกหมัดสวนคืน ใส่ท้องฝ่ายตรงข้าม

    ไอเย็น พลังน้ำแข็ง!!!!

    ไม่เพียงแค่ความเจ็บจากแรงหมัด ไอซีเนสยังใส่ไอเย็นเข้าไปจน ศัตรูต้องสะท้าน พริบตาไอซีเนสยิ้มอย่างได้ใจ เพราะศัตรูเปิดเผยจุดอ่อนแล้ว จึงคิดกระแทกอีกหมัดให้รู้ผล แต่หารู้ไม่ อันตรายได้ย่างกายเข้ามาที่ด้านข้างอย่างไม่รู้ตัว

    คมเขี้ยวหิมะ !!!!!

    หิมะได้ก่อตัวขึ้นเป็นรูปเขี้ยวพุ่งเข้าหาไอซีเนสจากด้านข้าง สุดจะเปลี่ยนแปลง ไอซีเนส ได้แต่ชะงักหันหมัดทั้งสองข้างมาทานรับ คมเขี้ยวหิมะที่ใกล้ถึงตัว

    ไอเย็น พลังน้ำแข็ง!!!!!

    เขี้ยวหิมะทั้งสองต่างนิ่งหยุดและกลายเป็นน้ำแข็งแต่นั่นก็ทำให้ ไอซีเนสพลาดโอกาสทองและชะงักการโจมตี  เสียจังหวะเสียขบวน พริบตาดุจประกายไฟ หมัดขวาของผู้ใช้หิมะก็ทะยานกระแทกไอซีเนสอย่างจังจนพุ่งลอยตามแรงหมัดและร่วงหล่นพื้นดุจนกปีกหัก

    ไอซีเนสค่อย ๆ ประคอบตัวขึ้นจากพื้น และเหลียวหันไปหาศัตรู แต่สิ่งที่เค้าเห็นกลับยิ่ง ทำให้สะท้านไปทั้งกาย ผู้ใช้หิมะ พุ่งตัวมาพร้อมกับหิมะที่เป็นเหมือนคลื่นยักษ์ในทะเล หมายโถมให้ทะนบกระจุยเป็นเสี่ยง ๆ

    ตูม ๆๆๆๆๆๆๆ คลื่นหิมะยักษ์กระแทกเข้าอย่างจัง และพลังอันยิ่งใหญ่กวาดบริเวณนั่นให้ราบเรียบเป็นหน้ากองแม้นแต่ต้นสนสูงใหญ่ยังโดยแรงคลื่นโถมจนหักล้มลง แล้วไอซีเนสจะรอดหรือ?

    หลังจากคลื่นหิมะยุติ จึงค่อย ๆ เห็นร่างของไอซีเนสยืนนิ่งอยู่ แต่ขาวซีดราวกับไม่มีชีวิต ดวงตาก็ไร้แวว แต่เพื่อให้ชัดเจน ชายผู้ใช้หิมะจึงพุ่งกระโจนเข้าโจมตีด้วยหมัดตรงเข้าที่ใบหน้าของไปซีเนสอย่างรวดเร็ว

    แกร๊ก ๆๆๆ เมื่อหมัดกระทบจึงเกิดรอยแตกร้าวขึ้นที่ใบหน้าของไอซีเนสทันที……

    แต่แท้จริงแล้วหมัดกลับไม่กระทบโดนใบหน้า รอยแตกร้าวก็ไม่ได้เกิดที่หน้าไอซีเนส มันเหมือนมีสิ่งที่กั้นไม่ให้หมัดโดนเข้าที่หน้าโดยตรง……..

    มันคือน้ำแข้ง……. ที่แท้ ทั้งร่างของไอซีเนสถูกป้องกันไว้ในก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ ที่เหมือนเกราะซึ่งกั้นคลื่นหิมะไม่ให้จู่โจมโดนร่างกายได้

     ผู้ใช้หิมะได้แต่ตะลึงงัน ฉับพลัน ไอซีเนส ที่อยู่ในก้อนน้ำแข็งยักษ์ ก็กระแทกหมัดทะยานตัวออกจากก้อนน้ำแข็ง พุ่งเข้าหาศัตรู ทั้งหมัด ทั้งก้อนน้ำแข็ง สะเก็ดน้ำแข็ง พุ่งจู่โจมเป็นสายเดียวกัน ประสานโจมตีอย่างสวยงาม

    เพลงหมัด คลื่นน้ำแข็ง ถล่มทะลาย!!!!

    ทั้งหมัดทั้งน้ำแข็งกระแทกผู้ใช้หิมะอย่างจังจน ลอยตามแรงจู่โจมกระแทกต้นสนร่วงหมดสภาพ แน่นิ่งสิ้นฤทธิ์ลงบนพื้นหิมะ

    ไอซีเนสถอนหายใจอย่างโล่งอก และมองไปบนฟ้า แสงแดดยามเย็นที่สะท้อนน้ำค้าง และหิมะ บนใบสนช่างสวยงามยิ่งนัก

    “อีกแค่ 6 วันก่อนที่เรือจะมารับ เวอรูเลินท์ พวกนายจะทำสำเร็จไหม?” ไอซีเนสมองฟ้าอย่างใจลอย

    “ฉันคงช่วยนายได้แค่นี้”

    จากคุณ : Bluejade - [ 5 ม.ค. 47 23:27:45 ]