ฟ้า....(เรื่องสั้นขนาดยาว)

    ความมืดยังคงอยู่ แม้ที่ไรตีนฟ้าจะปรากฏแสงสว่างสีทองขึ้นมาบ้าง
    ทะเลเมฆกระจายอยู่ทั่วหุบเขา แสงที่ตกกระทบครบเจ็ดสีสะท้อนแจ่มจ้าราวสรวงสวรรค์
    ความหนาวเย็นเกาะกุมตั้งแต่ปลายผมจรดปลายเท้า ลมหายใจพ่นควันกรุ่นตามจังหวะเข้าและออก ดวงตาหยาดเยิ้มจ้องนิ่งอยู่กับสิ่งมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ทั้งเบิกกว้างอย่างแตกตื่นยินดี ทั้งซาบซึ้งกับการเสพสุขในบรรยากาศนั้น
    ในอ้อมกอดที่เขาประคอง สะท้านเยือกเป็นครั้งคราวเมื่อสำผัสลมหนาวที่พัดเฉื่อยมาสัมผัสร่างกาย พวงแก้มของเธอมีสีแดงก่ำแม้จะมองในแสงมลังมะเลือง ตัดกับริมฝีปากที่ซีดขาวหากแห้งผากด้วยความแห้งของอากาศ
    ผ้าผวยที่ทำเป็นเสื้อหนาวห่อหุ้มร่างของเธอไว้ให้นุ่มนิ่มมากยิ่งขึ้น มือของเธอเย็นแม้จะถูกอุ้งมือของเขาเกาะกุมไว้ แก้มข้างหนึ่งของเธออยู่บนไหล่เขา กลิ่นความหอมจากเส้นผมลอยกลั้วกับดอกไม้ป่าที่ส่งกลิ่นยามเช้าตรู่โชยเข้าจมูกให้เขากำซาบเป็นระยะ
    ร่างเล็ก ๆ ของเธอถูกเขาตะกองกอดอย่างสุดรัก..สุดหวงแหน..
    “ขอบคุณนะคะ..ที่พาเกดมาให้ได้เห็นความงามของที่นี่อีกครั้ง..”
    เสียงของเธอแผ่วเบายิ่ง..
    ดวงตาของเขารื้นน้ำตา..จนปวดหนึบที่หัวคิ้ว
    “ภูชี้ฟ้า…ในที่สุดเกดก็ได้กลับมาอีกครั้ง..อยากรู้จังว่าบนฟ้านั้นจะสวยงามขนาดนี้ไหม?..”
    แสงตะวันสาดส่องแผ่กว้างมากยิ่งขึ้น มุมกระทบบางอย่างทำให้ร่างของเธอเปล่งประกายรับแสงนั้น..ราวนางฟ้า..ที่บินหลงทางสู่เมืองมนุษย์..เป็นการชั่วคราว
    และอีกไม่นานนี้..เธอจะบินสู่ฟากฟ้า..ที่ที่เธอจะสถิตย์อยู่ชั่วนิรันดร์
    ……..

    “พี่ดีใจที่เกดมีความสุข..” เสียงของเขาแผ่วเบาราวกระซิบ
    เธอยิ้มให้เขา
    “เกดคงเป็นภาระให้พี่ทรมากไปแล้ว..ต้องเสียงานเสียการมาเพราะเกด..”
    “อย่าพูดอย่างนั้น ชีวิตนี้พี่ให้กับเกดได้ทุกอย่างอยู่แล้ว..”
    คำพูดนั้นทำให้ดวงตาของเธอเริ่มแดง..น้ำเอ่อล้นจนเธอต้องกระพริบขนตางอนยาวนั้นถี่ขึ้น
    “เกดรู้มานาน..รู้มานานมากแล้ว..ถ้าวันนั้นเกดไม่ตัดสินใจผิดพลาด..” หางเสียงของเธอถูกก้อนสะอื้นกลบสิ้น
    ธนาทรส่ายหน้า ยกมือขึ้นลูบศีรษะเธออย่างอ่อนโยนรักใคร่
    “ไม่มีใครรู้เหตุการณ์ได้ล่วงหน้า..ครั้งนั้นที่เกดตัดสินใจเกดก็คงคิดดีแล้ว..เพียงแต่..เมื่อมันผิดพลาดไปแล้ว ผลของมันก็ไม่ควรจะเลวร้ายถึงขนาดนี้..”
    เธอยิ้มอีกครั้ง การะเกดมักจะยิ้มเสมอไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะใด เป็นยิ้มที่เขาชื่นใจหลงไหลมาตั้งแต่เด็ก
    “เกดว่าสาสมแล้วล่ะค่ะ..เกดยอมรับได้…เพียงแต่คนอื่น…คุณพ่อคุณแม่..และก็พี่ทร..คงเสียใจเพราะเกดมากมาย..”
    ร่างผอมบางนั้นถูกกระชับแน่นขึ้นอีกครั้ง เขาอยากจะรัดให้เธอกลืนเข้าไปในร่างกายของเขา..ถ้าเป็นได้ เขาจะหล่อหลอมร่างของเขาเป็นร่างเดียวกับเธอ เพื่ออย่างน้อย..โรคร้ายของเธอจะได้ทุเลาลงได้
    แต่หมอบอกมาแล้ว…อีกไม่นาน
    อีกไม่นานร่างของเธอจะป่นเป็นธุลี..
    ………..

    ทั้งสองนั่งเคียงกันอยู่ริมผา เหม่อมองดวงอาทิตย์สีแดงฉ่ำเคลื่อนตัวสูงขึ้นทุกขณะ
    ทะเลหมอกถูกความร้อนจากแสงอาทิตย์ละลายเปลี่ยนรูปที่หลากหลายตลอดเวลา ความสวยงามจากสิ่งมหัศจรรย์ของธรรมชาติถ่วงดึงหัวใจทั้งสองไว้ด้วยกัน
    ปลายเขาคล้ายหมู่เกาะกางทะเลเริ่มโผล่ผลุดให้เห็น แสงสีทองฉาบไปทั่วบริเวณ นกกาเริ่มส่งเสียงร้องราวจะปลุกทุกชีวิตให้พ้นจากแดนสนธยา..จุดประกายความหวังให้สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตได้สู้ต่อไป
    เหมือนเธอจะหลับไปแล้ว..สาวน้อยสุดรักของเขา..มองใบหน้าที่อิงแนบหัวไหล่ของเขาอยู่นั้นอย่างเต็มตาอีกครั้ง..ไม่น่าเชื่อ…สาวสวยซึ้งคนนี้จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่ราตรีต่อจากนี้
    เขาจะทำอย่างไรดีที่จะไม่ให้วันนั้นมาถึง..
    ทุกชีวิตย่อมมีความหวัง..พระอาทิตย์ตกแล้วยังมีขึ้น..หมอกหนาแล้วยังจางและก่อตัวเกิดขึ้นอีกหน..ชีวิตของสรรพสิ่งควรมีขึ้นและมีลง..ตราบจะสิ้นไปตามกำหนดเวลาจากเบื้องบน..
    ชีวิตยังไม่สิ้น..ลมหายใจยังรวยริน..จะทิ้งไปทำไมกับความหวัง…
    เขาหวังว่า..จากการพยายามครั้งสุดท้ายของเขาครั้งนี้..จะช่วยให้เธอหลุดพ้นจากความตายมาได้..แม้เขาจะต้องแลกด้วยชีวิตของเขาเองก็ตาม
    ร่างของเธอถูกอุ้มไว้ด้วยสองแขน ศีรษะแนบอยู่กับทรวงอกของเขา ลมหายใจแผ่วรินคล้ายจะอ่อนลงไปมากแล้ว..เขาจะต้องรีบ..ทุกวินาทีต่อจากนี้มีค่านัก..
    ……..

    “พี่ทรขา…อย่าไปทำร้ายมันสิคะ..น่าสงสารออก..” เสียงหวานใสนั้นทำให้ผู้ที่ถูกเรียกว่าพี่ชะงักมือที่เงื้อง่านั้น..หางตาคมเข้มชำเลืองไปยังเจ้าของเสียง พร้อมกับแค่นเสียงออกจากจมูกของตัวเอง..
    “แล้วจะให้พี่ตกขึ้นมาทำไมมิทราบ..ตกขึ้นมาแล้วก็บอกให้ปล่อย ๆ เสียอย่างงี้ทุกที..”
    “ก็เกดอยากดูปลา..”
    “ก็ทำไมไม่ดูที่ตู้..เลี้ยงไว้ตั้งหลายตัว..จะดูที่คลองอย่างงี้ก็ต้องตกมันขึ้นมา..แล้วกว่าจะตกได้..รู้ไหมมันยากแค่ไหน..ไหนจะต้องขุดไส้เดือน ไหนจะต้อง..”
    เธอนั่งมองเขาบ่นตาแป๋ว..ส่วนนิ้วชิ้กระดิกยิก ๆ ไปที่ปลาหมอตัวขนาดฝ่ามือที่นอนพะงาบเหงือกอยู่กับพื้นริมฝั่งคลอง
    “พี่ทรบ่นไปพร้อมกับปล่อยปลาไปด้วยไม่ได้เหรอ..มันจะตายอยู่แหล่ว..”
    เขาฉุนจนต้องหัวเราะออกมา..
    ขากลับ เด็กหญิงอายุหกขวบเดินตามพี่ทรของเธอซึ่งโตกว่าสองสามปีต้อย ๆ
    “ทำไมพี่ทรกลับทางนี้ล่ะคะ..บ้านเราอยู่ทางโน้น..” เป็นเสียงที่ไม่เคยหยุดไปได้เกินสองนาที
    “ก็วันนี้พี่จะกลับทางนี้..”
    “เกดเมื่อย..”
    “อะไรกัน เดินแค่นี้เมื่อยแล้ว..ขี้โรคจังนะเรา..”
    เธอทำหน้าม่อย “ว้า..พูดเหมือนคุณยายเลย..เอะอะก็หาว่าเกดขี้โรค..เกดไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย..แค่เมื่อยนิดหน่อยเอง..”
    เขาทรุดตัวลงนั่งยอง ๆ
    “งั้นขี่คอพี่..”
    เด็กน้อยยิ้มร่า..อุบายชนิดนี้เธอทำสำเร็จบ่อยครั้ง..หลังของพี่ทรน่าเกาะจะตาย..
    ดีกว่าเดินเยอะเลย..
    เดินไปได้สักพัก ข้างทางก็ปรากฏศาลเพียงตาขึ้นให้ทั้งสองเห็น การะเกดยกมือไหว้ แล้วสะกิดให้พี่ชายทำตาม
    “ธุสิคะ..คุณยายบอกเจอศาลที่ไหนเจอวัดที่ไหนต้องยกมือธุ..”
    ธราทรทำตาม หากเจตนาแกล้งให้เธอห้อยต่องแต่งอยู่เบื้องหลัง
    แต่ด้วยเพราะความไม่รู้ตัว สองแขนที่คล้องกันไว้หลวม ๆ เพื่อไม่ให้รัดคอพี่ชายของเธอนั้นหลุดออกจากกันในทันทีที่มือซึ่งธราทรรองก้นเธอไว้ถูกเจ้าของมือใช้ไปยกมือไหว้ศาลข้างหน้า
    ตุ้บ
    เขาใจหายวาบ เด็กหญิงศีรษะฟาดพื้นแน่นิ่งไป
    เลือดไหลรินออกมาจากศีรษะของเธอ
    ธราทรตะลึงนิ่งขึงทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ ความตกใจความเสียใจจู่โจมจนเขาตั้งหลักไม่ทัน
    “เกด…”
    ……..

    ร่างน้อยถูกอุ้มมานอนเหนือแคร่ที่ปลูกไว้ใกล้ศาลเพียงตาแห่งนั้น
    แผลที่ศีรษะแม้ไม่ใหญ่นักแต่กว่าจะห้ามเลือดได้ก็ใช้เวลานานพอดู
    การะเกดยังไม่ได้สติ..
    เหงื่อแตกซ่กออกมาทั้งศีรษะและลำตัวของเขา
    ความผิดครั้งนี้ยิ่งใหญ่นัก..
    “แม้น้องเกดจะไม่ใช่น้องสาวแท้ ๆ ของแก แต่แกก็ต้องดูแลน้องให้ดี..รักให้เหมือนน้องสาวให้ได้”
    เสียงคุณแม่ของเขาที่พร่ำสอนดังขึ้นในจิตใจ
    “คุณพ่อคุณแม่ของน้องเกดมีบุญคุณคุ้มหัวครอบครัวของเรามานานนักหนา การลี้ภัยการเมืองครั้งนี้ไม่รู้อนาคตว่าท่านทั้งสองจะได้กลับมาเมื่อไหร่..ท่านฝากหัวใจของท่านเอาไว้ที่เรา..ฉะนั้นถ้าแกไม่ดูแลน้องเกดให้ดี..ก็เหมือนแกกำลังเนรคุณผู้มีพระคุณของแก..”
    เด็กชายแทบร่ำไห้ออกมา
    “เกด..ตื่นสิ..ตื่น..”
    ………

    แสงตะวันรอนแสงลงทุกขณะ..เด็กหญิงยังคงหลับตาพริ้มไม่ได้สติอยู่อย่างนั้น
    เขาทั้งนวดท้องเฟ้นตามลำตัวแขนขา..แต่ยังไม่ได้ผล
    สิ่งเดียวที่พึ่งได้ในยามนี้..คือศาลเพียงตาแห่งนั้น..
    เด็กชายถลาเข้าไปคุกเข่าลงทันที..รำลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ สถานที่แห่งนั้น
    ไม่ว่าท่านจะถูกขนานนามในชื่อใด ขอจงได้โปรดบันดาลให้น้องเกดตื่นขึ้นมา
    ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว..ข้าฯ พร้อมจะถวายทุกอย่างให้แก่ท่าน แม้แต่ชีวิตของข้าฯ
    สองมือที่พนมจรดเหนือหว่างคิ้ว สายลมโชยพัดต้องกายจนขนลุกซู่ไปทั้งตัว แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
    “พี่ทรขา..เกดเจ็บ..”
    ………

    เด็กหญิงยังคงขี่หลังเขาขณะเดินกลับบ้าน
    เด็กชายมีความรู้สึกเหมือนของรักของหวงที่หลุดหายได้กลับคืน การะเกดไม่เป็นอะไรมากไปกว่าบาดแผลที่ศีรษะนั้น
    “พี่ทร..เกดฝันด้วยล่ะ..”
    “ว่า?”
    “ยายคนหนึ่งไม่รู้เดินมาจากไหน เข้ามายื่นขนมให้เกด..”
    “ยาย?”
    “ใช่..หน้าตาใจดี นุ่งขาวห่มขาว..ขนมก็แสนอร่อย..เสียดายที่เกดตื่นเสียก่อน..”
    “ยายคนนั้นพูดว่าไงมั่ง..”
    “ยายบอกว่ายังไม่ถึงเวลา แต่อีกไม่นาน วันนั้นจะเป็นวันที่เกดจะได้กินขนมไม่มีวันหมดเลย..”
    “วันไหน?”
    “เกดไม่รู้เหมือนกัน..”
    ……..

    จากคุณ : เนียนฝ้าย - [ 8 ม.ค. 47 17:18:56 A:202.57.171.135 X: ]