เลขเด็ดเด็ด
เมื่อประมาณแปดชั่วโมงที่แล้วผมสะดุ้งตื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เนื้อตัวสั่นเทา ความชื้นเกาะกินฝ่ามือจนรู้สึกเหนียวหนืด หน้าผากและโคนผมเบียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ลมหายใจที่เหนื่อยหอบประหนึ่งไปวิ่งรอบสนามกีฬาแห่งชาติมาสักสิบรอบ ผมหายใจหอบถี่ราวกับว่าอากาศที่มีอยู่รอบตัวเหลือน้อยนิด และกำลังจะหมดไป
ความคิดผมยังคงสับสนว่าเกิดอะไรขึ้น ผมอยู่ที่ไหน ทำอะไร และตอนนี้เวลาเท่าไหร่ แล้วทำไมรอบตัวผมมีแต่ความมืด สมองยังคงมึนๆเบลอๆไม่สามารถตอบคำถามที่แสนง่ายขนาดนี้ได้
กว่าผมจะเรียกสติความทรงจำกลับมาได้ รู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าผมกำลังนั่งอยู่บนเตียงนอนของผม คำถามแรกที่แวบเข้ามาในสติผมตอนนี้คือเวลา ตอนนี้เวลากี่โมงแล้ว ทำไมแสงสว่างจากพระอาทิตย์ยังไม่ทอดแสงผ่านช่องกระจกผมสักที
ความมืดสงัดของคำคืน กระแสลมหนาวโชยเอื่อยพัดผ่านช่องหน้าต่าง ทำให้ผ่าม่านพริ้วไหวเป็นระยะ
ผมเอื้อมหยิบนาฬิกาตรงหัวเตียง เพ่งมองอยู่สักระยะ ผมรู้สึกว่ามองไม่เห็น มันยังมืดอยู่เลย ที่สำคัญม่านตาผมยังไม่สามารถปรับสภาพให้มองเห็นในความมืดได้ และสำคัญที่สุดผมสายตาสั้นถ้าไม่ได้ใส่แว่นผมก็จะเสมือนคนตาบอดดีๆนี่เอง
ผมเอื้อมตัวไปที่หัวเตียงอีกครั้ง ใช้มือกวัดแกว่งหาแว่นสายตาคู่ใจที่วางไว้ หลังจากใส่แว่นผมเพ่งมองที่นาฬิกาในอุ้งมือ คำตอบที่ได้ทำให้ผมตกใจมาก แว่นไม่สามารถช่วยอะไรผมได้เลย ความมืดยังคงครอบคลุมไปทั่วบริเวณ ผมรู้สึกเหมือนคนตาบอกอีกครั้งแม้ว่าผมจะใส่แว่นแล้ว ผมตัดสินใจเด็ดขาด ไปเปิดไฟดีกว่าจะได้มองเห็นสักที มัวแต่มานั่ง มึนๆงงๆ อยู่อย่างนี้ทำไมละ
ผมลุกจากเตียงเดินไปเปิดไฟตรงมุมห้อง พื้นกระเบื้องในห้องเย็นเชียบ ความเย็นแผ่ซ่านจากผ่าเท้าสู้เส้นสมองของผมอย่างรวดเร็ว สมองของผมรับความรู้สึกจากฝ่าเท้าและตอบกลับไปอย่างรวดเร็วว่า พื้นมันเย็นรีบๆเดินหน่อย
สองขาของผมเคลื่อนตัวเองไปที่ผนังห้องไปอย่างรวดเร็ว มือข้างถนัดกดเปิดสวิตช์ไฟอย่างคุ้นเคย สว่างแล้วครับแสงแห่งชีวิต ตอนนี้ตาเริ่มปรับการมองได้แล้วแม้ว่าจะต้องหรี่ตาเล็กน้อยระหว่างปรับสภาพ ไม่นานผมมองเห็นชัดเจนเป็นปกติแล้ว เฮ้อ...มัวแต่กวนตุ้มตัวเองอยู่ตั้งนาน
ผมก้มมองนาฬิกาในมือ อืม....ตีห้าครึ่งเกือบจะเช้าแล้ว แต่ก็ยังไม่เช้า นอนต่อได้อีกนิดนะเนี่ย กว่าจะเช้าวันนี้วันอะไรน้า ผมเอาลิ้นดุลเพดาลปากทำเสียง ติ๊กต็อก ติ๊กต็อก
ประมวลความทรงจำอยู่หนึ่งอึดใจ ความจริงก็บังเกิด เมื่อวานวันเสาร์วันนี้ก็..... ใช่แล้ววันนี้ก็.....วันศุกร์เช้า!!!! ...ไม่ใช่ๆ ผมกวนตุ้มตัวเองอีกหนึ่งครั้ง...
ทันใดนั้นสมองซีกขวาสั่งการให้ผมสะดุ้งหนึ่งทีให้เหมือนตลกคาเฟ่ ไหล่ทั้งสองยกขึ้นทัดหู การทรงตัวอยู่ด้วยปลายเท้า อะจึ๋ย!!!.... ผมเล็ดเสียงออกจากลำคอ
ผมขจัดความน่ากลัวของตัวเองออกจากใจ ภาวะอยู่ในภวังค์จางไป ความสมบูรณ์ของสติปัญหาเริ่มประดังเข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้จะมีไม่มากนักก็เอาเถอะ ผมสะดุ้งพร้อมยักไหล่อีกหนึ่งครั้ง อะจึ๋ย..!!!
ผมหยุดนั่งนิ่งบนเตียงนอน พลางคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับผมในคืนนี้ ความทรงจำในสมองผมช่างรางเลือนเหลือเกิน อะไรน้า เราฝันอะไรออกไปนะ แล้วเสียงนั้นเป็นเสียงใครกัน ทำไมเสียงนั้นช่างคุ้นหูเหลือเกิน เกิดอะไรขึ้นแล้วเลขที่ผมเห็นในฝันมันหมายความว่าอย่างไรนะ
ผมพยายามเค้นความฝันเมื่อสักครู่ออกมาให้จงได้ ในใจใคร่ครวญภาพที่เห็นในฝัน เริ่มจากจุดเล็กๆ จำรางๆได้ว่าผมอยู่ที่ตรงไหนสักแห่งหนึ่ง แต่ผมไม่สามารถบอกได้ว่าที่ไหน ที่จำได้ก็คือ ที่แห่งนั้นมีแต่ความมืด
ความมืด ความมืด... ใช่แล้ว แล้วอะไรต่อนะ ผมพยายามคิดต่อ แล้ว...อืม...ยังคิดไม่ออก ไปหาน้ำดื่มดีกว่า
ผมผลุนผลันออกจากห้องเดินลงไปที่ครัว กระหวัดน้ำดื่มเย็นเจี๊ยบไม่นับอึก พริบตาน้ำเย็นเต็มแก้วหมดลงอย่างรวดเร็ว
ฮ้า.....ผมพ่นความชื่นช่ำที่ไหลทะลักออกมาจากกระบังลมทั้งสอง
ผมหย่อนตัวลงตรงโต๊ะทานข้าว นึกภาพความฝันอีกครั้ง ตาทั้งสองหรี่เล็ก คิ้วชนกัน ใช้นิ้วชี้ดุลแว่นหนึ่งครั้ง แต่ก็ยังคิดไม่ออก
ไม่เป็นไรหาอะไรกินดีกว่า
ผมชงกาแฟมั่วๆผสมในแก้ว ถ้าผงสีดำก็น้อยหน่อย ส่วนผงสีขาว สีขาวข้นก็มากหน่อย แล้วก็กดน้ำร้อนใส่
อร่อยดีแฮะ ผมชมตัวเอง แล้วโขยงตัวกลับขึ้นห้อง กลิ่นกาแฟหอมกรุ่น ฟรีคิกโพรงจมูกตลอดทาง
แสงอรุณยามเช้าวันอาทิตย์สวยงามกว่าที่ผมจินตนาการไว้มาก ผมจิบกาแฟสีหวานตรงระเบียงห้อง จินตนาการเปรียบแสงสีส้มเป็นขนมปังกรอบเลิศรสวิธีทานก็เพียงใช้ตาทั้งสองทานแกล้มกับกาแฟสีหวานในมือ อืม...อร่อยมากครับ อร่อยทั้งลิ้น อร่อยทั้งตา
กาแฟหมดแก้วไปแล้ว พระอาทิตย์กำลังโผล่พ้นขอบฟ้า แสงสีส้มที่เคยทานอร่อยตา ตอนนี้ชักเริ่มเอียนแฮะ ดวงตาผมกำลังแสบและคันยิบๆ คงเปรียบได้กับการกินขนมปังกรอบสักพันชิ้นก็เป็นได้
ผมเคลื่อนตัวออกจากระเบียงก่อนที่จะอาเจียนแสงสีส้มออกมา เดินวนเวียนในห้อง คิดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าวันอาทิตย์นี้จะเอายังไงกับชีวิตดี
เหลือบมองนาฬิกาแจ้งเวลาว่าเจ็ดโมงยี่สิบ สงสัยในใจ ทำไมวันนี้ผมตื่นเช้านักนะ ธรรมดาวันอาทิตย์ วันหยุดพักผ่อนอย่างนี้ผมน่าจะตื่นประมาณเที่ยงหรือไม่ก็บ่าย
สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดหนึ่งเฮือก ไหนๆก็ตื่นเช้าแล้ว ตัดสินใจอาบน้ำมันซะเลยแล้วกัน นี่อาจจะเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตผมอีกอย่างหนึ่งก็เป็นได้ จะหนาวหรือเปล่าวะ ที่บ้านก็ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น ถ้าอาบแล้วเนื้อตัวจะสะอาดไปไหม ยังเช้าอยู่น้า ความคิดขัดแย้งสับสนก่อตัวขึ้นในใจ
แต่...ในที่สุดผมก็ต้องยอมพ่ายแพ้กับความขี้เกียจของตนเอง ผมสามารถทำได้แค่แปรงฟันกับล้างหน้าเท่านั้น ส่วนอาบน้ำนะเหรอ ฮุฮุ....หมดสิทธิ์ เพราะเพียงแค่ผมลองเอาน้ำราดที่เท้าของผม จิตใต้สำนึกก็ให้คำตอบชัดเจนและผมก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
ผมขจัดความสกปรกบนใบหน้าให้หมดไป ขี้ตา กับขี้ฟันถูกละลายทิ้งไปกับสายน้ำ หน้ายังเปียกหมาดๆ ผมใช้ผ้าขนหนูซับหน้าจนหนำใจ แล้วสวมแว่นสายตา
พอผมใส่แว่นเท่านั้นแหละบางอย่างก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าผม ไม่น่าเชื่อ ผมตกใจมากที่กระจกเงา มีผู้ชายหล่อที่สุดในโลกเผยโฉมอยู่ อะจึ๋ย!!!(พร้อมสะดุ้งหนึ่งครั้ง)
เฮ้อ....ผมเริ่มรู้สึกตัวว่าวันนี้เห็นทีจะอยู่ตัวคนเดียวไม่ได้แล้ว กวนตุ้มตัวเองไปเรื่อย ขืนอยู่ต่อไปผมคงต้องใช้มีดปาดคอตัวเองแน่ๆ ก้อนสมองน้อยๆเลยสั่งการสองขาให้พาผมลงไปดูทีวีในห้องรับแขกข้างล่าง เผื่อว่าพ่อกับแม่จะตื่นแล้ว และผมก็จะได้มีเพื่อนคุย และที่สำคัญขอสตางค์ด้วย
จากคุณ :
maleesawan@hotmail.com
- [
10 ม.ค. 47 13:54:35
A:203.146.112.110 X:
]