ภาวนา

       มีดโกนหนวดยังคงค้างเติ่งในมือ แม้โจจะโกนหนวดเสร็จนานแล้วแต่โจ กลับทิ้งให้ครีมโกนหนวดแห้งคารอบปาก เลือดไหลซิบๆที่คางที่บัดนี้แห้งกรัง(เป็นผลจากใบมีดโกนที่ทื่อค้างปี) โจปล่อยให้สภาพใบหน้าให้ทรุดโทรมมานานในที่สุดเขาก็ตัดสินใจบูรณะมันขึ้นมาใหม่ ภาพข้างหน้าเขาขณะนี้คือภาพสะท้อนจากกระจกเงาของชายวัยสามสิบสองคนหนึ่งที่กลับมาดูหนุ่มขึ้นอีกครั้ง
       แป๊นๆ !!!
       เสียงแตรของไอ้จิกดังขึ้นอีกครั้งหลังจากเสียงแตรครั้งแรกเงียบไปนานแล้ว
       “เฮ้ยโจยังหล่อไม่เสร็จอีกเหรอ เดี๋ยวไม่ทันนะโว้ย”
       ไอ้จิกโผล่หัวออกมานอกหน้าต่างรถยนต์โหวกเหวกอยู่หน้าบ้าน โจรีบล้างครีมโกนหนวดที่แห้งคาปาก เขาคงคิดอะไรเพลินเกินไป เดี๋ยวไอ้จิกจะพาลโกรธ เมื่อโจกระโจนขึ้นรถได้ไอ้จิกก้อเปิดฉากแซวทันที
       “โอ้โห หน้าเกลี้ยงขึ้นเยอะเพื่อนเราวันนี้ ทุกวันนึกว่าทุ่งหญ้าเลี้ยงควายเดินได้ หล่ออย่างนี้ระวังเดี๋ยวไฟเก่ามันจะคุนะโว้ย”
       คำแซวของไอ้จิกมันช่างเสียดแทงใจของโจเสียจริงๆ เพราะวันนี้เขาได้นัดกับเจ้าจิกไปงานแต่งงาน งานแต่งงานของคนรักเก่าที่เขาไม่เคยลืม “หญิง” คนรักเก่าที่เขาเฝ้าคิดถึงตั้งแต่วันที่เขากับเธอต้องจากกัน เขาไม่สามารถแทนที่หญิงด้วยใครคนอื่นได้ หญิงยังคงหลอกหลอนเขาด้วยอ้อมแขนอันอบอุ่น ประทับความทรงจำฝังลึกด้วยริมฝีปากที่อ่อนนุ่ม และคำรักที่ตรึงใจเรื่อยมา เขาเฝ้าติดตามข่าวของหญิงอยู่เสมอ เขาได้ข่าวว่าหญิงไปเรียนเมืองนอก มีแฟนเป็นนักเรียนนอกด้วยกัน เป็นคนร่ำรวย แต่เขาไม่มีฐานะอะไรที่จะตามไปเรียนต่อกับหญิงได้ ได้แต่ภาวนาให้หญิงกลับเมืองไทยเพื่อจะได้พบกับหญิงสักครั้งก็ยังดี ข่าวคราวของหญิงนั้นหายไปนานแล้วเหลือแต่ความทรงจำเกี่ยวกับหญิงยังกลับมาเยือนอยู่เสมอ จนมาวันนี้วันที่เขารอคอย วันที่จะได้พบหญิงก็มาถึง มาพร้อมกับข่าวที่เขาไม่อยากแม้จะได้ยิน หญิงจะแต่งงานโจพึ่งรู้เมื่อเช้าโดยไอ้จิกมันโทรมาบอก แม้การ์ดเชิญซักใบยังไม่มี ในความสับสนของจิตใจโจต้องเลือกเอาระหว่างได้พบคนที่เฝ้ารอมานานแต่ต้องทนเจ็บปวดที่ได้เจอ หรือจะไม่ได้พบหญิงอีกต่อไปเพราะหลังจากวันนี้เธอต้องเป็นภรรยาที่ดีของใครคนนั้น

       โจเตรียมตัวแทบไม่ทันและยังทำใจไม่ได้เลย จนไอ้จิกเซ้าซี้ให้ไปงาน ตอนเย็นไอ้จิกจึงมารับไปแบบยังทำใจไม่ค่อยได้

       “หึๆ”
       โจแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อน แต่ไอ้จิกเห็นเพื่อนหน้าเสียแล้วเสียใจที่พูดออกไปอย่างนั้น
       “โจ ไอ้แขมร ไอ้นาจ ไอ้เกต ก็มานะโว้ย”
       “เหรอ มันคงได้ข่าวก่อนเรา”
    น้ำเสียงโจเหมือนน้อยใจในที
       “ไม่หรอกวะ มันก็พึ่งได้ข่าวเมื่อคืนนี้เอง”
       “แต่ก็ก่อนเราอยู่ดี”
       “โจ อย่าเสียใจเลยนะ คิดเสียว่าเรื่องเก่าๆมันก็ผ่านไปแล้วอย่างน้อยก็ได้เจอเพื่อนเก่าๆตั้งหลายคนนะโว้ย”
       “.......”
       ไม่มีเสียงตอบจากโจ ทั้งสองนั่งรถเงียบๆจนไปถึงโรงแรมใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพ จิกพารถไปจอดที่ลาดจอดรถแล้วพาโจเข้าโรงแรมจากทางลานจอดรถโดยไม่ผ่านล็อบบี้โรงแรม
       “เฮ้ยไอ้จิกหลอกหรือเปล่าว่ะ”
       “ไม่ได้หลอกเดี๋ยวก็ถึงงานแล้ว”จิกพยายามเลี่ยงใช้คำว่างานแต่งตรงๆ
       “แล้วทำไมพามาลิฟต์ตัวนี้ละ นี้มันลิฟต์ขนของไม่ใช่เหรอจิก”
       “ลิฟต์ตัวหน้ามันเสีย”
       “รู้ได้ไงว่ามันเสีย”
       “ไอ้นาจมันโทรมาบอกตอนที่เอ็งมัวแต่สำอางอยู่นะซิ”
       โจรู้สึกเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล นี้ไอ้จิกจอมอำมันจะหลอกอะไรเราหรือเปล่านะ ตัวเลขดิจิตอลสีแดงเหนือประตูลิฟต์หมุนเปลี่ยนเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ตัวเลขยิ่งเพิ่มมากเท่าไหร่ใจโจยิ่งหวั่นไหว ประหม่า และตื่นเต้น

        “เรากลับดีกว่าจิก”
       โจพยายามจะกดปุ่มที่ลิฟต์ให้มันกลับไปชั้นเก่า แต่ดูเหมือนมันจะไม่ยอมฟังคำสั่งลิฟต์ยังคงพาทั้งสองทะยานขึ้นไปเรื่อยๆสู่ชั้นบนสุดของโรงแรม โจพยายามหาปุ่มชั้นอื่นๆแต่ก็ไม่พบ เนื่องจากลิฟต์ตัวนี้เป็นลิฟต์ขนของระหว่างชั้นบนสุดกับที่จอดรถเท่านั้น
       “เดี๋ยวซิโจ แหม๋อุตสาห์โกนหนวดมาอย่างดี เราเองก็อุตสาห์ไปรับนะ”
      จิกทำหน้าบอกไม่ถูกเมื่อโจจะถอดใจคิดจะหนีกลับแต่ทันใดนั้นประตูลิฟต์ก็เปิดออกพร้อมเสียงกริ๊ง ด้านนอกประตูลิฟต์ผู้คนหนาตาล้วนแต่งตัวสวยงาม โจมองผ่านผู้คนมากมายไปยังปลายสุดของห้อง ที่ปลายสุดของห้องนั้นมีซุ้มประตูดอกไม้รูปหัวใจพร้อมม่านกลีบกุหลาบ ข้างประตูเห็นชายในชุดทักซิโดนั่นคงเป็นเจ้าบ่าวโจคิด ซักครู่ก็เห็นเจ้าสาวในชุดขาวสะอาดแหวกม่านรูปหัวใจออกมายืนต้อนรับแขก หัวใจของโจเต้นแรงเพราะคนที่อยู่ในชุดเจ้าสาวขาวสะอาดนั้นไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นหญิง ผู้หญิงคนเดียวที่เขาเฝ้าคิดถึง ผู้หญิงคนเดียวที่เขายังจำได้ถึงไออุ่นของริมฝีปาก ภาพฝันเดิมๆที่ตามมาหลอกหลอนเขาทุกคืน โจเผลอเดินออกมาจากลิฟต์อย่างลืมตัว ไอ้จิกรีบเดินตามออกมาแล้วปิดประตูลิฟต์

    จากคุณ : หูโน่ - [ 11 ม.ค. 47 17:44:15 ]