และแล้วการประลองรอบที่ทุกคนเฝ้ารอคอยด้วยใจจดใจจ่อก็มาถึง ตุลาการเที่ยงธรรมประกาศให้เหวินเหม่ยชิงและหลิวหยงเคอขึ้นสู่เวทีประลองได้
เหวินเหม่ยชิงในวันนี้มิได้เกล้าผมเป็นมวยเช่นที่เคยเป็น กลับปล่อยสยายเส้นผมลงมา ขับเน้นให้เห็นถึงความงดงามของนางชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อเดินขึ้นเวที เสียงโห่ร้องของผู้ชมก็ดังมาราวกับฟ้าถล่ม เหล่าบุรุษล้วนตะโกนโห่ร้องหนุนเหวินเหม่ยชิงกันสุดเสียงทีเดียว
ส่วนหลิวหยงเคออยู่ในชุดพรตใบหน้าเรียบเฉย ในมือยังคงถือขลุ่ยหยกขาวอันหนึ่ง ก้าวขึ้นเวทีด้วยอาการสงบนิ่ง มีเพียงเหล่าดรุณีที่มิพอใจเหล่าบุรุษที่เอนเอียงไปทางเจ้าสำนักหันซานจนหมดสิ้นเท่านั้นที่ส่งเสียงสนับสนุนเขา
"เจ้าสำนักเหวิน เชิญ" หลิวหยงเคอกล่าวอย่างมีมารยาท มือทั้งสองข้างยังทิ้งลงแนบลำตัว โดยมิได้ตั้งท่าต่อสู้แต่อย่างใด แต่นั่นกลับทำให้เจ้าสำนักสาวแห่งหันซานยิ่งตื่นตัวมากขึ้น นางคิดว่า
"คนผู้นี้มิได้ตั้งท่าต่อสู้ แต่เรากลับมิสามารถมองเห็นช่องว่างและจุดอ่อนบนตัวเขา คนคล้ายหลอมรวมกับสภาพแวดล้อม กลมกลืนไปกับธรรมชาติ ดูท่าความสำเร็จของเจ้าสำนักหัวซานผู้นี้คงสูงเยี่ยมยิ่ง!"
ดังนั้นนางมิกล้าประมาท ปากกล่าววาจา "เชิญ" กระบี่ในมือถูกชักออก กระบวนท่าที่ใช้กลับเป็น "ค่ายกลกระบี่โค้ง" แห่งหันซาน กระบวนท่าตั้งรับที่สืบทอดกันมากว่าร้อยปี และเป็นแนวทางวิชาอันเที่ยงแท้ของสำนัก
หลิวหยงเคอตาเป็นประกายวูบหนึ่ง กล่าวว่า
"นึกมิถึง เจ้าสำนักเหวินในวันนี้กับสามวันก่อน แตกต่างกันอย่างมากมาย หากแม้นเป็นเมื่อสามวันก่อน เรายังสามารถสยบท่านในหนึ่งร้อยท่าเพลง แต่วันนี้
เกรงว่าคิดสยบท่านคงยากยิ่งแล้ว"
วาจานี้แม้จะกล่าวอย่างให้เกียรติและแฝงความหมายชมเชย ทว่าการที่หลิวหยงเคอกล่าวเช่นนี้ ไยมิใช่อวดอ้างว่าตนเองมีพลังฝีมือสูงส่งกว่าเจ้าสำนักหันซานหรอกหรือ? คำพูดพอกล่าวสร้างความตื่นตระหนกแก่เหล่าผู้ชมอยู่บ้าง มีเพียงหลวงจีนชราที่ลูบเครา พร้อมทั้งจับจ้องเจ้าสำนักหัวซานอย่างสนใจ
ในขณะที่ผู้คนยังสับสน และถกเถียงถึงคำพูดของเจ้าสำนักหัวซานอยู่นั้น ตัวมันก็ได้เคลื่อนไหวแล้ว หลิวหยงเคอเคลื่อนกายไปทางขวาง ชั่วพริบตาก็ปรากกฏกายที่ด้านซ้ายมือของเหวินเหม่ยชิง กระบวนท่าที่ใช้ออกพลิกพลิ้วสวยงามคล้ายกระเรียนกลางดง ขลุ่ยหยกขาวในมือจรดปาก ร่างกายคล้ายล่องลอยกลางเมฆหมอก ชั่วพริบตาจู่โจมออกยี่สิบกระบวนเพลง จากแง่มุมและทิศทางต่างๆ มองเห็นร่างของเขาบัดเดี๋ยวอยู่ซ้าย บัดเดี๋ยวย้ายมาขวา ขลุ่ยหยกขาวคล้ายงูปราดเปรียวตัวหนึ่ง ทิ่มแทงเข้าใส่เหวินเหม่ยชิงอย่างฉับไว สร้างความตื่นตะลึงแก่เหล่าผู้ชม
ผู้ที่เข้าร่วมชมบางส่วนเริ่มคิดแล้วว่า คำกล่าวของเจ้าสำนักหันซานมิใช่คำโอ่อวด ลำพังแค่วิชาตัวเบาที่มันสำแดงออกมาก็จัดว่าอยู่ในระดับต้นๆ ของบู๊ลิ้มแล้ว! ยังมีเพลงขลุ่ยของมันยิ่งผสมกลมกลืนกับท่าร่างวิชาตัวเบา ความสำเร็จของคนผู้นี้น่ากลัวไม่ด้อยไปกว่าเจ้าสำนักเตียแห่งบู๊ตึ๊งในกาลก่อน ตัวมันกลับแสดงออกราวกับมีฝีมืออ่อนด้อยกว่าผู้อื่น นับว่าเป็นคนประเภทคมในฝัก น่ากลัวยิ่งนัก!!!
ทว่าเจ้าสำนักหันซานกลับใจเย็นยิ่งนัก ร่างกายมิเคลื่อนไหว อาศัยพลังสภาวะของ "ค่ายกลกระบี่โค้ง" สำแดงพลังกระบี่จากแง่มุมและทิศทางต่างๆ สกัดกั้นการจู่โจมของขลุ่ยหยก ผู้คนเพียงเห็นทั้งสอง หนึ่งนิ่งเฉย หนึ่งเคลื่อนไหว ไม่เข้าปะทะหักหาญ หารู้ไม่ว่า ที่จริงทั้งสองล้วนจู่โจมปะทะกันด้วยเคล็ดวิชาชั้นสูง มีเพียงผู้ที่มีวรยุทธสูงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทราบ
บุรุษที่คลับคล้ายสตรีผู้นั้น รับชมด้วยใบหน้าที่ยิ่งมายิ่งซีดขาว มันเป็นอีกผู้หนึ่งที่รับรู้ถึงการต่อสู้อันน่าแตกตื่นสะท้านโลกนี้!!!
หลิวหยงเคอยังคงวนเวียนจู่โจมโหมเข้าใส่อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้ง ทว่าล้วนโดนตอบโต้กลับมาด้วยค่ายกลกระบี่โค้งของอีกฝ่าย ในที่สุดหลิวหยงเคอก็หยุดนิ่งลง ขลุ่ยหยกขาวในมือยกขึ้นขนานกับพื้นดิน จรดริมฝีปากลงบนตัวขลุ่ย บังเกิดเสียงวังเวงเยียบเย็นดังออกจากตัวขลุ่ย
ในที่สุด เจ้าสำนักหัวซานก็งัดไม้ตายประจำตัวออกมาแล้ว!! พลังลมปราณเข้มแข็งซึ่งถ่ายทอดออกมาโดยขลุ่ยหยกขาวคู่มือ กระบวนท่าที่เรียกว่า
"ขลุ่ยเสียงสำเนียงเทพ"
เหวินเหม่ยชิงรู้สึกเสียงเพลงที่อีกฝ่ายบรรเลงคล้ายมีมนต์สะกด บันดาลให้สิ้นหวัง สิ้นความคิดต่อสู้ เมื่อแรกฟังเป็นเสียงไพเราะบันดาลให้อยากฟังอีก แต่หากตั้งสมาธิจดจ่อกับเสียงนั้นเมื่อใดจะถูกเสียงดูดกลืน กลับกลายไปตกอยู่ใต้วิถีทางของหลิวหยงเคอในที่สุด
สภาวะนี้คล้ายยามที่นางเคยถูกไต้ซือหัวหลินทำให้ตกอยู่ในภวังค์ ผิดแต่ว่าครั้งนั้นไต้ซือมิได้มีเจตนาทำร้ายนาง และครั้งนี้หลิวหยงเคอมิได้มีกำลังภายในมากเท่าไต้ซือหัวหลิน
อย่างไรก็ตามหากนิ่งอยู่โดยพยายามต่อต้านก็จะถูกเสียงกัดกร่อนจิตใจไปเรื่อยๆ ต้องรามือยอมรับความพ่ายแพ้ในที่สุดนั่นเอง เหวินเหม่ยชิงจึงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงจากรับเป็นรุก สลายค่ายกลกระบี่โค้ง กระบี่ในมือคล้ายรุ้งยาวพาดผ่านทิ่มแทงเข้าใส่หลิวหยงเคอ
กระบี่พอทิ่มแทงก็ผ่านช่องว่างกว่าสิบก้าว เข้าใกล้เจ้าสำนักหัวซานเต็มที ทว่าอีกฝ่ายคล้ายมิรับรู้ถึงกระบวนท่ายังคงทุ่มเทลมปราณเป่าลงบนตัวขลุ่ย แลเห็นกระบี่ของเหวินเหม่ยชิงจวนจะทิ่มแทงถูกร่างของหลิวหยงเคออยู่รอมร่อ ร่างของมันพลันเลือนหาย ปรากฏอีกครั้งที่เบื้องหลังของหญิงสาว ยังคงรักษาท่วงท่าเช่นเดิมโดยคล้ายมิเคยเคลื่อนไหวมาก่อน!
หัวหลินไต้ซือถึงกับอุทานออกมา "หลิวหยงเคอสามารถปรับใช้กระบวนท่าที่คล้ายสะกดผู้คนนี้เข้ากับค่ายกลแปดทิศ นับว่ามีพรสวรรค์ยิ่ง!!!"
ตุลาการเที่ยงธรรมเนื่องจากไร้ซึ่งวรยุทธ ดังนั้นสอบถามหลวงจีนชราด้วยความสนใจ
หลวงจีนชราเจ้าสำนักเส้าหลินเทียนซานอธิบายให้ฟังว่า
"ค่ายกลแปดทิศที่ว่าอาศัยหลักฮวงจุ้ย ตามทิศทางทั้งแปดและธาตุประจำทิศทั้งแปด คือ บูรพา อาคเนย์ ทักษิณ หรดี พายัพ อุดร ประจิม และ อีสาน เป็นค่ายกลที่ใช้ลวงตา หลอกล่อศัตรู หลิวหยงเคอกลับสามารถนำมาดัดแปลงเป็นหลักวิทยายุทธ ทั้งยังใช้ร่วมกับกระบวนท่าที่สิ้นเปลืองลมปราณเช่น "ขลุ่ยเสียงสำเนียงเทพ" ได้ ในรอบหลายร้อยปีของสำนักหัวซาน น่ากลัวคนผู้นี้มีฝีมือโดดเด่นร้ายกาจที่สุด!!!"
จื่ออิงที่ชมดูอยู่ด้านข้าง กลับรู้สึกมิเชื่อถือหลวงจีนชราเท่าใด เพียงรู้สึกกระบวนท่าของหลิวหยงเคอ ก็แค่หลอกล่อ ขอเพียงสามารถจำแนกทิศทางก็สามารถจู่โจมทำลาย แต่นิ่งเฉยอยู่มิได้พูดอันใดออกมา
"ดูนั่น!" ตุลาการเที่ยงธรรมอดอุทานออกมามิได้
สภาพการต่อสู้เปลี่ยนแปลงอีกครั้ง หลิวหยงเคอยังคงรักษาท่วงท่าเดิม ที่เปลี่ยนแปลงคือ เหวินเหม่ยชิง นางได้ใช้กระบวนท่า "เพลงกระบี่ไตรลักษณ์" แล้ว!!!
มองเห็นร่างของหญิงสาวหมุนวนดุจลูกข่างขนาดยักษ์ กระบี่ในมือทิ่มแทงออกทุกทิศทางราวกับหนามของตัวเม่น รัศมีกระบี่จู่โจมถึงที่ใดล้วนทำลายจนพินาศ ร่างของนางเหินขึ้น ร่อนลง ชั่วพริบตาเคลื่อนกายไปมารอบสนามประลองโดยมิเว้นว่างแม้ซักจุดเดียว!
ท่ามกลางเสียงโห่ร้องอย่างยินดีของเหล่าบุรุษ ซึ่งเข้าใจว่าหญิงงามของพวกตนเป็นฝ่ายรุกไล่จนอีกฝ่ายมิอาจโต้ตอบ
ทว่าตัวหลิวหยงเคอนั้น ยังคงรักษาท่วงท่าเช่นเดิม คนบัดเดี๋ยวเลือนหาย บัดเดี๋ยวปรากฏ มิว่าเจ้าสำนักหันซานเคลื่อนกายจู่โจมเช่นไร มันล้วนมินำพาปรารมภ์ กระบี่ของหญิงสาวก็มิสามารถสัมผัสแม้นชายเสื้อของมัน!!!
การต่อสู้แม้ผ่านช่วงเวลากว่าครึ่งชั่วยาม ยังคงลักษณะเช่นเดิม หนึ่งเคลื่อนไหว หนึ่งสงบนิ่ง เพียงพลิกโฉม ฝ่ายที่หยุดนิ่งกลับเคลื่อนไหว ฝ่ายที่เคลื่อนไหวกลับหยุดนิ่งแทน!!!
แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 47 13:02:09
จากคุณ :
ทีมแต่งนิยาย
- [
8 ม.ค. 47 23:29:21
]